[The Hobbit Fic(มั้ง)][RichardMartin] Woof!+ (1)

 

Woof!+ 

RichardMartin fanfiction by Tippuri~ii *

 

 
 

 

Pairing: Richard Armitage x Martin Freeman

Type: AU Fanfiction
 
 

 * แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบัง เทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boy’s love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

 

 

 

 

 

 

*****************************

 

Chapter 1

 

 

 

 

 

 

แสงแดดสดใส

              

 

 

 

 

แต่ต่อให้อากาศดีจนน่าออกไปเดินเล่นแค่ไหน…วันอาทิตย์ก็คือวันอาทิตย์อยู่ดี และนั่นก็ทำให้ริชาร์ด อาร์มิเทจไม่มีความคิดจะตื่นเช้าออกไปสัมผัสอะไรด้านนอกเลย ชายหนุ่มนั่งดูซีรี่ยส์โต้รุ่งและเพิ่งได้หลับเอาตอนตีสามกว่าๆ…ร่างสูงนอนคว่ำเหยียดยาวอยู่บนพื้นหน้าทีวี วงหน้าหล่อคมซบอยู่บนหมอนอิงที่เอามากอดไว้ตอนระหว่างดู

              

 

 

 

 

หากถึงชายหนุ่มจะหมายมั่นว่าวันนี้จะหลับยาว…แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าคอร์กี้ที่เจ้าตัวเลี้ยงไว้คิดเลยสักนิด ร่างกลมป้อมเดินตุ้บตั้บมาจากที่นอนของตนในครัว ก่อนจะใช้ขาหน้าเหยียบแผ่นหลังของคนเป็นเจ้าของเพื่อปลุก…หากไม่ได้ผล ริชาร์ดแค่ครางฮึมฮัมแล้วขยับหมอนให้หนุนสบายมากขึ้นเท่านั้นเอง

              

 

 

 

 

เมื่อเห็นดังนั้น…แทนที่จะรออย่างเด็กดี เจ้าคอร์กี้จอมเอาแต่ใจก็เริ่มต้นเอาขาหน้าทั้งสองของตนย่ำกระหน่ำลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่มรัวๆ พร้อมเห่าเสียงแหลมๆ ไปด้วย ทำให้คนที่หลับอยู่ต้องลืมตาขึ้นอย่างไม่เต็มใจ…เสียงทุ้มครางเบาๆ เมื่อมองนาฬิกา

              

 

 

 

 

“อะไรน่ะบิลโบ…” ชายหนุ่มหาวพลางขยี้ตา “นี่แค่…แค่เก้าโมงเองนะ…”

              

 

 

 

 

หมาน้อยไม่สนใจ มันเห่าสั้นๆ ก่อนจะเดินนำไปทางครัว…ริชาร์ดมองการกระทำนั้นอย่างเหนื่อยใจ ชายหนุ่มซื้อเจ้าคอร์กี้นี้มาเลี้ยงเพราะอยากเลี้ยงหมาตัวเล็กๆ เป็นทุนเดิมและเขาก็ชอบบิลโบตั้งแต่แรกเห็น หากแทนที่จะน่ารักว่าง่ายตามสายพันธุ์…เจ้าหมาน้อยนี่กลับทั้งดื้อและเอาแต่ใจเหลือจะกล่าว แถมยังสามารถใช้ลูกอ้อนด้วยตากลมโตอย่างถูกเวลาเสมออีกต่างหาก…นั่นจึงทำให้ริชาร์ดต้องใจอ่อนและเป็นฝ่ายยอมแพ้ทุกที

           

 

 

 

 

ให้ตายสิ…ผู้ชายโตๆ อย่างเขาต้องมาแพ้ทางหมาตัวจิ๊ดเดียวแบบนี้มันน่าอายชะมัด…

              

 

 

 

 

หลังจากเทอาหารเม็ดให้ตามบัญชาของบิลโบที่ยืนจังก้ารออยู่แล้ว…ริชาร์ดก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะอาหาร นึกสงสัยในใจว่าตนจะหลับซบมันต่อได้ไหม ซึ่งเขาก็คงงีบไปวูบหนึ่งจริงๆ…เพราะในอีกครู่ถัดมา ชายหนุ่มได้สติด้วยเสียงเห่ารัวๆ จากตรงหน้าประตูอพาร์ทเมนต์

