[The Avengers Fic][ThorKi] All That’s Left Are the Shattered Pieces

 
 

 All That’s Left Are the Shattered Pieces 

 The Avengers + Thor fanfiction by Tippuri~ii *

 

 
 
 
Pairing: Thor x Loki a.k.a. Thunderfrost

 

 

* แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบัง เทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boy’s love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

 

 

REMARK: มัน เป็นฟิคเรท ตัวคนเขียนเองให้เรทไม่ถูก เอาเป็นว่ามันเรท…ไม่น่าเหมาะกับเยาวชนเท่าไหร่ ใครรู้ตัวว่าอายุไม่ถึงควรพิจารณาก่อนอ่านนะจ๊ะ

 

 

 

 

 

***************************************

 

 

ประตูสีทองบานยักษ์ฟาดกับผนังเสียงดังก้องตามแรงผลักของคนที่เดินเข้ามา…ถึงสีหน้าจะเรียบเฉย หากแววคุกรุ่นก็ฉายชัดในดวงตาสีฟ้า ขัดกับร่างบางที่เจ้าตัวอุ้มพาดอยู่บนไหล่…ชายหนุ่มผมดำสลวยระต้นคอที่ได้แต่ดิ้นรนแม้จะไร้ประโยชน์

              

 

 

 

 

คนโดนอุ้มส่งเสียงอุทานออกมาเมื่อตนโดนเหวี่ยงลงบนเตียงใหญ่สีขาว…หากเสียงที่เล็ดรอดออกมาก็มีเพียงน้อยนิดด้วยที่ปิดปากที่พาดทับ เขาพยายามขยับให้ข้อมือที่โดนพันธนาการไว้ด้วยโซ่เงินเป็นอิสระแม้จะรู้ว่าไม่มีหวัง…ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงประตูปิดดังสนั่น

              

 

 

 

 

นัยน์ตาสีน้ำทะเลตวัดปราดไปทางต้นเสียง…หากสัมผัสของพื้นเตียงที่ยวบลงไปก็บอกเขาในอีกเสี้ยววินาทีถัดมาว่าคนเป็นพี่ชายไม่ได้ออกไปแล้วปิดประตู

              

 

 

 

 

…อีกฝ่ายอยู่กับเขาในห้องนี้แล้วปิดประตูต่างหาก

           

 

 

 

 

ร่างบางหันขวับกลับมา…ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผมทองยืนค้ำศีรษะอยู่ตรงข้างเตียง กริยาของเขาคงทำให้อีกฝ่ายพอใจ…เพราะเจ้าตัวหัวเราะออกมาเบาๆ

              

 

 

 

 

“เจ้าตกใจง่ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันโลกิ…?”

              

 

 

 

 

คำเย้ากลั้วหัวเราะไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจขึ้นเลย…เพราะมันเจือความเย็นชาไว้จนสัมผัสได้ และเขาก็อยู่กับคนตรงหน้ามานานพอที่จะรู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้เป็นสัญญาณว่าเจ้าตัวกำลังโกรธถึงขีดสุด ร่างบางเผลอตัวขยับถอยหนี…หากมือแข็งแรงของอีกฝ่ายก็พุ่งปราดมากระชากข้อมือที่โดนรวบไว้ด้วยกันของเขาให้เข้าไปใกล้ ก่อนที่มืออีกข้างจะเอื้อมมากระชากที่ปิดปากของเขาทิ้ง…สัมผัสที่บาดผิวทำให้โลกิเผลอนิ่วหน้า ขยับจะร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อร่างของตนโดนรั้งขึ้น…หากเสียงอุทานก็หายไปเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าบดเบียดลงมา

              

 

 

 

 

มันเป็นจูบที่รุนแรงและไร้หัวใจเสียจนเขานึกกลัว…ระหว่างทางที่กลับมาจากมิดการ์ด พี่ชายนิ่งเฉยจนเขาเดาไม่ถูกว่าตนจะต้องพบบทลงโทษอะไร…สิ่งที่เขาทำไปมีความผิดเทียบเท่าได้กับการก่อกบฏ และแอสการ์ดไม่เคยยอมให้อภัยคนทรยศ

           

 

 

 

 

ธอร์รู้แล้วว่าการเนรเทศไม่มีทางหยุดเขาได้…สิ่งเดียวที่เหลือคงเป็นโทษประหาร

              

 

 

 

 

หากการคาดเดามากมายของเขาถูกพิสูจน์ว่าผิดหมดในวินาทีนี้…โลกิได้แต่กรีดร้องอย่างหวาดกลัวในใจ รู้ดีแล้วว่าพี่ชายคิดจะทำอะไรกับตน

              

 

 

 

 

คนตรงหน้าถอนจูบ…รั้งร่างเขาให้ขยับตามด้วยการกระชากโซ่เงิน โลกิรู้สึกได้ว่าความกลัวในใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ…พยายามจะขัดขืน…แต่ก็สู้แรงชายหนุ่มผมทองไม่ได้ ร่างสูงเอนตัวคร่อมเขา มือแข็งแรงนั้นปลดห่วงที่คล้องรอบข้อมือของเขาออกเพียงเพื่อจะพันธนาการมันใหม่…รวบให้ข้อมือทั้งสองของเขาอยู่เหนือศีรษะ

              

 

 

 

 

ลมหายใจของโลกิติดขัดด้วยความตื่นตระหนก เสียงแหบโหยพูดอย่างสิ้นหวัง

              

 

 

 

 

“อย่า…ท่านพี่…ได้โปรด…น้องขอโทษ…”

              

 

 

 

 

หากเสียงก็โดนกักกั้นด้วยเรียวปากของคนเป็นพี่ชายที่กดจูบลงมาอีกครั้ง ชายหนุ่มผมดำพยายามจะขัดขืน หากมือของอีกฝ่ายที่เลื่อนมาบีบคางก็ทำให้เขาต้องยอมแพ้…ริมฝีปากโดนแยกออกเพื่อที่คนตรงหน้าจะได้รุกรานเข้ามาได้มากขึ้น

              

 

 

 

 

