[The Hobbit Fic][ThorinBilbo] Underneath the Echo

 
 
 
Underneath the Echo 
The Hobbit fanfiction by Tippuri~ii *

  

 

 

Pairing: Thorin Oakenshield x Bilbo Baggins

 

 

 

 

 * แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบัง เทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น งงๆ เหมือนจะ boy’s love ชอบกล…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ * 


 

 

 

REMARKS:

 

– สปอยล์ สปอยล์ชิบหายวอดวาย สปอยล์ฉาก extended และตอนก่อนจบในหนังสือ สปอยล์ๆๆๆๆ

– มโน มโนชิบหายวอดวาย มโนเองหมดว่าเขาจะพูดกันยังไง ฟฟฟฟฟ

– ถ้ายังไม่ได้อ่านสองข้อบน เลื่อนไปอ่านอีกทีนะคะ ฟฟฟฟฟ

 

 

TALK:

 

ขอทอล์คก่อนนะ ไม่ไหวละฟฟฟฟ ขอหยาบคายด้วย….

 

คือไอ้เชรี่ยยยยยยยยยยยยยยยกุว่าแล้วว่าแม่งต้องออกฉบับเอ็กเท็นฟหกดฟหกกดฟหกดฟหกดฟหกดกหดฟหดฟหกดฟหกดฟหกดแถมตัดออกไปแต่ของดีๆโอ้ยๆๆๆๆธอธรีนธอโบ้คิลีหน้าโง่น้องบีโบ้อีกอะไรคะอะไรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรโอ้ยไอ้เลวเลวเลววววววววววฟกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหดโคตรแย่เลยฟกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดไอฟัคกิ้งเฮทยูววววววววววววววว

 

คือบรั่บ ฉากธอโบ้ในฉบับเอ็กเท็นค่ะ ไม่ไหวทนค่ะ ดูแล้วคือเปิดซ้ำใหม่ แล้วก็นั่งหน้าคอม รู้ตัวอีกที…นี่อ่ะค่ะ เอนทรีใหม่แล้วอ่ะ ฟฟฟฟฟ อะไรวะเนี่ยยยยยยยยยยยฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟดกหหฟก

 

สติแตกมากๆๆๆๆๆค่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า..ฟิคนี้เพ้อเจ้อและสปอยล์มากนะคะ แล้วเราก็เขียนโดยที่ไม่รู้ด้วยว่าตกลงธอรินกับบิลโบรักกันหรือยังไงกันแน่ ฟฟฟฟฟ มันฟีลลิ่งเอ่อล้นค่ะแงงงงง อ่านไปเดาไปนะคะ ไม่เข้าใจตรงไหนเราขอโทษค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟ อย่าถือสาติ่งเลย ติ่งจะตายแล้ว O}–{

 

 

 

เจอกันเมื่อพลังติ่งมาประทับอีกนะคะ

 

 

 

 

ทิพย์เองค่ะ

 

 

 

*********************************

 

 

 

 

 

 

อาจเป็นเพราะยามเยาว์วัย…บุคคลที่บิลโบ แบ็กกินส์รักที่สุดคือเบลลาดอนน่าผู้เป็นมารดา ทำให้นิทานก่อนนอนหรือเรื่องเล่าหน้าเตาผิงที่นางเล่าให้ฟังฝังแน่นในความทรงจำเสมอแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

จากบรรดาตำนานของทุกสรรพสิ่งในมิดเดิ้ลเอิร์ธนี้…เรื่องราวที่เบลลาดอนน่าโปรดปรานและเล่าอยู่เรื่อยๆ คือเรื่องราวของเอลฟ์ สิ่งมีชีวิตที่อ่อนช้อยงดงาม…เรืองรองราวแสงตะวันหากก็ลึกลับดั่งยามราตรี บิลโบจำนิทานได้ไม่หมดทุกเรื่อง…แต่เขาจำได้ถึงรอยยิ้มละไมของมารดาระหว่างที่เล่า ทำให้ตำนานของเหล่าพรายในป่าลึกกลายมาเป็นความทรงจำแสนรักของฮอบบิทน้อยตามไปด้วย

 

 

 

 

 

 