              

 

 

 

 

ร่างสูงเดินออกจากห้องครัวไปที่ต้นเสียง…เจ้าคอร์กี้กำลังตะกุยตะกายบานไม้พร้อมเห่าไปด้วย เมื่อเห็นว่าเขาเดินมาแล้ว ร่างกลมป้อมสีครีมก็นั่งนิ่งๆ แล้วมองเขา…เอาหัวชนประตูเบาๆ พร้อมเห่าสั้นๆ สำทับ

              

 

 

 

 

“ไม่มีทาง” คุณเจ้าของพูดเสียงแข็งๆ ใส่…ตั้งใจแล้วว่าตนจะต้องยึดหน้าที่ผู้คุมเกมกลับมาให้ได้ “นี่มันวันอาทิตย์แล้วฉันจะอยู่บ้าน”

              

 

 

 

 

ริชาร์ดคาดหวังว่าตนจะต้องได้รับเสียงเห่าหนวกหูตอบแทน…แต่ก็ลืมไปว่าเจ้าคอร์กี้นี่มีลูกไม้เยอะกว่าที่จะรู้ได้จากหน้าใสซื่อของมันนัก บิลโบไม่ได้แสดงท่าทีรุนแรงอะไรอีก…มันแค่คู้ตัวลง หางลู่หูตกพร้อมช้อนตากลมโตมองเขาราวกับกำลังผิดหวังและเสียใจสุดซึ้ง

              

 

 

 

 

ชายหนุ่มชะงัก พยายามพูดเสียงดุ “เลิกหวังซะเถอะ ฉันไม่ออกไปไหนหรอก…”

              

 

 

 

 

เจ้าคอร์กี้ก้มหน้าลงต่ำ ครางหงิงๆ อย่างเจ็บปวด

           

 

 

 

 

ไม่นะ…

              

 

 

 

 

ริชาร์ดอยากจะเตะตัวเองเป็นที่สุด…แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดออกมา “งั้นรอฉันอาบน้ำแป็บนึงนะ”

              

 

 

 

 

ราวกับเข้าใจ…บิลโบกลับมากระดิกหางเริงร่าแล้วเดินตัวปลิวไปเล่นลูกบอลตรงมุมห้องทันที ชายหนุ่มถอนหายใจกับความเหลี่ยมจัดไม่สมตัวของเจ้าหมาน้อยและความใจอ่อนของตน ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปโดยดี

 

 

 

 

 

 

 

*****

 

              

 

ถนนยามสายคึกคักด้วยผู้คนและรถรา บิลโบดูมีความสุขที่ได้ออกมาเดินเล่นในวันสดใสแบบนี้ และภาพเจ้าหมาน้อยของเขาที่เดินหางกระดิกดุ๊กดิ๊กอย่างเริงร่าก็ทำให้ริชาร์ดต้องยิ้มออกมา…โกรธจอมเอาแต่ใจต่อไม่ลง

              

 

 

 

 

“บิลโบ…เดินช้าๆ หน่อย” เขาเตือนเมื่อคอร์กี้ตัวเล็กชักเริ่มตื่นเต้นจนเกินพอดี แขนเรียวยาวเอื้อมไปอุ้มร่างบิลโบขึ้นมาแล้ววางลงให้เดินไปข้างๆ ตน ดุไม่จริงจัง “วิ่งเร็วๆ เดี๋ยวโดนรถชนนะ”

              

 

 

 

 

คงเพราะวันนี้เขาตามใจโดยดี…เจ้าหมาน้อยเลยยอมฟัง ริชาร์ดยิ้มออกมาเมื่อบิลโบเดินเหยาะๆ ไปพร้อมๆ กับตน…ต้องคอยยิ้มรับคำชมหรือสายตาเอ็นดูที่จับจ้องเจ้าคอร์กี้แล้วเผื่อแผ่มาให้ตนด้วย ภาพผู้ชายตัวสูงโย่งอย่างเขาที่มาเดินต้อยๆ กับเจ้าหมากระจิ๋วหลิวแบบนี้คงน่ารักในสายตาคนมอง…ตรรกะที่ริชาร์ดไม่ค่อยเข้าใจนัก