โลกิหอบหายใจเมื่อโดนปล่อยให้เป็นอิสระ…ความกลัวแสดงออกมาให้เห็นในรูปของน้ำตาที่เริ่มปริ่ม หายใจไม่ออกพร้อมหัวใจเต้นแรงด้วยความตระหนก เพราะรอยยิ้มและนัยน์ตาเยียบเย็นที่เห็นบอกชัดว่าวินาทีนี้…เหตุผลใดๆ ก็คงไม่อาจเปลี่ยนใจพี่ชาย

              

 

 

 

 

ธอร์มองร่างที่สั่นระริกอยู่บนเตียง นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายจะเคยรู้ไหม…ความรู้สึกที่ไม่ควรมีของเขา…ความรู้สึกเขาฝืนใจเก็บกลั้นไว้ด้วยคำว่าพี่น้อง

           

 

 

 

 

แต่ตอนนี้…ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

              

 

 

 

 

โลกิคงไม่มีทางจะเดาได้ว่าที่ผ่านมา…เขาต้องห้ามตัวเองกี่ครั้งกี่หนไม่ให้เผลอทำอะไรเกินเลย คงไม่มีทางจะเดาได้ว่าเขารู้สึกยังไงในวินาทีที่ต้องเห็นร่างบางหายลับไปในความมืดมิด

              

 

 

 

 

และคงไม่มีทางจะเดาได้…ว่าเขาดีใจแทบบ้าแค่ไหนตอนที่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กัน

              

 

 

 

 

ดวงตาสีฟ้ามองใบหน้าสวยที่ตอนนี้ขาวซีด…รู้ดีว่าตัวเองกำลังจะทำสิ่งที่ไม่มีวันแก้ไขได้ การตัดสินใจครั้งนี้จะนำพาไปสู่เส้นขนานไม่รู้จบของเขากับน้องชาย สีหน้าหวาดหวั่นของอีกฝ่ายทำให้หัวใจอ่อนยวบลงวูบหนึ่ง…หากธอร์ก็ตัดความสงสารนั้นทิ้งไป

           

 

 

 

 

ถ้าปล่อยให้เป็นอิสระแล้วจะหนีจากไป…ตอนนี้ก็ขอหักปีกทิ้งเสียเพื่อกักให้อยู่เคียงข้างยังจะดีเสียกว่า

              

 

 

 

 

โลกิพยายามเขย่าโซ่เงินอีกครั้งเมื่อเห็นพี่ชายค่อยๆ ปลดผ้าคลุมสีแดงแล้วเหวี่ยงลงกับพื้น…ร่างสูงไม่ได้สนใจ แผ่นหลังกว้างยังคงหันให้จนกระทั่งเจ้าตัวปลดเสื้อหนังและเกราะทั้งหมดออก น้ำตาในดวงตาสีเขียวเจียนจะร่วงรินแล้วตอนที่หันกลับมาสบ…แววตาหวาดกลัวฉายชัดยามที่อีกฝ่ายกวาดมองร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขา

              

 

 

 

 

“ท่านพี่… น้องขอโทษ…อย่า…อย่าทำแบบนี้เลย…” เสียงทุ้มหวานพยายามขอร้อง แต่ธอร์ไม่สนใจ มือใหญ่กระชากผ้าคลุมสีเขียวสดของน้องชายทิ้งไป ตอบเสียงเรียบเย็นชา

              

 

 

 

 

“เจ้าชอบเอาแต่ย้ำนักนี่ว่าเราไม่ใช่พี่น้องกัน” แว่วเสียงอีกฝ่ายหอบหายใจเมื่อเขากระชากเกราะอ่อนและเสื้อจนขาดแล้วเหวี่ยงทิ้งไป “…เพราะงั้นมันก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่”

              

 

 

 

 

คำพูดกรีดใจคนฟัง…ความกลัวและความเสียใจคืบคลานขึ้นมาจนรู้สึกหนาวเยือก โลกิรู้สึกได้ว่าน้ำตาของเขากำลังจะไหลออกมา…ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บเมื่อพี่ชายโน้มตัวลงมากระซิบข้างหู

              

 

 

 

 

“รู้ไหม…การลงโทษน่ะมีไว้ให้เด็กดื้อที่ก่อเรื่องวุ่นวาย”

              

 

 

 

 

เสียงนุ่มนวลหากเยียบเย็น…เหมือนยาพิษที่แสนหวาน ร่างบางสั่นระริกเมื่อมือของอีกฝ่ายแตะบนแผ่นอกของตนแล้วค่อยๆ เลื่อนลงไปเรื่อยๆ…ธอร์ประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มขาว กระซิบแผ่วเบา…หากแค่คำพูดก็มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายดิ้นรน

              

 

 

 

 

“ไม่ต้องห่วงหรอก…พี่ไม่ได้คิดจะให้ตัวเองได้สนุกคนเดียวหรอกนะ”

              

 

 

 

 

โลกิหลับตาแน่นเมื่อริมฝีปากนั้นประทับลงมา…ขบเม้มตรงต้นคอของเขา ก่อนลมหายใจจะขาดห้วงตอนที่สัมผัสร้อนๆ นั้นเลื่อนลงมาที่แผ่นอก…โซ่เงินที่รัดรอบข้อมือส่งเสียงกระทบกันเบาๆ ตอนที่พยายามถอยหนี หากมือแข็งแรงนั้นก็ตรึงเขาไว้…สิ่งเดียวที่เหลือให้ทำได้จึงมีแค่กัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนมั่นใจว่าอีกไม่นานคงได้รสเลือด

           

 

 

 

 

ถ้าความอับอายของเขาคือสิ่งที่เป็นที่ต้องการ…พี่ชายก็จะไม่มีวันได้มันไป

              

 

 

 

 

หากความตั้งใจนี้ก็ดูจะทำได้ยากยิ่งเมื่อมือแข็งแรงเลื่อนลงต่ำ…โลกิเผลอตัวหอบหายใจพร้อมงอร่างหนี แต่ก็ไม่มีประโยชน์…โซ่เงินกระแทกดังกังวานพร้อมกับที่ธอร์ตะปบมือลงบนบ่าของเขาเพื่อกดให้ขยับไม่ได้

