[Hiddlesworth Fic] Everlasting

 

 

Everlasting
Hiddlesworth fanfiction by Tippuri~ii *

 

Pairing: Chris Hemsworth x Tom Hiddleston
 

* แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบัง เทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boy’s love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

 

 

REMARKS:

  • เรื่องนี้ คริสโสดนะคะ ไม่มีเจ๊เอลซ่าหรือน้องอินเดียค่ะ ฟฟฟฟ ขอโทษนะคะเจ๊
  • แนะนำให้ฟังเพลงนี้ไปด้วยค่ะ http://charlenekaye.bandcamp.com/track/dress-and-tie-ft-darren-criss — dress and tie by charlene kaye ft. darren criss

 

 

 

****************************************

 

 

 

 

หลอดไฟสว่างจ้า แสงแฟลชสีขาว ผู้คนหัวเราะพูดคุย บทเพลงบรรเลง เครื่องดื่มราคาแพงในแก้วทรงสูงเป็นประกายวิบวับ…ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยแสงสีและสรรพเสียงมากมายจนแทบทำให้ลืมไปเลยว่าบนโลกใบนี้ยังคงมีสิ่งที่เรียกว่าความเงียบอยู่

 

 

 

 

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทอม ฮิดเดิลสตันคิดจะบ่นอะไร…เพราะนี่คือทุกสิ่งที่คืนนี้ควรจะมีและจะเป็น มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้มางานพรีเมียร์ภาพยนตร์ที่ตัวเองร่วมแสดง…แต่ถ้าเทียบกับตอนพรีเมียร์ของ The Avengers แล้ว ทอมคงต้องขอลำเอียงแล้วพูดว่าตนชอบงานพรีเมียร์ของแฟรนไชส์ Thor มากกว่า ซึ่งก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ในเมื่อเขาอยู่กับภาพยนตร์เรื่องนี้มานานกว่า…และมันก็ได้มอบหลายๆ สิ่งที่กลายมาเป็นเรื่องพิเศษในความทรงจำของเขาให้อย่างมากมายเหลือเกิน

 

 

 

 

แล้วพอมาย้อนคิด…ทอมก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ทั้งพิศวงพร้อมทั้งอบอุ่นในหัวใจอย่างแปลกๆ ตอนตระหนักได้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งคู่มายืนอยู่ในจุดใดของอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้ว

 

 

 

 

ไม่น่าเชื่อเลย…ว่าตอนนี้พวกเราจะมาถึงตรงนี้กันแล้ว…

 

 

 

 

“ทอม? ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ?”

 

 

 

 

ราวกับรู้ว่าถูกคิดถึงอยู่…ร่างสูงใหญ่ของเพื่อนร่วมแสดงก็เดินมาที่หน้าห้อง แค่ทิ้งตัวพิงกรอบประตูไว้เท่านั้น ไม่ได้ก้าวเข้ามา…ดวงตาสีฟ้าใสมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้นั่งอยู่บนโซฟาในห้องอย่างขันๆ ปนเอ็นดู คงเป็นเพราะเดาได้แล้วว่าการที่ทอมหนีมานั่งเงียบๆ ในห้องพักนักแสดงอันแสนธรรมดาแบบนี้ก็คงเพื่อหาความสงบจากอาฟเตอร์ปาร์ตี้ของงานพรีเมียร์ครั้งนี้เป็นแน่

 

 

 

 

“หวัดดีคริส…” ทอมยอมผงกศีรษะที่หงายเงยแปะอยู่บนพนักโซฟาขึ้นมานิดเดียว…สัญญาณที่บอกให้รู้ว่าตนยังไม่คิดจะกลับไปที่บรรยากาศครึกครื้นนั่นในตอนนี้ ดวงตาสีเขียวไล่มองคนตรงหน้าประตู…ดวงดาวหรือแสงไฟใดๆ ของลอนดอนในคืนนี้ดูจะส่องประกายจับใจได้ไม่เท่าคริส เฮมสเวิร์ธในสูทสามชิ้นของดอลเช่แอนด์กาบาน่าชุดนี้เลย คัตติ้งสง่าผ่าเผยแต่มีลูกเล่นนิดๆ ด้วยเนื้อผ้าสีเรดชาร์โคลเข้มกับเนคไทดำซ่อนลวดลายแนวเขตร้อนอันแนบเนียนแบบนี้ส่งให้ชายหนุ่มผมทองคนสวมมันยิ่งดูหล่อคมคายจนใจสั่นแบบห้ามไม่ได้เลยจริงๆ ทุกครั้งที่มองเห็น

 

 

 

 

แล้วยิ่งตอนที่ร่างสูงๆ นั่นเอนตัวพิงลาดไปกับกรอบประตูแถมกอดอกส่งยิ้มเย้าๆ แบบนี้มาแล้วล่ะก็…ทอมคิดว่าเขาสามารถนั่งมองจากโซฟาอยู่อย่างนี้ไปได้อีกสักหลายๆ ปีเลยทีเดียว

 

 

 

 