              

 

 

 

 

ท้องเริ่มร้องโครกครากประท้วง…ชายหนุ่มผมดำจึงตัดสินแวะที่แผงขายเพรซเซลที่ริมทาง เขากล่าวทักทายเจ้าของแผงหน้าตาใจดีก่อนจะเริ่มถามถึงเมนูต่างๆ ที่มี…ทำให้ไม่ได้สังเกตเลยว่าจู่ๆ เจ้าคอร์กี้ของตนก็เริ่มทำจมูกฟุดฟิดราวกับได้กลิ่นแปลกปลอม หูตั้งและกระดิกรัวๆ เพื่อจับเสียง

              

 

 

 

 

“อ๋อ…อันนั้นคือแบบหวานเหรอครับ? ไม่ดีกว่า…ผมขอเป็นรสธรรมดานั่นแหละ” ริชาร์ดรับเพรซเซลหอมๆ มาถือแล้วยื่นธนบัตรไปให้ รับเศษเหรียญเงินทอนมาใส่ในกระเป๋ากางเกง “ขอบคุณครับ…”

             

 

 

 

 

เจ้าหมาน้อยหยัดตัวให้สูงขึ้นเพื่อสอดส่ายสายตาไปอีกปลายถนน แล้วจู่ๆ ก็วิ่งปราดออกไปทันที…ไม่ได้สนใจเลยว่าทิ้งเจ้าของไว้ด้านหลัง เจ้าของแผงเพรซเซลร้องเตือนริชาร์ดอย่างแตกตื่น…แต่ช้าไปเสียแล้ว

              

 

 

 

 

“บิลโบ! จะไปไหนน่ะ?!!” ชายหนุ่มผมดำร้องเสียงหลง ขายาววิ่งพรวดพราดตามไป “บิลโบ!! กลับมานี่นะ!!!”

              

 

 

 

 

เสียงทุ้มตะโกนเรียกซ้ำๆ จนคนทั้งถนนแทบหันมองตาม แต่ไม่ใช่เจ้าหมาตัวยุ่งของเขาเลย…บิลโบไม่สนใจฟังสักนิดและวิ่งต่อไป ทำให้ริชาร์ดชักเริ่มจะเชื่อลางสังหรณ์ใจของตัวเองอย่างจริงจังแล้ว

           

 

 

 

 

ให้ตายสิ…ท่าทางความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าหมานี่คงเป็นรักข้างเดียวแน่ๆ

             

 

 

 

 

 

           

*****

 

              

 

ในขณะเดียวกัน ที่อีกด้านของถนนนั้น…มาร์ติน ฟรีแมนก็กำลังจะบ้าตายด้วยสาเหตุคล้ายๆ กัน

              

 

 

 

 

แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแล้ว…แต่เจ้าไซบีเรียนฮัสกี้นี่ก็ยังคงไม่สนใจจะรับเขาเป็นเจ้านายเลย มาร์ตินด่าตัวเองเป็นรอบที่ล้านแล้วสำหรับการตัดสินใจอันผิดพลาดนี้…เขาบ้าจริงๆ ที่หลงซื้อเจ้าหมาตัวโตนี่มาเพราะความชอบส่วนตัวและคิดฝันว่าต่อไปจะได้มียามเฝ้าบ้านที่แสนภักดี เพราะธอรินได้พิสูจน์ตัวเองให้ชายหนุ่มประจักษ์แล้วว่ามันไม่คิดจะเฝ้าบ้านหรือรับคำสั่งใดๆ จากเขาทั้งนั้น

              

 

 

 

 

วันนี้เป็นอากาศดีแถมยังเป็นวันหยุด…มาร์ตินจึงคิดว่าคงดีไม่ใช่น้อยถ้าเจ้าฮัสกี้ได้ออกกำลังกาย เขาจัดการใส่สายจูงให้มันแล้วเตรียมให้ออกจากบ้าน ระยะทางมาที่สวนสาธารณะไม่ได้ไกลเลย…แต่พวกเขาก็เคลื่อนที่กันได้ช้าแสนช้าเพราะธอรินเอาแต่เดินไปหยุดไปอย่างไม่เต็มใจจะมาและมาร์ตินก็ไม่สามาถสั่งให้มันทำตัวดีๆ ได้

           

 

 

 

 

ให้ตายสิ…ไอ้หมาบ้านี่มันจะไม่ยอมฟังเขาเลยใช่ไหมหา?!