              

 

 

 

 

“หยุดทำอะไรไร้สาระแบบนี้ซะทีเถอะ” เสียงทุ้มเจือความรำคาญ โลกิกลืนก้อนสะอื้น…ก่อนจะพูดเสียงระริกด้วยแรงอารมณ์

              

 

 

 

 

“น้องจะไม่มีวัน…ไม่มีวันให้อภัยท่านพี่…ไม่มีวัน…”

              

 

 

 

 

วินาทีนั้น…ดวงตาสีฟ้าสวยดูจะหม่นลง สิ่งที่จุดประกายอยู่ในนั้น…ถึงจะเป็นแค่เสี้ยววินาที…แต่โลกิก็ไม่คิดว่าเขาจะมองผิด

              

 

 

 

 

มันคือความเจ็บปวด

              

 

 

 

 

ชั่วครู่…ก่อนที่ธอร์จะถอนหายใจ เสียงทุ้มพูดเยียบเย็น…หนักแน่นราวกับจะเน้นย้ำว่าทุกคำคือความจริง

              

 

 

 

 

“ถ้าอย่างนั้น…เจ้าก็โกรธเกลียดพี่ได้ตามใจ…โลกิ”

              

 

 

 

 

คำพูดเย็นชา…หากจูบที่ตามมากลับนุ่มนวล ชายหนุ่มผมดำหอบหายใจเมื่อมือแข็งแรงเลื่อนลงต่ำ…กอบกุมส่วนอ่อนไหวของเขาเอาไว้ ทุกสัมผัสและการขยับทำให้โลกิรู้สึกว่าการเก็บกลั้นเสียงร้องเอาไว้เป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ…ตัวสั่นระริกยามที่ริมฝีปากร้อนๆ นั้นสัมผัสระเรื่อยลงบนแผ่นอกของเขาอีกครั้ง

              

 

 

 

 

“อื้อ…”

              

 

 

 

 

เขานิ่วหน้ากับความเจ็บปวดบนริมฝีปาก สัมผัสได้ถึงรสเลือดจางๆ…ธอร์เงยหน้าขึ้นมอง มือข้างที่ตรึงเขาไว้อยู่เอื้อมมาแตะแก้มเบาๆ…เสียงทุ้มพูดอย่างอ่อนใจเหมือนเวลาที่จับได้ว่าเขาแอบไปทำเรื่องวุ่นวายเอาไว้

              

 

 

 

 

“เลือดออกเลย…” นัยน์ตาสีฟ้าพราวระยับกับประโยคหลัง…คำพูดท้าทาย “เลิกซะเถอะ…เจ้ากลั้นเสียงร้องไว้ไม่ได้หรอก”

              

 

 

 

 

ดวงตาสีน้ำทะเลวาววับกับน้ำเสียงเย้าๆ นั้น วงหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างถือดี เม้มปากแน่นให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาพร้อมรับคำท้า…กริยาที่ทำให้คนมองขมวดคิ้ว รอยยิ้มหายไปจากมุมปาก แล้วโลกิก็ต้องเสียใจกับการกระทำโง่เง่าของตนเมื่ออีกฝ่ายประกบริมฝีปากลงมา…บดเม้มอย่างไม่ถนอม รสเลือดซ่านเพิ่มขึ้นในโพรงปาก…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแผลที่เปิดกว้างมากขึ้นหรือเพราะเรียวลิ้นที่แทรกเข้ามากันแน่

              

 

 

 

 

ธอร์ถอนจูบเพียงเพื่อจะประทับเรียวปากลงไปตรงต้นคอของอีกฝ่าย…ช่วงคอดูระหงบอบบางเกินจะเชื่อได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่หญิงสาว ผิวขาวนุ่มนวลตัดกับเส้นผมสีดำสนิท…ขาวเสียจนทำให้เขานึกอยากตีตราเป็นเจ้าของเหลือเกิน               

 

 

 

 

โลกิขยับร่างหนีอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้งเมื่อมือของพี่ชายเร่งจังหวะในการขยับ…ในหัวพร่าเลือนกับอารมณ์ที่ตนควบคุมไม่ได้ ร่างบางสั่นระริก…ลมหายใจหอบกระเส่า โซ่เงินส่งเสียงกระทบกันเบาๆ ตามการขยับของท่อนแขนที่แข็งเกร็ง แว่วเสียงหัวเราะเบาๆ ของพี่ชายข้างหู…และรู้ตัวว่ากำลังจะพ่ายแพ้

              

 

 

 

 

“อึก…”

              

 

 

 

 

ชายหนุ่มครางเบาๆ… และนั่นก็ราวจะเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายรอฟัง ธอร์รั้งให้ร่างเขาเข้ามาชิดมากขึ้น จังหวะของมือที่ขยับรอบแก่นกายทำให้หัวใจโลกิเต้นแรงด้วยอารมณ์สับสนปนเปมากมาย นึกอยากเบือนหน้าหนีจุมพิตอุ่นๆ ที่ข้างแก้ม…คำปลอบโยนอันลวงหลอกของพี่ชาย แต่ก็ทำได้เพียงฝังหน้าของตนลงกับบ่ากำยำ…เจ็บใจกับความจริงที่ตนไม่อยากยอมรับ

           

 

 

 

 

เขาไม่เคยชนะคนคนนี้ได้…ไม่เคยมีสักครั้ง…

           

 

 

 

 

การยอมแพ้ของเขาคงไม่ชัดเจนจนเป็นที่พอใจ…พี่ชายจึงรามือ โลกิรู้สึกว่าน้ำตาของเขากำลังจะไหลอีกครั้ง…คราวนี้ไม่ใช่เพราะความกลัวหรือความเสียใจ…หากเป็นความปรารถนาที่กำลังแผดเผา

              

 

 

 

 

“ฮึก…ท่านพี่…”

              

 

 

 

 

เสียงทุ้มหวานเล็ดรอดออกมาจากเรียวปากที่สั่นระริก…ภาพที่เห็นพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตา ร่างกายและในหัวกรีดร้องเพียงแค่คำเดียว