ถึงการวิ่งซุกซนในป่าเพื่อตามหาปราสาทสีงาช้างและสายน้ำตกใต้ร่มเงาไม้จะกลายเป็นอดีตไปแล้ว…ถึงบิลโบจะเติบโตและประพฤติตัวอย่างน่าชื่นชมสมกับนามสกุลแบ็กกินส์แล้ว…แต่ความใฝ่ฝันในการจะได้พบเจอกับเอลฟ์นั้นก็ไม่ได้โดนลบเลือน มันแค่ถูกเก็บไว้ในกล่องใบเล็กที่ซอกหนึ่งของหัวใจ กล่องที่บิลโบคิดว่าไม่มีทางจะถูกแตะต้องได้อีก…หากบัดนี้กลับเปิดกว้าง ทุกจินตนาการที่เคยอยู่ในนั้นดูราวกับจะโลดแล่นตามเขามาตั้งแต่วินาทีที่บิลโบตัดสินใจคว้ากระดาษแผ่นยาวเหยียดแล้ววิ่งออกจากแบ็กเอนด์อันอบอุ่นปลอดภัยมาสู่ความไม่แน่นอนของโชคชะตาในการเดินทางครั้งนี้

 

 

 

 

 

 

นั่นจึงทำให้แม้ว่าจะไม่อาจพูดออกไปได้…แต่บิลโบ แบ็กกินส์ก็ดีใจนักที่คณะเดินทางต้องเข้ามาหยุดที่ริเวนเดลล์ ถึงจะต้องแอบยิ้มอย่างตื่นเต้นและได้แค่ชื่นชมทิวทัศน์รอบๆ โดยลำพัง…แต่ฮอบบิทตัวน้อยก็ยินดีเหลือจะกล่าวแล้ว ความยินดีที่ปะปนมากับความเหงาหงอยเล็กน้อย…ด้วยถึงความฝันวัยเยาว์จะถูกเติมเต็ม แต่บุคคลที่เขาต้องการจะแบ่งปันเรื่องเล่าถึงทิวทัศน์งดงามนี้ก็ไม่ได้อยู่ในโลกที่สามารถเอื้อมมือไปได้ถึงอีกแล้ว

 

 

 

 

 

 

แต่เพราะรู้ดีว่ามารดาไม่ชอบเลยเวลาที่เขาคิดอะไรแบบนี้…บิลโบจึงตัดสินใจยิ้มแล้วจดจำทุกสิ่งแทน คิดถึงสมุดและขวดหมึกที่โต๊ะทำงานข้างหน้าต่างที่แบ็กเอนด์…ร้อยเรียงถ้อยคำที่หวังจะเขียนบรรยายเมื่อตนได้กลับบ้านอีกครั้ง และก็ใช้เวลาจนหมดวันในการชมทุกห้องที่ผู้เป็นเจ้าบ้านจะพึงอนุญาต

 

 

 

 

 

 

ถ้าริเวนเดลล์ตอนกลางวันจะได้ชื่อว่าสวยสว่างเรื่อเรือง…ยามราตรีของคฤหาสน์สีงาช้างนี้ก็คงได้ชื่อว่างามละไมอ่อนโยน ทุกสิ่งดูขาวโพลนในแสงจันทร์ ละอองน้ำจากธารน้ำตกสะท้อนแสงนุ่มนวลนั้นเป็นประกายราวเม็ดไข่มุก…เสียงสายน้ำทำให้บิลโบรู้สึกสงบใจนัก หากตอนที่ได้มาอยู่ในสถานที่ในฝันแบบนี้…การข่มตาให้หลับดูจะไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เลย ฮอบบิทตัวน้อยอยากจะเดินชมทุกสิ่งทุกอย่างไปเรื่อยๆ…จดจำถึงราตรีใต้แสงจันทร์นี้ให้ได้มากที่สุด

 

 

 

 

 

 

ดูจะไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดว่าการนอนไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจ…คณะเดินทางยังคงนั่งล้อมกองไฟ ย่างของว่างมื้อดึกระหว่างที่รอให้เสื้อผ้าแห้ง บิลโบไม่ได้นับจริงจังแต่ก็รู้ว่าคนแคระไม่ได้อยู่ในวงล้อมนั้นทุกคน…ร่างเล็กค่อยๆ เดินขึ้นบันไดที่เชื่อมจากระเบียงของกองไฟนั้นเพื่อไปสู่อาคารอีกหลังด้านบน เสียงพูดคุยเอะอะโดนกลบทับด้วยธารน้ำตกเรื่อยๆ ตามความสูงของบันไดที่เขาเดินขึ้นมา

 

 

 

 

 

 

แต่เมื่อมาถึงที่พักบันได บิลโบก็อดไม่ได้ที่จะหยุดยืนมอง…แม่น้ำเล็กๆ ที่ทอดจากน้ำตกข้างๆ นี้สะท้อนแสงจันทร์จนเป็นเหมือนผืนผ้าสีเงินยวงที่ทอดตัดระหว่างตลิ่งสองด้านมากกว่า และบนสะพานที่เชื่อมสองฟากนั้น…ร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมยาวสีดำสนิทกับพ่อมดในชุดคลุมสีเทาเดินเคียงกันอยู่ แสงจันทร์และระยะห่างทำให้มองได้ไม่ชัด…แต่ความเงียบของบรรยากาศก็อำนวยให้บทสนทนาของทั้งสองเป็นที่ได้ยิน