              

 

 

 

 

“ธอริน! เดิน-มา-เลย-นะ!!” ชายหนุ่มร่างเล็กพยายามดึงสายจูงให้ไซบีเรียนฮัสกี้ตัวโตขยับ…แต่ไม่มีผลเลย เขาจึงสบถออกมาอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ให้ตายเถอะ! เลิกบ้าซะทีได้ไหม?!”

              

 

 

 

 

เจ้าฮัสกี้ปรายตามองเขาด้วยสายตาเรียบเฉยติดหยิ่งๆ อย่างกวนโมโหที่สุด และราวกับจะแสดงให้รู้ชัดเจนว่ามันไม่สนคำสั่งของเขาเลย…ธอรินก็นั่งแปะลงบนพื้นแล้วหาวออกมา

              

 

 

 

 

มาร์ตินนึกอยากกระชากสายจูงแรงๆ แล้วลากเจ้าหมาดื้อนี่ไปให้ถึงสวนสาธารณะนัก แต่ขนาดตัวของมันใหญ่จนชายหนุ่มไม่กล้าด้วยกลัวมันโมโหแล้วกัดตน เพราะถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น…เขาไม่มีทางเป็นฝ่ายชนะแน่ๆ

             

 

 

 

 

“ลุกซะทีน่า” ร่างเล็กเดินวนรอบตัวเจ้าฮัสกี้ พูดอย่างล้าสุดชีวิต “ไปสวนสาธารณะกันซะทีเถอะ…ฉันขี้เกียจมาดุแกแล้วนะ”

              

 

 

 

 

เจ้าหมาหัวดื้อจ้องหน้าชายหนุ่มสักพัก แล้วในที่สุด…ธอรินก็เหมือนจะตกลงใจขึ้นมาว่าจะยอมฟัง เพราะมันลุกขึ้นแล้วยอมเดินต้อยๆ ให้จูงโดยดี ว่าง่ายถึงขนาดที่ยอมรอให้เขาแวะซื้อกาแฟที่รถเข็นข้างทางเสียด้วย

              

 

 

 

 

“กาแฟร้อนครับ” มาร์ตินสาละวนหาเศษสตางค์ในกระเป๋าเสื้อ เงยหน้าเพื่อย้ำเพิ่มเติม “ไม่ใส่ครีมครับ…โอ…ใช่ครับ กาแฟดำธรรมดา…แต่ขอน้ำตาลนิดนึง…สักช้อนก็พอ…”

              

 

 

 

 

ระหว่างที่เจ้าของกำลังง่วนกับการรับส่งแก้วกาแฟและเงินทอน…หูของเจ้าฮัสกี้ธอรินก็ตั้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเห่าบ็อกๆ จากอีกฝั่งถนน มันเริ่มส่งเสียงขู่ตอบในลำคอเบาๆ…เรียกให้มาร์ตินก้มมอง ก่อนจะได้ยินเสียงเห่าแหลมเล็กนั้นเช่นเดียวกัน ดวงตาสีฟ้าที่หรี่ลงของเจ้าฮัสกี้เป็นสัญญาณที่ชายหนุ่มคิดว่าไม่ดีเลย จึงรีบเตือนไว้ก่อน

              

 

 

 

 

 

“เฮ้…อย่าเชียวนะ…หวา!!!”

              

 

 

 

 

เจ้าหมายักษ์ไม่ฟังเขาเช่นเคยและวิ่งพรวดออกไปทันที…ทำให้มาร์ตินที่จับสายจูงไว้อยู่โดนกระชากให้วิ่งตามอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มสบถลั่นตลอดทาง…พยายามดุธอรินให้หยุดแต่ไม่มีประโยชน์ และแก้วกาแฟในอีกมือก็ทำให้เขาไม่สามารถใช้มันช่วยรั้งสายจูงไว้ได้

              

 

 

 

 