           

 

 

 

 

ต้องการ…ต้องการ…ต้องการ…

              

 

 

 

 

พี่ชายส่งเสียงเบาๆ ในลำคอกลับมาเป็นเชิงถาม…การเสแสร้งที่ทำให้โลกินึกอยากฆ่าอีกฝ่ายนัก หากตอนนี้…ใจที่ปั่นป่วนเหมือนพายุของเขาต้องการเพียงสิ่งเดียว

              

 

 

 

 

“ท่านพี่…น้อง…” ถึงน้ำตาจะหยดรินและร่างกายปวดร้าวด้วยแรงอารมณ์…แต่โลกิก็ยังพบว่าตัวเองยังไม่อาจทำใจรับความพ่ายแพ้ถึงขั้นยอมกล่าวขอร้องออกมาได้ ธอร์เองก็ดูจะรู้เช่นกัน หากนัยน์ตาสีฟ้าที่พริบพราวอย่างสนุกสะใจนั้นก็บอกเขาชัดเจน

              

 

 

 

 

พี่ชายต้องการเห็นเขาพ่ายแพ้…ต้องการเห็นเขาสิ้นหวังจนต้องคุกเข่าขอร้อง

              

 

 

 

 

“พี่ต้องสอนเจ้าอีกกี่ครั้งกันนะ…ว่าคำพูดแบบนี้ไม่มีทางจะเกลี้ยกล่อมใครได้” ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีทองส่ายเบาๆ อย่างล้อเลียน…การกลั่นแกล้งที่ดูจะไม่สาแก่ใจอีกฝ่ายเสียทีทำให้โลกิเม้มปากแน่น เสียงทุ้มหวานถาม…รุนแรงหากตัดพ้อราวกับจะขาดใจ

              

 

 

 

 

“ฮึก…ถ้าอย่างนั้น…ท่านพี่…ต้องการอะไรกันแน่?”

           

 

 

 

 

ใช่…พี่ชายต้องการอะไร?…อยากจะเห็นเขาพ่ายแพ้…สิ้นหวัง…หรืออยากจะให้เขาตายไปต่อหน้าถึงจะพอใจ?

              

 

 

 

 

“เจ้าอยากให้พี่ช่วยทำอะไรให้ไม่ใช่หรือ…?” เสียงทุ้มนุ่มนวล…หากทั้งหมดเป็นเพียงน้ำผึ้งที่เคลือบยาพิษไว้เท่านั้น มือใหญ่เอื้อมไปที่ข้อมือของเขาที่โดนรวบไว้เหนือหัว…นัยน์ตาสีเขียวเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่าโลหะเย็นๆ ที่พันธนาการตนเอาไว้ถูกปลดออก

              

 

 

 

 

ชายหนุ่มผมทองยิ้มเยียบเย็น ปล่อยให้โซ่เงินหล่นกระแทกลงบนพื้นพร้อมกล่าวตอนท้ายของประโยค

              

 

 

 

 

“…ก็ทำให้พี่รู้สึกอยากช่วยสิ”

              

 

 

 

 

โลกิหอบหายใจ น้ำตาปริ่มขึ้นมาอีกครั้ง…เกลียดคนตรงหน้ามากพอๆ กับที่ต้องการ ฝืนตัวขยับเข้าไปใกล้…หยัดกายขึ้นเพื่อที่จะสามารถประทับริมฝีปากของตนกับริมฝีปากของอีกฝ่ายได้ จูบแผ่วเบารวดเร็วราวกับการขยับของปีกผีเสื้อ…เสียงหวานสั่นระริกกระซิบยามกล่าวเว้าวอน

              

 

 

 

 

“ได้โปรด…ท่านพี่…” คนพูดหน้าแดง อับอายกับสิ่งตัวเองกำลังร้องขอ…พยายามบังคับให้เสียงไม่สั่นแม้จะไม่มีประโยชน์ “…น้องต้องการท่านพี่”

              

 

 

 

 

รอยยิ้มแบบผู้ชนะของชายหนุ่มผมทองกรีดแทงใจจนนึกอยากจะเบือนหน้าหนี ร่างของเขาโดนกดลงบนพื้นเตียงอีกครั้ง…พี่ชายประทับจูบจากแผ่นอกไล่เรื่อยลงไปที่หน้าท้อง ทิ้งสัมผัสแผดเผาที่ทำให้ทุกอย่างดูเป็นภาพเบลอ ลมหายใจตัดขัดตอนที่ริมฝีปากนั้นสัมผัสลงบนส่วนอ่อนไหว…เรียวลิ้นที่รูดไล้ทำลายทุกความคิดควบคุมตัวเอง

              

 

 

 

 

“อึก…ท่านพี่…”

              

 

 

 

 

มือเรียวกำแน่นเข้าหากัน…ปลายเล็บจิกแน่นเข้าในเนื้อ หากไม่มีความเจ็บปวดใดๆ…ความปั่นป่วนในใจตอนนี้ดูจะทำให้สิ่งเดียวที่เขารับรู้ได้คือสัมผัสของริมฝีปากของอีกฝ่าย

              

 

 

 

 

ลมหายใจหอบกระเส่าขึ้นเรื่อยๆ…ก่อนที่เสียงกรีดร้องจะหลุดรอดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ทุกความรู้สึกถ่าโถม…เหมือนมีแสงสว่างจ้าและในวินาทีต่อมาก็เหลือเพียงความมืดมิด

              

 

 

 

 

ชั่วครู่…ที่โลกิค้นพบว่าความมืดมิดที่เห็นนั้นเป็นเปลือกตาที่ปิดสนิทของเขาเอง ลมหายใจหวนคืนสู่จังหวะเดิม…แม้ว่ามันจะยังขาดห้วงเป็นพักๆ ก็ตาม คลื่นความคิดย้อนกลับมาทำให้ชายหนุ่มผมดำกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเจ็บใจ…ความรู้สึกอับอายและพ่ายแพ้ที่ซัดสาดเป็นเหมือนกับการตบหน้าฉาดใหญ่

           

 

 

 

 