 

 

 

 

 

 

ถ้าเป็นตามปกติ…บิลโบคงไม่ยืนแอบฟังโดยบังเอิญอยู่แบบนี้ แต่เขาตัดสินใจไม่เดินหลบฉากไปเองก็เพราะประเด็นที่แกนดัลฟ์และลอร์ดเอลรอนด์ถกเถียงกันอยู่

 

 

 

 

 

 

“การเดินทางนี้เป็นเรื่องอันตราย…แกนดัลฟ์”

 

 

 

 

 

 

“และการไม่ลงมือทำอะไรเลยก็เป็นเรื่องอันตรายเช่นเดียวกัน! และ…”

 

 

 

 

 

 

มังกร…เอเรบอร์…คำแย้งที่ว่าภารกิจนี้จะนำมาเพียงความตาย…ไม่ใช่อะไรแปลกใหม่หรือทำให้บิลโบตกอกตกใจได้อีกแล้ว แต่สิ่งที่ยึดให้ฮอบบิทน้อยยืนแอบฟังอยู่ต่อไปนั้นคือชื่อที่จุดประกายให้การโต้เถียงแข็งกร้าวขึ้น

 

 

 

 

 

 

“…บัลลังก์แห่งเอเรบอร์ก็เป็นของธอรินโดยสายเลือด! ลอร์ดเอลรอนด์…ท่านยังต้องกลัวอะไรอีกหรือ??”

 

 

 

 

 

 

อะไรบางอย่างบอกบิลโบว่านี่ไม่ใช่การถกเถียงในหัวข้อเดิมๆ ที่ตนฟังจนชินชาแล้ว ลอร์ดเอลรอนด์รู้อะไรที่ทุกคนไม่รู้…อะไรที่เขาไม่รู้…

 

 

 

 

 

 

…อะไรที่เขาไม่ควรรู้

 

 

 

 

 

 

ลางสังหรณ์นั้นทำให้บิลโบหันตัวกลับไป คิดจะเดินลงไปตามทางเดิมแทนขึ้นไปสู่อาคารด้านบนเพราะไม่อยากถูกเห็นตัว…แต่การที่หันไปนี่เองที่ทำให้เขาแทบหลุดหอบหายใจอย่างตระหนก

 

 

 

 

 

 

เพราะไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่…ธอริน โอเคนชีลด์ยืนอยู่ตรงนั้น

 

 

 

 

 

 

เส้นผมดำสนิทกับเสื้อสีน้ำเงินเข้มกลืนไปในความมืด หากเกราะและลูกปัดตามปลายเปียก็สะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายจางๆ…ธอรินดูสงบนิ่งหากก็เยียบเย็นราวค่ำคืนฤดูหนาว แต่แปลกนัก…วินาทีนี้ บิลโบพบว่าภายใต้ท่าทีเฉยเมยแข็งกร้าวนี้ เขากลับรู้สึกว่าสิ่งเดียวรับรู้ได้จากอีกฝ่ายคือความอ้างว้าง ดวงตาสีเทาอมฟ้านั้นสะท้อนประกายสับสนล้าระโหยจนวูบหนึ่ง…ฮอบบิทน้อยอยากจะยื่นมือออกไป ไถ่ถามอะไรก็ได้ที่จะไล่แววตาแบบนั้นออกไปเสีย

 

 

 

 

 

 

แต่บิลโบก็รู้ดีว่าตนคือบุคคลสุดท้ายที่องค์ราชาจะต้องการ พิสูจน์ได้ง่ายดายนักเพราะแม้แต่ตอนนี้ที่ทั้งคู่ยืนเคียงกัน…ธอรินก็ไม่แม้แต่จะทักทาย สายตาจ้องผ่านไปราวเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ ฮอบบิทน้อยจึงสูดลมหายใจ…ไม่ต้องการยื่นไมตรีใดถ้ามันจะเพียงแค่ถูกอีกฝ่ายเยาะหยัน ก่อนจะหันตัวกลับไป จำใจฟังบทสนทนาที่อะไรบางอย่างกระซิบบอกว่าเขาไม่ควรรู้ต่อ

 

 

 

 

 

 

“ถ้าเจ้าลืมไปแล้วนะแกนดัลฟ์…” เสียงของลอร์ดเอลรอนด์กดต่ำราวกับความอดทนจวนเจียนจะหมดลงแล้ว “สายเลือดของความบ้าคลั่งนั่นหยั่งลึกในตระกูลนี้…ปู่ของเขาเสียสติไป พ่อของเขาก็พ่ายแพ้ให้กับมัน…”

 

 

 

 

 

 

เลือดในกายของบิลโบเย็นวาบ…ตระหนักชัดเจนแล้วว่านี่เป็นเรื่องที่เขาไม่ควรรู้เลยจริงๆ

 

 

 

 

 

 

“…แล้วเจ้ากล้าสาบานได้หรือ…ว่าธอริน โอเคนชีลด์เองก็จะไม่ตกลงในความบ้าคลั่งนั่นเช่นเดียวกัน??”