แล้วในอึดใจต่อมาก็มีเสียงมากมายดังขึ้นในวินาทีเดียว…เสียงเห่าแหลมๆ ของหมาที่ไหนก็ไม่รู้ เสียงตะโกนของใครสักคน แล้วก็เสียงพวกเขาที่ล้มไปกองบนพื้นพร้อมสบถโอดโอย

              

 

 

 

 

“โอ๊ย!!” มาร์ตินเจ็บแปล๊บตรงข้อศอก…เขาชนเข้ากับเจ้า ‘ใครสักคน’ นั่นและล้มลงบนศอกตัวเองพอดี แก้วกาแฟในมือลอยหวือไปทางไหนเสียแล้วก็ไม่รู้ เขาพยายามลุกขึ้น…แต่ก็ต้องสบถออกมาอีกรอบเมื่องอแขนผิดองศา “โอ๊ย…!! บ้าเอ๊ย!!”

              

 

 

 

 

ริชาร์ดเองก็เจ็บตัวพอกัน…หากสาเหตุหลักของเขาไม่ใช่การล้มแต่อย่างใด มันคือการที่กาแฟร้อนๆ ราดลงมาจนชุ่มเสื้อ ชายหนุ่มกัดฟันเบาๆ แต่ก็ห้ามตัวเองให้ไม่สบถไม่ได้…เขาชอบเสื้อตัวนี้มากแท้ๆ “ให้ตายสิ…”

              

 

 

 

 

ในขณะที่บรรดาคนเป็นเจ้าของล้มไม่เป็นท่า เจ้าหมาทั้งสองกลับไม่ได้พลาดเช่นนั้นและตอนนี้ก็กำลังจ้องหน้ากันนิ่งๆ…ธอรินก้มมองบิลโบด้วยดวงตาที่หรี่ลงราวกับกำลังพิจารณาว่าทำไมเจ้าของเสียงเห่าแปลกปลอมนั้นถึงได้ตัวกระจ้อยร่อยนัก และบิลโบเองก็แหงนคอจ้องธอรินอย่างงงๆ เหมือนกับว่าไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะสูงท่วมศีรษะตนแบบนี้

              

 

 

 

 

เจ้าฮัสกี้ก้มลงมาใกล้กว่าเดิม…และนั่นก็ทำให้คอร์กี้ตัวน้อยถอยหลังไปอย่างระวังตัว เผลอเห่าบ็อกๆ ออกมา…ธอรินย่นหน้ากับการขู่ที่แสนไร้ค่านั่น หันหลังให้อย่างไม่ไยดี…อาศัยจังหวะนั้นในการตวัดหางโปะเข้าใส่เต็มหน้าจนเจ้าหมาน้อยล้มคว่ำเข้าให้เสียด้วย

              

 

 

 

 

“บิลโบ!!!” ริชาร์ดตะโกนลั่นเมื่อสัตว์เลี้ยงของตนล้มแผละ…เผลอตัวตวาดเจ้าฮัสกี้ด้วยเสียงดุดันเมื่อบิลโบครางแอร๊กเบาๆ “ทำบ้าอะไรของแกน่ะ?!! แย่มาก!!!”

              

 

 

 

 

มาร์ตินขยับจะขึ้นเสียงตอกกลับแทนหมาของตน…แต่ก็อดทึ่งไม่ได้เมื่อธอรินที่ไม่เคยแยแสกับคำดุของตนเลยกลับก้มหน้าหงอยลงไปกับเสียงตวาดของชายหนุ่มแปลกหน้า เขาได้แต่มองเจ้าฮัสกี้ที่หูลู่อย่างประหลาดใจสุดๆ จนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังนั่งแปะอยู่บนฟุตบาธ

              

 

 

 

 

“คุณคงไม่คิดจะนั่งตรงนั้นทั้งวันใช่ไหม?”