เกลียด…เขาเกลียดคนคนนี้ที่ทำให้เขาต้องรู้สึกแบบนี้เหลือเกิน

              

 

 

 

 

น้ำตาไหลรินออกมา…โลกินึกอยากนึกอยากจะปาดมันทิ้งเสีย เพราะถ้าได้เห็น…มันก็รังแต่จะทำให้อีกฝ่ายได้ใจเสียเปล่าๆ

           

 

 

 

 

แค่ตอนนี้…เขาก็ดูตกต่ำไร้ค่ามากพอแล้ว

              

 

 

 

 

โลกิยิ้มขื่นๆ เพราะรู้ดีว่าความจริงแล้ว…คนที่เขาเกลียดที่สุดไม่ใช่พี่ชาย

           

 

 

 

 

เขาเกลียดตัวเองต่างหาก…ที่จนถึงวินาทีนี้…ก็ยังนึกอยากได้รับการให้อภัยจากคนคนนี้

              

 

 

 

 

สัมผัสได้ถึงนิ้วมือที่เอื้อมมาเกลี่ยหยดน้ำตา…โลกิลืมตาขึ้น วงหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มผมทองที่ก้มลงมองเขานั้นไม่มีอารมณ์ใดๆ…ความเฉยเมยราวรูปสลักนั้นทำให้ใจคนมองเจ็บจนเจ้าตัวนึกสงสัย

           

 

 

 

 

หัวใจที่แตกสลายของเขา…ยังรู้สึกเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้อีกหรือ…?

              

 

 

 

 

โลกิซ่อนทุกความอ่อนแอของตนไว้ในใจ เคลือบสายตาของตนด้วยความเฉยเมยดุจเดียวกัน…เพียงแต่เจือความเกลียดชังเข้าไปด้วย คำพูดร้ายกาจถูกกล่าว…เนิบช้าราวกับจะให้มันตรึงในความทรงจำคนฟังอย่างชัดเจนที่สุด

              

 

 

 

 

 

“…น้องเกลียดท่านพี่”

              

 

 

 

 

 

เมื่อพูดออกไปแล้ว…นัยน์ตาสีฟ้าสวยก็ดูจะระริกไปวูบหนึ่ง โลกินึกอยากร้องบอก…อธิบายว่าทุกอย่างเป็นเพียงคำลวง แต่สิ่งเดียวที่ทำก็คือใส่หน้ากากสีหน้าถือดีเพื่อเป็นการยืนยัน

              

 

 

 

 

เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายแพ้อีกแล้ว…แม้ว่านั่นจะหมายถึงต้องทิ้งความรักเพื่อชัยชนะก็ตาม

              

 

 

 

 

ไม่มีคำตอบ…อีกฝ่ายเพียงแค่โน้มตัวลงมา ริมฝีปากของเขาโดนครอบครองอีกครั้ง รสชาติขื่นๆ บนปลายลิ้นของอีกฝ่ายทำให้ความร้อนพุ่งปราดบนผิวแก้ม…รู้ดีว่ามันคืออะไร

              

 

 

 

 

อีกฝ่ายถอนริมฝีปาก เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ…เย็นชากรีดเฉือนเหมือนคมมีด

              

 

 

 

 

“บอกแล้วไม่ใช่หรือ…เจ้าอยากจะโกรธหรือเกลียดพี่ยังไงก็ได้ตามใจ…?”

              

 

 

 

 

ถ้อยคำไร้หัวใจที่ได้ฟังทำให้อารมณรุนแรงพุ่งปราดในใจ…มือเรียวตวัดออกไป ถึงพี่ชายจะรวบมันไว้ได้…แต่ปลายเล็บก็ได้ทันตวัดสร้างแผลที่ข้างแก้ม นัยน์ตาสีฟ้าที่วาวโรจน์บอกโลกิว่าเพลิงโทสะของพี่ชายกำลังลุกโหมอย่างที่ต้องการแล้ว…มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะและคนที่โง่ที่สุดไปพร้อมๆ กัน เพราะรู้ดีว่าธอร์ไม่เคยยอมละเว้นใครสักคนที่หยามหน้าตัวเอง

              

 

 

 

 

“โกรธน้องหรือ…?” เสียงทุ้มหวานพยายามเติมเชื้อไฟด้วยน้ำเสียงท้าทายยั่วเย้า นัยน์ตาระริกวูบหนึ่งตอนที่พูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าน้องซะเลยสิ…แอสการ์ดไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตคนทรยศไม่ใช่หรือ?”

           

 

 

 

 

ใช่…ฆ่าเขาซะ…เพราะเขาจะยอมรับความตายจากมือของพี่ชายเท่านั้น

              

 

 

 

 

ร่างของเขาโดนกระชากเข้าไปใกล้…ก่อนที่โลกิจะตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อได้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าเยียบเย็นที่มองประสาน ความกลัวซ่านขึ้นในใจกับคำพูดของอีกฝ่าย

              

 

 

 

 

“ไม่ต้องห่วง…” นิ้วมือไล้ข้างแก้ม…หากไม่รู้ความจริง โลกิคงบอกได้ว่ามันเป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอม “…พี่มีวิธีที่จะทำให้คนทรยศอย่างเจ้ารู้สึกว่าความตายยังเป็นบทลงโทษที่ตัวเองต้องการมากเสียกว่าอีก”

              

 

 

 

 

สิ้นคำ…ความอ่อนโยนก็แปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรง มือแข็งแรงกระชากร่างบาง…โลกิหอบหายใจ ดิ้นรนพร้อมผลักไส แต่พี่ชายก็ไวกว่า…เสียงขาดของผ้าปูที่นอนดังเสียดหู ก่อนที่ข้อมือของเขาจะโดนรัดรวบไว้อีกครั้ง… ปิดกั้นโอกาสขัดขืนโดยสมบูรณ์ ชายหนุ่มผมดำได้แต่หอบหายใจตอนที่ร่างของตนโดนพลิกให้หน้าฝังลงในหมอน…ทุกการตระหนักรู้กรีดร้องและเผาไหม้ เรียกให้น้ำตาปริ่มขึ้นมาอีกครั้ง

              

 

 

 