 

 

 

 

 

 

พ่อมดและเอลฟ์โต้เถียงกันต่อจนกระทั่งสองร่างหายลับไป…แต่นั่นไม่อยู่ในการรับรู้ใดของบิลโบแล้ว สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือคนที่ตนไม่กล้าแม้จะหันไปมอง…ไม่ต้องถามก็รู้ว่านั่นเป็นความจริง – ที่จะเป็นความลับหรือไม่ก็ตาม – ที่ธอรินต้องไม่มีวันอยากให้ใครได้ยิน โดยเฉพาะคนนอกที่เป็นแค่ฮาล์ฟลิ่งอ่อนหัดอย่างเขา

 

 

 

 

 

 

จากปลายสายตา…เห็นได้ว่าร่างขององค์ราชาหันไปอีกทางราวกับไม่ต้องการจะมองหรือโดนมอง หากฮอบบิทน้อยก็รู้สึกได้…ความเจ็บใจ ความกังวล ความโกรธเกรี้ยว และแม้แต่ความหวาดหวั่นเจือจาง…น้ำหนักของภาระที่อีกฝ่ายแบกรับไปจนถึงบาดแผลในหัวใจเจ้าตัว…ทุกสิ่งแทรกซึมมาในความเงียบงันระหว่างกัน สิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ไปถ่วงจิตใจของบิลโบราวกับก้อนหิน…อยากจะทำอะไรสักอย่าง พูดอะไรสักคำ หากก็รู้…คำปลอบโยนรังแต่จะทำให้บาดแผลในใจของธอริน โอเคนชีลด์ผู้หยิ่งทระนงเจ็บซ้ำซ้อนมากขึ้นเท่านั้นเอง

 

 

 

 

 

 

แล้วจู่ๆ วินาทีนั้น…คฤหาสน์สีงาช้างที่เฝ้าฝันถึงมาแต่วัยเยาว์ก็ดูซีดจาง ถูกแทนที่ด้วยความปรารถนาถึงปราสาทใหญ่ใต้ขุนเขาและนครที่มั่งคั่งด้วยเพชรนิลจินดาเกินคณา…ความปรารถนาที่ดูยิ่งใหญ่เกินปกติจนน่าสงสัยว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงคิดฝันขึ้นมาว่าต้องการจะเห็น

 

 

 

 

 

 

หากในวินาทีที่ตัวเองถูกโอบไว้ในอ้อมกอดของราชาผู้ไร้บัลลังก์…บิลโบก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่าความปรารถนาใหม่ของตัวเองนั้นแท้จริงแล้วเรียบง่ายกว่าทุกๆ ครั้งที่ตนเคยมีมาตลอดเสียอีก

 

 

 

 

 

 

…เขาอยากให้ธอรินมีความสุข

 

 

 

 

 

 

 

 

*****

 

 

 

“ข้าคิดถึงแบ็กเอนด์…ข้าคิดถึงหนังสือ เก้าอี้นวม แล้วก็สวน…มันคือที่ของข้า มันคือบ้าน นั่นแหละที่ทำให้ข้ากลับมา…เพราะท่านไม่มีที่ที่เรียกได้ว่าเป็นบ้าน บ้านของท่านถูกแย่งไป…แต่ข้าจะช่วยทุกทางที่ข้าทำได้ให้ท่านได้มันคืนมา”

 

 

 

 

 

 

แม้ว่านั่นจะเป็นประโยคที่ตนเองกล่าวตอนต้นๆ ของการเดินทางนี้…หากระยะเวลาที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้บิลโบลืมเลือนไปเลย เพราะนี่เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำพูดที่เขาสามารถบอกกับธอรินได้มากที่สุดโดยที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองได้รับการสงสาร บิลโบไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรว่าสิ่งที่ผลักดันให้ตนมายืนถึงตรงนี้ได้ไม่ใช่ความเวทนาใดๆ เลย…แต่เป็นความรู้สึกที่ผสมผสานมากมายเสียจนตัวเขาเองก็แยกไม่ได้