              

 

 

 

 

เสียงถามทำให้ชายหนุ่มผมน้ำตาลบลอนด์ได้สติ…เขาขมวดคิ้วใส่แล้วขยับจะลุกขึ้นเอง ไม่ใส่ใจมือที่ยื่นมาช่วยเหลือ…ก่อนจะต้องอุทานออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บแผล

              

 

 

 

 

“ระวัง…!!” ริชาร์ดรีบเอื้อมมือไปรั้งร่างอีกฝ่ายไว้…ด้วยความสูงที่แตกต่าง คนตรงหน้าของเขาจึงเอนเข้ามาชิดง่ายๆ…และวินาทีนั้นเองที่ความรู้สึกตลกๆ เกิดขึ้นในใจ

           

 

 

 

 

ไม่เลยริชาร์ด…นายแค่จะช่วยให้เขาลุกดีๆ…ไม่มีใครเข้าใจผิดหรอกว่านายจะดึงเขาเข้ามากอด…ไม่เลย…

              

 

 

 

 

“ปล่อยนะ” มาร์ตินขยับกึ่งสะบัดตัวจากการเกาะกุม เดินตุ้บตั้บไปหยิบสายจูงของไซบีเรียนฮัสกี้ บ่นพึมๆ “ให้ตายสิ…ไอ้หมอนี่มันเดินดูทางไหมนะ…”

             

 

 

 

 

ริชาร์ดขมวดคิ้ว เขาไม่ได้จะแอบฟัง…แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ “เฮ้ๆ…คุณสิที่วิ่งมาชนผมเองน่ะ”

              

 

 

 

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะหมาของคุณทำหมาผมป่วน…ผมก็คงไม่ได้มาชนคุณหรอก” มาร์ตินแขวะกลับ พยายามดึงสายจูงเจ้าฮัสกี้ “มาได้แล้วธอริน…มาสิ…”

              

 

 

 

 

แน่นอนว่าเจ้าหมาดื้อนี่ไม่ฟังเขาเลย…มันกำลังใช้ขาหน้าแหย่ๆ เจ้าคอร์กี้ให้หันไปหันมาอยู่ นั่นทำให้ชายหนุ่มผมน้ำตาลยิ่งสบถเป็นชุดแล้วพยายามลากให้หมาตัวโตออกเดิน(ซึ่งไม่เป็นผลเลย)…ริชาร์ดมองภาพตรงหน้าแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะเดินไปเข้าไปชิดเมื่ออีกฝ่ายนิ่วหน้า

              

 

 

 

 

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

              

 

 

 

 

“นิดหน่อยน่า…ไม่ใช่เรื่องของคุณซะหน่อย” มาร์ตินทำหน้ายักษ์ใส่…ไม่ได้รู้เลยว่ามันเป็นอะไรที่ตลกมากในสายตาคนมอง “ผมดูแลตัวเองได้…คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ”

              

 

 

 

 

ถึงจะโดนพูดจาจิกกัดใส่…แต่ริชาร์ดก็ไม่คิดโมโห อาจเป็นเพราะคนตรงหน้าดูเหมือนเม่นจิ๋วที่กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยง…และอีกเหตุผลก็คือเขาสังเกตเห็นแผลที่ตรงข้อศอกของอีกฝ่าย ถึงมันจะไม่ลึก…แต่ก็มีเลือดซึมมากทีเดียว “ผมว่าคุณทำแผลดีๆ ก่อนดีไหม…ปล่อยไว้เดี๋ยวติดเชื้อจะยุ่งนะ”

              

 

 

 

 

แว่วเสียงชายหนุ่มผมน้ำตาลบลอนด์ปฏิเสธ…แต่ริชาร์ดไม่ได้ฟัง เขาจับมืออีกฝ่ายไว้แล้วพาให้ออกเดินไปทางมินิมาร์ทข้างทาง มาร์ตินนึกอยากโวยวายแล้วสะบัดมือทิ้ง…แต่มือแข็งแรงนั้นก็ยึดจับไว้แน่นหนา และเจ้าหมาหัวดื้อของเขาก็แปรพักตร์ไปเป็นพวกไอ้หนุ่มตัวสูงโย่งที่หล่อขาดใจนี่เสียแล้ว

           

 

 

 

 

บ้าเอ๊ย! นี่มันวันซวยชัดๆ!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

tbc.  