 

พี่ชายพูดถูก…ความอับอายของเขาตอนนี้มากพอที่จะทำให้รู้สึกอยากวอนขอความตาย

              

 

 

 

 

“อย่าเพิ่งร้องไห้สิโลกิ…” เสียงทุ้มนุ่มนวล…หากกระด้างด้วยคำพูดที่เอ่ยออกมา “…มันยังไม่ถึงเวลา”

              

 

 

 

 

ชายหนุ่มผมดำหายใจอย่างยากลำบาก ฝืนพูดอย่างโกรธแค้น “ไปตายซะ…น้องเกลียดท่านพี่”

              

 

 

 

 

บรรยากาศเครียดขึงจนสัมผัสได้ที่ตามมาบอกว่าเขายั่วโมโหอีกฝ่ายสำเร็จอีกครั้ง…แต่ความสะใจของเขาก็หายวับไปในทันใดเมื่อความเจ็บปวดชำแรกเข้ามาในกาย โลกิหอบหายใจอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้…เสียงครางที่หลุดออกจากปากแว่วหวานจนเขานึกละอาย ฝังหน้าลงในหมอน…พยายามเม้มริมฝีปากที่บวมช้ำของตัวเองเอาไว้

              

 

 

 

 

ธอร์มองการดิ้นรนไร้ประโยชน์นั้นแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ…ร่างบอบบางของน้องชายสั่นสะท้านเมื่อเขาเพิ่มจำนวนนิ้วที่รุกราน ไหล่ขาวนวลระริกด้วยเสียงกรีดร้องที่เก็บกลั้น…ธอร์รู้จักอีกฝ่ายดี โลกิไม่เคยจะยอมแพ้แม้รู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางชนะ และนั่นก็ยิ่งทำให้เขานึกอยากเห็นวินาทีที่เจ้าตัวหมดสิ้นซึ่งการควบคุมตัวเองแล้วเว้าวอนขอร้องเหลือเกิน

           

 

 

 

 

 

“…น้องต้องการท่านพี่”

              

 

 

 

 

ภาพของนัยน์ตาสีเขียวที่ฉ่ำน้ำตาและเสียงเจือความต้องการนั้นทำให้เขาต้องสูดลมหายใจลึกๆ…น้องชายบิดตัวเมื่อเขากดมือให้หนักขึ้น โลกิรู้สึกได้ว่าทั้งร่างของตัวเองกำลังสั่น…ข้อมือเจ็บจนไม่น่าเชื่อว่าผ้าไหมเนื้อดีจะบาดผิวได้ถึงเพียงนี้ จังหวะการรุกรานของพี่ชายทำให้ทุกอย่างเป็นภาพเบลอ…ก่อนที่ทุกอย่างจะดำสนิทตอนที่ความเจ็บปวดที่เทียบกับตอนแรกไม่ได้แทรกเข้ามา เสียงร้องที่เพียรเก็บกลั้นไว้ดังก้องอย่างควบคุมไม่ได้

              

 

 

 

 

หากชายหนุ่มผมทองก็ดูจะไม่ได้สนใจว่าเขารู้สึกอย่างไร มือใหญ่กระชากร่างของเขาให้เข้ามาชิด…ความเจ็บปวดลึกล้ำมากขึ้น โลกิรู้สึกเหมือนร่างของตนเหมือนโดนฉีกกระชากเมื่อพี่ชายขยับตัว…มันทั้งเจ็บปวดและน่าอับอาย หากสิ่งที่เขาไม่อยากรับรู้ที่สุดก็คือ…ตนปฏิเสธไม่ได้ว่ามันหอมหวานน่าพึงใจ

              

 

 

 

 

ริมฝีปากของอีกฝ่ายกดจูบหนักๆ ตรงซอกคอ…ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้มันคงเต็มไปด้วยรอยสีกุหลาบจากฝีมือพี่ชาย และความคิดที่ว่าคนข้างกายทำสิ่งที่เหมือนตีตราเป็นเจ้าของบนตัวเขาก็ทำให้โลกิตัวสั่น…ความยินดีที่น่ารังเกียจ

              

 

 

 

 

“อึก…”

              

 

 

 

 

ความปรารถนาที่เริ่มก่อตัวอีกครั้งทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองมากกว่าเดิม คนเป็นพี่ชายก็ดูจะรู้ใจ…มือใหญ่เลื่อนลงเพื่อกอบกุมรอบส่วนอ่อนไหวของเขาอีกครั้ง ทุกสัมผัสของพี่ชายที่โอบล้อมทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน…ไม่ว่าจะเป็นการขยับไหวของร่างกายหรือแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงเรื่อยๆ

              

 

 

 

 

เสียงกรีดร้องดังก้องอีกครั้งเมื่อความรู้สึกที่มีมากเกินต้านทาน…โลกิหอบหายใจ สัมผัสได้ถึงของเหลวที่หยาดรินลงมาตามต้นขา…หายใจหนักขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ซ่านในกายตน อีกฝ่ายถอยออกห่าง แนบวงหน้าลงบนแผ่นหลังของเขา…ประทับจูบบางเบาไล่เรื่อยมาจนถึงข้างหูราวกับจะเป็นการปลอบโยน

              

 

 

 

 

…และโลกิก็รู้ดีว่าการปลอบโยนนี้สามารถทำให้กำแพงความเกลียดชังที่เขาเพียรสร้างพังทลายได้ในเสี้ยววินาที

           

 

 

 

 

ไม่…เขาพ่ายแพ้ให้พี่ชายเห็นมากพอแล้ว

              

 

 

 

 

“ข้าเกลียดเจ้า…” คำเรียกหาเปลี่ยนไป…คนพูดหวังเหลือเกินว่ามันจะฟังดูไม่เหมือนการโกหก “จำไว้เถอะ…ว่าข้าเกลียดเจ้า…ข้าจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะฆ่าเจ้าได้…”

              

 

 

 

 