 

 

 

 

 

 

ต้องการจะปกป้อง..ต้องการจะทำให้มีความสุข…ต้องการจะเห็นดวงตาของท่านไร้แววเจ็บปวดหม่นหมองใดๆ…

 

 

 

 

 

 

บิลโบรู้ว่ามันน่าหัวเราะยิ่งกว่าอะไรที่ฮาล์ฟลิ่งอ่อนหัดอย่างตนคิดจะปกป้องราชาแห่งนครใต้ขุนเขาอันยิ่งใหญ่นี้…แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดคิดหวังเงียบๆ ในใจต่อไปได้ ความปรารถนานี้ถูกเก็บไว้ในกล่องใบเดิมที่เคยบรรจุความใฝ่ฝันอันเป็นที่รัก…หากผิดกับทีแรกที่บิลโบจะลืมมันไป ตอนนี้…กล่องใบน้อยนี้ถูกเปิดบ่อยครั้งในห้วงความคิด เก็บรักษาอย่างทะนุถนอม…ตั้งใจมั่นคงหากเงียบงันดั่งเสียงสะท้อนลึกล้ำว่าเขาจะทำมันให้เป็นจริงได้

 

 

 

 

 

 

บิลโบมั่นใจว่าธอรินคงไม่รู้ถึงความตั้งใจนี้…ซึ่งเป็นเรื่องดีแล้วเพราะเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตีความมันไปในแง่ใด จนถึงปัจจุบันนี้…ถึงจะยังคงโดนดุอยู่บ้างเวลาทำอะไรเกินตัว แต่บิลโบก็คิดว่าตนกำลังพัฒนามากขึ้นๆ กับทุกสถานการณ์ คำชมของคณะเดินทางและรอยยิ้มขององค์ราชาช่วยยืนยัน…เขาอาจไม่ได้ต่อสู้ได้เก่งกาจ แต่ในจุดนี้ที่ขาดไป…ฮอบบิทน้อยก็มีความสามารถในการจะเล็งเห็นถึงสิ่งที่คนอื่นมองข้ามและมีความกล้าหาญในการจะลงมือทำสิ่งที่ไม่มีใครกล้ามาแทนที่

 

 

 

 

 

 

การปกป้องของเขาอาจไม่ใช่การใช้อาวุธใด…แต่มันก็คือการปกป้องอีกฝ่ายให้ปลอดภัยเหมือนกันอยู่ดี…

 

 

 

 

 

 

ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกๆ เพื่อเรียกความกล้า…ด้วยธอรินในตอนนี้ไม่ได้ต้องการการปกป้องด้วยคมดาบ แต่ต้องการการปกป้องด้วยคนที่เล็งเห็นถึงสิ่งที่ถูกมองข้ามและกล้าในการจะลงมือทำสิ่งที่ไม่มีใครกล้าต่างหาก

 

 

 

 

 

 

…แม้ว่าการปกป้องนี้จะราคาสูงเหลือเกินก็ตามที

 

 

 

 

 

 

หากชีวิตที่ปลอดภัยก็มีค่ากว่าความรู้สึกที่แตกสลายมิใช่หรือ..?

 

 

 

 

 

 

ฮอบบิทน้อยเม้มริมฝีปาก…คิดถึงสายตากังวลหนักหน่วงขององค์ราชา คิดถึงเสียงทุ้มต่ำที่นุ่มนวลลงยามเล่าเรื่องอดีตของเอเรบอร์ แล้วก็คิดถึงปลายดาบที่จี้ให้ตนถอยห่างจากกองสมบัติ คิดถึงดวงตาสีซีดที่ไร้แววของสติรับรู้เรื่องอื่นใดนอกเหนือจากชื่อของเพชรหัวใจแห่งขุนเขา…แล้วเขาก็ถามตัวเองว่าจะมาล้มเหลวเอาตอนที่จุดหมายอยู่ห่างไปเพียงสายหมอกกั้นเช่นนี้ได้อย่างไร

 

 

 

 

 

 

มือจึงกำอาร์เคนสโตนแน่น…อัญมณีเม็ดงามที่สะท้อนแสงแม้ในความมืดนี้กลับทำให้บิลโบรู้สึกเกลียดชังขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้

 

 

 

 

 

 

เขาปกป้องธอรินจากทุกสรรพสิ่งมาแล้วตลอดทาง…และครั้งนี้ เขาจะปกป้องธอรินจากตัวอีกฝ่ายเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

*****

 

 

 

“ไปให้พ้น…แล้วก็อย่าได้กลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก จำไว้…ไม่มีมิตรภาพใดเหลือระหว่างข้ากับเจ้าอีกแล้ว”

 

 