 

************************************ 

 

 

ไฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ทำไมฟิคเซตนี่ไม่จบซะที 

 

 

 

คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะว่าฟิคนี้มันจะมีสองแนว…แต่ใจอยากเขียนให้ธอรินจีบบิลโบโดยมีน้องหมารายล้อม เลยเลือกเขียนธิลโบเรื่องแรกก่อน กะว่าริชาร์ดมร์ตินนี่จะไม่เขียน แต่สุดท้ายยยยยย เจอรูปกิฟเซตนี้ค่ะ

http://euphemique.tumblr.com/post/41595522414/megustaelcafe-image-1-its-time-for-my

 

แงงงงงงงงงงงงงงงง คอร์กี้น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกก แงแงแงงงงงง แถมคนในรูปนั่นก็พอจะทำให้ทิพย์หลอกตัวเองได้ว่าคือมิสเตอร์อาร์มิเทจ…เลยยิ่งจิ้นบ้าบอไปไกล ที่เรื่องนี้สลับนุ้งหมากัน ก็เพราะทิพย์คิดว่าริชาร์ดดูเป็นคนใจดีกับอะไรเล็กๆจิ๋วๆค่ะ ภาพริชาร์ดเลี้ยงคอร์กี้ดูเป็นอะไรที่โมเอะกว่า แล้วก็คุยๆกับพี่เกด @kadeart ว่าถ้ามาร์ตินมาจูงหมาตัวโตๆ สงสัยคงโดนหมาลากแทน ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

 

 

แล้วก็…ยิ่งเขียนยิ่งยาวอีกแหล่ววววว T^T เลยต้องเป็นสองพาร์ทจบอะเกน ขอนอกใจเบนเหนียงที่รัก…ยกมาร์ตินให้ริชาร์ดไปอีกสักพักล่ะนะแงงงงงง มันก๊าวจริงๆ ;///////////////;

 

 

 

 

พาร์ทต่อจะมาในอีกไม่กี่ปีแสงค่ะ

 

 

 

 

ทิพย์ผู้อยากจะไปจีบเบนเหนียงเซมไปที่แดนซากุระ

 

 

 

 

 

 

7 responses to “[The Hobbit Fic(มั้ง)][RichardMartin] Woof!+ (1)

  1. โอ้ยยยยยยยย ตายแหล่ว o>———-[
    มาร์ตินที่ดดนฮัสกี้ลากนี่มัน *ขูดจอ* ///-/-//////ดหกฟดหฟดเ
    เหมือนคนตัวเล็กๆโดนรังแก !! โอ้ย ส่วนป๋าริชาร์ดก็ใจดีเหลือหลาย แง่วว น่ารักมากค่า หดหฟกด T////T

    Like

  2. คอร์กี้น่ารักกกกก ฮัสกี้ก็ด้วยยย ถึงจะดื้อไปนิดนึงก็เถอะ
    โถๆๆ มาร์ตินคะ ไม่ใช่วันซวยหรอกค่ะ วันซวยอะไรจะฟินขนาดนี้ล่าาาาา
    มีการเป็นห่วงเป็นใยแต่แรกเห็นนี่ไม่ใช่ธรรมดานะคะ
    มาร์ตินโดนฮัสกี้ลากเป็นภาพที่น่ารักและน่าขำมากจริงๆค่ะ

    ขอให้ทั้งคู่โชคดีค่ะ~!

    Like

  3. ว้ายยยยย มุ้งมิ้งจังเลย
    ทำไมถึงพลาดฟิคนี้ไปได้นะ ทั้งๆที่ติดตามคุณทิพย์อยู่
    น่ารักมากกกก อยากได้ธอรินอ่ะ ฮัสกี้มาเจสติก 55
    คุณทิพย์วางคอนเซ็ปหมาได้ตรงดีค่ะ
    คอร์กี้ก็ดูเหมือนบิลโบอย่างกะแกะ (?)
    น่ารักค่ะ ชอบๆๆๆๆๆ

    Like

  4. ฟฟฟฟฟฟ น่ารักง่อววววว พี่เขียนเรื่องอะไรทำสมองหนูบินทุกทีเลย ภาพคอร์กี้ที่พี่แปะทำเอาใจละลายเลยอ่าาาา ว่าแต่ทำไมธอริน กับ บิลโบถึงวิ่งมาหากันหรอค่ะ อินี่ไม่รู้เรื่อง ถถถถถถถ

    Like

  5. บิลโบดื้อจริงๆๆเลยน้า

    Like

Leave a reply to บางทีแม็คก็คิดนะ.... (@FunkyJangle) Cancel reply