คำหลอกลวงถูกกล่าว…เพราะเขาไม่มีทางจะยอมบอกความจริงให้อีกฝ่ายรู้ ไม่มีทางจะแย้มพรายให้ฟัง…ว่าแม้ตอนนี้เขาจะโดนปฏิบัติราวกับเป็นเชลยไร้ค่าคนหนึ่ง สิ่งเดียวที่เขาปรารถนาก็ยังเป็นอ้อมกอดของคนตรงหน้า

              

 

 

 

 

นัยน์ตาของคนฟังหม่นแสงชั่ววินาทีกับคำพูดนี้ มือใหญ่เชยคางเขาขึ้น…โลกิพยายามขืนตัวออก หากมือแข็งแรงทั้งสองข้างก็ประคองใบหน้าของเขาเอาไว้…ตรึงให้หลบริมฝีปากที่ประทับลงมาไม่ได้

              

 

 

 

 

ผิดกับจูบแรก…มันลึกล้ำหากอ่อนโยน โลกิหลับตาเพื่อลบภาพใบหน้าอีกฝ่ายที่เลื่อนเข้ามาใกล้ หวังให้ตัวเองสามารถลืมได้ว่าจูบนี้นุ่มนวลและอ่อนหวานเพียงใด สัมผัสของริมฝีปากนั้นเต็มไปด้วยความโหยหา…จนเผลอทำให้คิดไปวูบหนึ่งว่าตนเป็นที่รัก…เป็นคนที่เจ้าของจุมพิตนี้มอบหัวใจให้

              

 

 

 

 

ไม่รู้ทำไม…แต่มันช่างเหมือนกับเป็นจูบลาครั้งสุดท้ายเหลือเกิน

              

 

 

 

 

อีกฝ่ายถอนริมฝีปากพร้อมกับที่โลกิปัดความคิดไร้สาระนี้ออกไป ดวงตาของคนที่เคยเป็นพี่ชายของเขากลายเป็นสีฟ้าเรียบนิ่งเหมือนท้องฟ้าฤดูร้อนดังเดิม…เย็นชาและไร้หัวใจพอๆ กับคำพูด

              

 

 

 

 

“ถ้าอย่างนั้น…ข้าก็จะไม่ยั้งมือใดๆในการจะฆ่าเจ้าเช่นเดียวกัน…โลกิ”

              

 

 

 

 

ดวงตาทั้งสองคู่สบประสาน…ฝังทุกความรู้สึกไว้หลังความเกลียดชัง เพราะการเปิดเผยความจริงหมายถึงความพ่ายแพ้

           

 

 

 

 

ไม่…เขาจะไม่แพ้…

           

 

 

 

 

วงหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มผมทองไร้อารมณ์ใดๆ…ส่วนชายหนุ่มผมดำก็เชิดหน้าอย่างถือดี

           

 

 

 

 

 

เขาจะต้องเป็นผู้ชนะ…แม้ชัยชนะจะหมายถึงการยืนอยู่บนซากแหลมคมของหัวใจที่แตกสลายก็ตาม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Fin.

 

 

*************************************** 

 

ฮว๊ากกกกกกกกกกกกก จบแล้วล่ะ!!!!

 

 

โอเค ทิพย์ขอโทษที่เริ่มทอล์คแบบนี้ แต่มันไม่ไหวจริงๆ…เป็นการเขียนที่สูบพลังชีวิตและความเขินมหาศาลมากค่ะ ไร้ที่มา ไร้ที่ไป เริ่มและจบแบบตามใจฉันมาก อย่าถือสานะคะ มันเป็นอาการหอบหื่นค่ะ

 

#แมทท์โบเมอร์ยังต้องดิ้น

 

 

 

นอกจากเอนทรี่แฟนเกิร์ลลิ่ง the avengers อันที่แล้ว…ทิพย์มีไปเพ้อในทวิตเพียบเลยค่ะ และก่อให้เกิดการด้นฟิคสดในไทม์ไลน์ เปิดทัมเบลอร์ไปๆมาๆ…พลอตงุงิเริ่มดาร์คดิบ จนกลายเป็นพี่ลงโทษน้องแทนพี่ปลอบน้องไปเลยค่ะ =W= คือชอบธอร์ดาร์คนะ มันได้ใจดี แต่ก็ใช่ว่าภาคใจดีจะไม่โอเค #รักหมด

 

 

 

 

อย่างที่บอก…ถ้ารีดเดอร์คนไหนอ่านแล้วรู้สึกว่าฟิคเรื่องนี้ไม่มีเหตุผลหรือภาษาแปลกๆ ทิพย์ขอโทษไว้ตรงนี้เลยค่ะ เพราะตอนปั่นไร้สติมาก เรทก็ไม่ได้เขียนมานานแล้วด้วย ตอนแรกถึงกับคิดว่าเขียนแล้วไม่ลงดีกว่า มันพารานอยด์…เพราะคิดว่ารีดเดอร์คงไม่อยากอ่านอะไรที่มันไม่มีสาระและสับสน แค่เขียนออกมาให้มันระบายความหอบหื่นก็พอ

 

 

 

แต่ในเมื่อตอนนี้ตัดสินใจลงแล้ว…ก็ช่วยกันมองข้ามไปซักนิดละกันนะคะ ถือซะว่านี่เป็นโมเมนต์ mental breakdown ของทิพย์ละกัน ไม่ได้เขียนออกมามันทำอะไรไม่ได้จริงๆ

 

 

 

ไทม์ไลน์ของฟิคคงเดาได้…แต่บอกไว้อีกทีละกัน มันคือหลังจากตอนจบของหนัง the avengers ที่คุณพี่ลากคุณน้องกลับบ้านพร้อมที่ปิดปากและกุญแจมือค่ะ #บอกแล้วว่าเค้าฟินอุปกรณ์ขององค์ชายคนโตสุดชีพมาก

 

 

สรรพนามแทนตัว…ถ้าใครอ่านแล้วขัดหูก็ขอโทษค่ะ ทิพย์จิ้นเองเพราะไม่ได้ดูซับไทย เข้าใจว่าเขาเรียกกันว่า ข้า-เจ้า ใช่มั้ยคะ แต่ทิพย์ชอบ น้อง-ท่านพี่ อ่ะ…ถึงจะให้ฟีลหนังไทยพีเรียดน้ำเน่าไปไม่นิด แต่มันก็ฟังแลดูเริ่ด อ้อน และแร่ดแต๋ยิ่งนัก *คุกเข่าให้ราชินี* ขอบคุณน้องสาวที่รักที่ช่วยคิดให้ค่ะ…เพราะตอนแรกเกือบไม่ได้เขียนแล้วเพราะหาคำเรียกไม่ได้ ;W;