 

 

 


นั่นเป็นถ้อยคำที่เจือไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอันมืดดำ…ธอรินรู้สึกได้ถึงมันราวกับความรู้สึกนี้เป็นเลือดที่ไหลเวียนทั่วร่าง ความเกลียดชังแล่นพล่านในความคิด…ราวกับคลื่นบ้าคลั่งที่ก่อตัวเพิ่มมาในผืนน้ำกลางพายุ มีเพียงความรุนแรงที่มากขึ้น…พร้อมจะทำลายทุกอย่าง

 

 

 

 

 

 

บิลโบ แบ็กกินส์ยังกล้ามีหน้ากล่าวลาทุกคนก่อนจะเดินจากไป…ธอรินจำได้ว่าตนตวาดด่าทอตาม หากก็เหมือนตั้งแต่ต้นที่เฉลยว่าทำไมบาร์ดถึงมีอาร์เคนสโตนในครอบครองได้…เจ้าฮาล์ฟลิ่งนี่ยังคงรับมือกับโทสะของเขาด้วยความสงบนิ่ง และถ้ามองไม่พลาด…ริมฝีปากนั่นยกยิ้มเสียด้วย แม้ว่านั่นจะเป็นยิ้มอันแสนเศร้าที่ทำให้แม้แต่หัวใจอันมืดดำตอนนี้ของธอรินบีบรัดในอก

 

 

 

 

 

 

ทำไมเจ้าถึงยิ้มแบบนั้นให้ข้า…ทำไมข้าถึงปวดใจนักยามที่คิดว่าเจ้ากำลังร้องไห้อยู่หลังรอยยิ้มนั่น…

 

 

 

 

 

 

หากนั่นก็เป็นเหมือนหยดน้ำในเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำ สติจมดิ่งสู่ห้วงเงาสีดำที่กลืนกินทุกความรู้สึก…เหลือไว้เพียงความบ้าคลั่งและจิตใจที่กระหายเพียงอัญมณีและทองคำ

 

 

 

 

 

 

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกลบลืม…เวลาก็เหมือนหยุดลงตอนที่บิลโบ แบ็กกินส์หันกลับมาสบตาด้วยเป็นครั้งสุดท้าย แววตาและสีหน้าของเจ้าตัวนั้นโหยไห้อ้างว้าง…ราวกับทุกสิ่งที่รายล้อมตอนนี้กำลังกดทับใจให้แหลกสลาย คำพูดมากมายดูจะเจือในดวงตาระริกสีเข้มนั่น…หากไม่มีประโยคใดถูกเอื้อนเอ่ย

 

 

 

 

 

 

แต่ – ราวกับเป็นเสียงสะท้อนที่ห่างไกลจนเหมือนไร้ตัวตน – ธอรินก็รู้สึกว่าตนได้ยิน

 

 

 

 

 

 

ต่อให้ท่านจะเป็นอย่างไร ข้าจะปกป้องท่านเสมอ…และหวังเหลือเกิน…ว่าท่านจะกลับมาหาข้าได้…

 

 

 

 

 

 

คมเขี้ยวบ้าคลั่งสีดำฉีกกระชากกลับลงมาตอนนั้นเอง…แล้วธอริน โอเคนชีลด์ก็ลืมเลือนไปเสียสิ้น…ว่าเจ้าของถ้อยกระซิบในเสียงสะท้อนนั่นคือใคร

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Fin.

 

 

*************************************

 

 

 

26 responses to “[The Hobbit Fic][ThorinBilbo] Underneath the Echo

  1. โอ่ยฟฟฟ ดราม่าสุดพลัง ฮือออ
    ชอบง่ะ ทิฟฟฟฟฟฟฟย์ มันฟินแบบหน่วงๆ นี่พึ่งดูเอ็กเทนด์ฉากนั้นจบพอดี ได้ใจมาก T T

    Like

    • ฮือ ดูแล้วทนไม่ได้ ไม่ขอทนด้วย ฟฟฟ
      ต้องฟาดฟิคออกมาสักเรื่องแงงงงงงงงงงง

      Like

  2. โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ฟิคพี่ทิพย์ทำลายชีวิตอีกล้าววววววววววววววววววว
    มาอ่านฟิคพี่ตอนเพิ่งดูคลิปเอ็กเทนด์จบพอดีด้วย ฮือออออ
    สงสารบิลโบสุดพลัง แงงงงงงงงง
    (คิดไปคิดมาก็มโนว่า เอ๊ะ หรือฟิคนี้จะเป็นอินโทรเหตุการณ์ก่อนเข้าสู่ฟิคการเมือง ฟฟฟฟฟ)
    /จะว่าไปมันก็เหตุการณ์เกือบต่อเนื่องกันพอดีนะ /ว่าไปนั่น

    อ่านตอนจบสองสามรอบเลยอ่ะ ฮือ ดราม่าาาาาาาาาาาาา อิราชาขุนเขาไร้น้ำยาเอ๊ย
    (อย่าให้คิลีฟิลีไม่มีท่านป้าสิฟะ /คนละเรื่องและ)

    Like

    • นั่นสิเนอะ พี่เขียนด้วยฟีลลิ่งผสมกับทุกอย่างเลยค่ะ เอ็กเท็นดราม่าและแต่งการเมือง ฟฟฟฟ
      แต่ยังไงตัวแต่งการเมืองก็จะมีอีกบท(แต่แนวๆนี้)เป็นของตัวเองอยู่แล้วค่ะ
      นี่เลยอาจจะถือได้ว่าซ้อมมือ ก้ากกกกก

      Like

  3. ขอกรี๊ดใส่พี่ทิพย์แรงๆ กรี๊ดดดดดดฟหกดฟกกดฟกกฟหกกฟกกดหหดหฟดหดฟกดหดฟกดหฟกดหกดฟหดดฟกดหฟหกดหกฟดหหกดฟกพี่ทิพย์ทำร้ายน้องโฮวววววบ้าเจงงงงเป็นวันช็อตที่เจ็บได้ใจมากแงงงงอยากได้อีกฟหกดฟหดดกฟหดกฟหกด
    ฉากเอ็กเทนพลังรุนแรงนักดูจบอ่านฟิคนี้ต่อเลยน้องกำลังอ่อนไหวง่ายฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟโฮฮฮ/ปาทิชชู่ใส่ธอริน

    Like

    • อัลไลกันอย่ามาใส่ความเลา เลาไม่เคยทำร้ายใคร ฟฟฟฟ
      ฟิคนี่กระต่ายพิมพ์ ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
      เอ็กเท็นทำลายชีวิตมากฟฟฟฟฟ ต้องเขียนระบายประชดอิไมโอ๊คหน้าโง่หน่อย

      Like

  4. กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฟหกด่าสวฟหาด่หาส่ดฟหกวเา้ฟ่กเ้ฟหก่วเ้วฟห่กเ้วหกเ้ฟกา่้วง

    ฟิคพี่ทิพย์ทำร้ายยยยยยยยยยยยยยยย ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย อ้ากกกกกกกกกกกกกกดราม่าาาาาา ท่านราชาแคระงี่เง่าเจงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไม่รู้หราว่าฮาฟลิ่งก็มีหัวใจจจจจจจ ถถถถถถถถถถถถถถถถ

    Like

    • คนแคระหน้าโง่ค่ะฟฟฟฟฟฟ สงสารฮอบบิทนัก
      แต่พี่ไม่เคยทำอะไรใครนะคะอย่าใส่ความพี่ถถถถถ

      Like

  5. ดราม่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
    เค้ารักดราม่าาาาาาาาาาาาาาา

    Like

  6. พึ่งได้แตะคอมมมมมมมมมมมมม กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    ดราม่า ดราม่าขมๆปวดใจทำไมทำให้หนูอยากกรีดร้อง ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ มันขื่นขมปวดร้าว แต่อุปสรรคทำให้ความรักยิ่งใหญ่นะคะท่านลุงท่านป้า ฟฟฟฟฟฟฟหกสาเสวกาหดวสหาวสด

    คลิปเอ็กเท็นเด็ดอยู่ไหนนนนนนน /พุ่งตัวไปหาดูต่อ

    Like

    • ดราม่ามากจริงๆแค่ซีนสั้นๆเนี่ยฟฟฟฟ ทั้งเรื่องปมหลังชีวิตลุงและฟีลลิ่งป้า
      ลองไปหาคลิปดูนะคะ พี่แปะไว้แล้วในเพจ ฟฟฟฟ โคตรดราม่าแงงงง

      Like

  7. ดราม่าขนาดนี้ฆ่ากันเลยดีกว่าพี่ทิพย์ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    โอยยยย อนันต์ชอบฟฟฟฟฟฟฟ นี่คือได้อารมณ์มาก พี่ทิพย์อัจฉริยะฟฟฟฟฟฟ พี่ทิพย์แบ่วเรื่องเป็น 3 พาร์ทหลักๆแบบนี้คือโคตรได้อารมณ์ พี่ทิพย์เอามาเชื่อมโยงแล้วภาษาโทนนี้ทำเอาอนันต์คิดว่าเป็นโทลคีนแต่งแล้วหฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ แบบว่าทุกอย่างลงตัวมากข่าาา