 

 

 

ยังฟินไม่หายกับคู่นี้ คาดว่าคงมีฟิคหรือรีวิวเพ้อๆมาอีก แต่ยังไม่ลืมอีริคชาร์ลส์แน่ๆค่ะ 😉

 

 

ขอบคุณที่อ่านนะคะ

 

 

ทิพย์

 

 

ปล. ถึงทุกท่านที่คอมเมนต์ร่วมสครีมไปกับทิพย์ในเอนทรี่แฟนเกิร์ลลิ่ง…

 

#ประโยคไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่แต่หน้าคนในรูปมันเกินห้ามใจ

 

 

ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วสนุกมาก ขำแทบตายเหมือนกันค่ะ XDDDDD

 

 

13 responses to “[The Avengers Fic][ThorKi] All That’s Left Are the Shattered Pieces

  1. ค…คุณพี่ดาร์ก /ยกผ้านวมขึ้นซับเลือด
    อ่านแล้วน้องใจไม่ดีเลยค่ะ หัวใจน้องจะวาย /สกรีมด้วยความฟินอย่างเสียสติ/
    ที่ปิดปากนั่นเอโร่ยจริง ๆ ค่ะ… o<–<

    Like

  2. หวาาาาาา-////-
    .ปิดตา
    ขุ่นพี่ธอร์ใจร้ายลงโทษน้องกิสุดน่ารักได้ลงคอ….

    Like

  3. อ่านอีกรอบก็เศร้า
    กิน่าจะบอกไปตามความจริงนะว่ารักเขา จะได้ไม่เศร้าอะไรแบบนี้ แฟนจะขาดใจตาย;[];

    Like

  4. เอร๊ย ช่างเจ็บปวดจังทั้งท่านพี่ ท่านน้อง คนนึงก็ดื้อ อีกคนก็ครึม ถึงจะวาบหวิวน่าดู แต่ก็น่าเศร้าพอกันเลยค่ะ T^T

    Like

  5. ลืม ป.ล. ไปค่ะ รูปทอมสุดท้าย I found your blog นี่ดูอะไรอยู่จ๊ะ น่ารักโฮกมากกกกกก -[]-

    Like

  6. แอร๊ยยยย //เอาหัวโขกฝาบ้าน มันแอร๊ยมากค่ะพี่ทิพย์ คือก็สงสารน้องกินะ แต่แบบ //กระซิบพี่ธอร์ ‘จัดเต็มเลยเพ่~’ 555 อารมณ์ตอนนั้นคงเกลียดพี่ชายอ่ะแหล่ะ แต่ก็นะ ยังไงก็ต้องขอ ฮรือออ เจ็บปวดแทน TT^TT ส่วนขุ่นพี่ผมทองคะ จะยังไงก็ช่วยยังไงด้วยค่ะ (เอ๊ะ! งง 55) ฉันละสับสนกับเทอวว~ ฮึ่ยย น้องเจ็บนะรู้มั้ยย งืดๆ แต่เรื่องนี้ โดยสรุปแล้ว ฟินม๊ากกกค่ะ ฮิฮิ~

    Like

  7. เป็นสรรพนามที่ฟินไปสามล้านโลก น้อง ท่านพี่ อ๊ากกกกกก ฟหกดสวยนรพ~

    >//////< เขินจิบ้าตายยย จิกมือจนเจ็บไปหมดแล้วนะคะ

    Like

  8. ดาร์กมากครับพี่ ต่างคนต่างคิดเหมือนกันแต่ไม่พูดออกมา
    พอพูดก็พูดที่สิ่งที่ทำร้ายตัวเองให้เจ็บ

    Like

  9. ต่ออีกสักตอนนะคะ เพร่ะตอนนี้ค้างคาใจกันเหลือเกิน
    พูดออกมาเถิดดดดดดด!!!!ต่างคนต่างรัก จะเก็บไว้ทำไมมมมมมมม
    อ่านไปเจ็บไป ฮรือๆๆๆ

    Like

  10. อ๊าก เค้าก็รักคุณพี่ดาร์คๆ บ้าง น้องดาร์คพอแล้ว ต้องเจอดาร์คกว่า ให้สยบ ให้สมยอม ให้แทบเท้า ให้ต้องร้องขอความเห็นใจแบบนี้แหละค่ะ แต่สุดท้ายโลกิก็ต้องไม่ยอมแพ้ เชิ่ดใส่ปิดท้าย แม้จะแพ้มาทั้งเกมก็ตาม โอ่ย เป็นการลงทัณฑ์ที่เซะซี่มากๆ ค่ะ /ปาดเลือด

    Like

  11. อมกกกกก. อิพี่ธอร์ดาร์คคค คือร้ายมากกกก อ่านๆไปแต่ละบรรทัดคือหันมาพูดกับตัวเองตลอดว่า อินี่มันร้าย อิธอร์มันร้ายยย 5555555555555 ชอบค่ะ ขอบคุณมากที่เขียนแนวนี้มาให้อ่าน ตอนแรกอ่านไปก็สัมผัสความร้ายของท่านพี่ แต่พออ่านมาเรื่อยๆ สงสารโลกิมาก ฮือออ จะร้องไห้ เพราะเป็นโลกิจึงเจ็บปวดด /กอดโลกิ พี่ทิพย์เขียนไว้ตั้งแต่ 2013 นี่ 2017 แล้วเพิ่งได้มาอ่าน ฮืออ งานดีค่ะชอบ ถึงจะบอกว่าเรทแต่ก็ไม่เรทแบบหวือหวา ซึ่งเราชอบแบบนี้ -//////- โอ่ยยย เขินกับความร้ายกาจของพี่ธอร์ ฟฟฟฟ

    Like

Leave a comment