    อนันต์ชอบมากที่พี่ทิพย์กล่าวถึงจิตใจธอริน พอพี่ทิพย์ใช้คำว่า คมเขี้ยวบ้าคลั่งสีดำ นั่นมันทำให้มองอารมณ์และการกระทำนั้นของธอรินออกมาเป็นฉากๆเลย แงงงงงงง ได้ฟีลมาก อนันต์ปลื้มฟฟฟฟฟฟฟฟ

    อิ่มค่ะเรื่องนี้ อนันต์บอกตรงๆเลยว่าอิ่มมาก สมกับเป็นแนวดราม่า เพอเฟ็กดราม่าสุดๆเลยค่ะพี่ทิพย์ YvY

    Like

    • โฮรกกกก เจ้าพูดซะดีเกินจริง พี่แค่เขียนไปเรื่อยๆเอง ฟฟฟฟ
      มันแบบ มือไปเองอ่ะ ไม่ได้คิดอะไรเลยนะแงงงงง
      พิมพ์ไปสดๆเองเลยเจ้า เทียบอะไรไม่ได้หรอกฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
      เพราะตัวคลิปเองมันดราม่าพอแล้ว สายตาริชาร์ดคือจี๊ดสุด บรรยายได้เป็นล้านๆคำพูดล้านๆความรู้สึก
      พี่ว่าพี่ยังเขียนออกมาได้ไม่ถึงเสี้ยวเลย ฟฟฟฟฟฟ ไปหาคลิปดูแล้วจะเข้าใจค่ะ

      Like

  8. เม้นต์ช้าไปมั้ย เพิ่งได้จับคอม555

    งื้อออออ เราชอบบบบบบบ
    ท่านลุงท่านป้าต้องดราม่ามันถึงจะฟิน5555

    Like

  9. ให้ตายเถอะพี่ทิพย์ >O< มันดราม่าได้ใจจริงๆเลย ชอบแนวนี้ที่สุดแล้ว

    Like

  10. ตอนจบเศร้ามากค่า​ อ่านนิยายถึงตอนจบนี่แบบ​ โฮวววว​ ธอรินนนน​ ขอบคุณที่แตงฟิคดีๆมาให้อ่านนะคะ

    Like

    • โทลคีนใจร้ายมากค่ะฮือ พีเจก็ยิ่งใจร้าย…ถ้าจะจบแบบนี้ทำไมต้องทำธอรินมาซะมาเจสติกขนาดนี้ด้วยยยย ติ่งรับไม่ไหวค่ะ TmT

      Like

  11. @kadeart
    ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ขุ่นน้องทิพย์คะะะะะะะะะะะะะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ดราม่าาาาาฮือออออออออออ เธออออออออออออออ //เขย่าคอ ธอรินนน บ้าาา บ้าก่าาาาาาาาาาาาาแงงงงงง หนอยยยยยยฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ //ปาตูดหมาใส่รัวๆ

    @fukumoji
    เอาน้ำตาเราคืนมากนะ T^T โฮวววววววววว ธอรินบ้าบ้าบ้าบ้าบ้า

    @caogonly
    ฉันเพิ่งถูกเอกซ์เทนฮอบบิชชชตอนเด็กกับโมเมนต์ลุงป้าทำร้าย เธอเอาฟิคมาทำร้ายต่อ ไม่ต้องนอนละคืนนี้ฟฟ
    เจ้า…ฆาตกร….ฆาตกรมาก โอยย สงสารป้าาาา

    Like

  12. ฟิคนี้มันบีบหัวใจT_Tดราม่าได้มืดมนมาก ทำเอาคนอ่านน้ำตาไหลTT

    Like

  13. พี่ทิพย์ทำร้ายยยยยย เจ็บปวดมากมาย งื้อออออ
    ความรู้สึกของทั้งสองคนสุดยอดมากค่ะ อธิบายไม่ถูกเลย
    รู้แต่ว่าอยากร้องไห้ตามแป๊บ

    ธอรินอย่าทำบิลโบ้เจ็บปวดสิคะ~ งื้ออออออ~!!///เกาะขาธอริน
    แอบลุ้นตลอดทั้งเรื่องเลยว่าอย่าเพิ่งจบเลยยย ยังเศร้าอยู่
    อยากให้มีความสุขกันมั่ง

    แต่แล้ว…เจ็บปวดดดด~!!!

    Like

  14. ดราม่าเกินไปแล้ว รู้สึกอยากถีบธอรินตกภูเขาเลย…บังอาจทำให้โบ้เสียใจ

    Like

  15. Pingback: [TAG] สืบประวัตินักเขียน | tippuri's blog (◉◞౪◟◉✿)·

Leave a comment