“เบื่อปาร์ตี้แล้วรึไง?” คริสกระเซ้า ขำคนที่นอนเอาหัวหนุนพนักโซฟาแบบไม่กลัวผมที่เซ็ตไว้เสียทรงชะมัด

 

 

 

 

อีกฝ่ายแค่ส่งเสียงฮึมฮัมแบบไม่เป็นจริงเป็นจังมาให้ ยังคงไม่ขยับตัว หนำซ้ำยังตบมือแปะๆ ลงตรงที่ว่างข้างๆ ตนบนโซฟาเสียด้วย…คริสหัวเราะอย่างอ่อนใจกับมุมนิสัยเด็กดีแต่แอบเกเรนี้ของทอม แต่ก็ไม่ปฏิเสธคำชวน ร่างสูงใหญ่ก้าวมาทิ้งตัวลงบนโซฟา…สัมผัสนุ่มๆ ยวบยาบเล็กน้อยด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมา

 

 

 

 

พอได้ทิ้งตัวลงบนโซฟาธรรมดาๆ หลังจากต้องยืนยิ้มหรือนั่งเก้าอี้ทรงโมเดิร์นอันแสนไม่สบายมาแต่เย็นยันค่ำแบบนี้แล้ว…คริสก็เข้าใจขึ้นมารำไรว่าทำไมทอมถึงแอบผละหนีออกมาจากงาน ชายหนุ่มผมทองวางศีรษะแปะลงกับพนักในท่าเดียวกับเพื่อนเป๊ะ…เพียงแต่เขาเป็นฝ่ายที่ผงกตัวกลับมานั่งตรงๆ ก่อน ห้องนี้คงเป็นทั้งห้องพักและห้องแต่งตัวให้นักแสดงก่อนออกไปโชว์ตัว…เพราะนอกจากโซฟาและบาร์เครื่องดื่มรับรองเล็กๆ แล้ว ก็ยังมีราวแขวนเสื้อผ้าเล็กๆ กับกระจกบานสูงตั้งอยู่ด้วย

 

 

 

 

และด้วยความที่โซฟานี้อยู่ตรงข้ามกับกระจกพอดี…ภาพที่คริสได้เห็นตอนนี้จึงเป็นตัวเขากับทอมที่นั่งเคียงกัน ดวงตาสีฟ้ามองภาพตนกับเพื่อนในสูทราคาแพงแสนแพง…ก่อนจะรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในใจอย่างประหลาดเมื่อตระหนักได้ว่าจากจุดเริ่มต้นอันเต็มไปด้วยการคาดคะเนและคำติติงนั้น พวกเขาได้ฝ่าฟันจนมายืนอยู่ในจุดที่ผู้คนทั้งโลกต่างก็เฝ้ารอดูการแสดงของทั้งคู่แล้ว

 

 

 

 

ในห้องมีเพียงเสียงเพลงท่วงทำนองอ่อนหวานสดใสที่ทางอาคารเปิดไว้…และคริสก็ไม่รู้จะพูดอะไร ความรู้สึกที่เกิดจากการตระหนักรู้นี้ทำให้เต็มตื้นจนหาคำใดมาอธิบายไม่ได้ หากความรู้สึกอยากจะพูดอะไรสักอย่างของเขาก็คงเป็นที่รับรู้ได้…เพราะทอมหยัดตัวขึ้นมานั่งตัวตรง สบตาเขาด้วยการมองผ่านกระจก

 

 

 

 

“ไม่น่าเชื่อเลยนะ…” รอยยิ้มนุ่มนวลนั้นดูเปล่งประกายด้วยแววตาในดวงตาสีเขียวสุกใสนั่น “…สี่ปีแล้ว”

 

 

 

 

“นั่นสิ…” เสียงทุ้มใหญ่พูดเบาๆ…ตอบรับยิ้มนั้นด้วยกริยาเดียวกัน “…สี่ปีแล้วล่ะ”

 

 

 

 

คำตอบไร้ความสร้างสรรค์นี้ทำให้ทอมหัวเราะออกมา ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ…ความรู้สึกในใจตอนนี้อ่อนโยนละมุนละไมยิ่งนัก “สำหรับฉัน…มันเป็นสี่ปีที่ดีนะ”

 

 

 

 

ประโยคนี้ดูเรียบง่ายเกินไปจนดูไม่ยุติธรรมกับความจริง…เพราะมันเป็นสี่ปีที่เต็มไปด้วยสีสันและความทรงจำ ทั้งเรื่องดีๆ ที่เหมือนกับแสงแดดอบอุ่นกับเรื่องเลวร้ายที่เหมือนกับเมฆครึ้มสีเทา…และตัวเขากับคริสที่อดทนไปด้วยกันจนพายุและสายฝนเหล่านั้นผ่านพ้นไป ทำให้วินาทีนี้…ทอมตระหนักได้ว่าเขารักสี่ปีที่ผ่านมาไม่ใช่แค่เพราะความสำเร็จในการฟันฝ่าทุกอุปสรรค แต่เป็นข้อเท็จจริงที่ว่าความสำเร็จนี้เป็นสิ่งที่เขาแบ่งปันมันกับคนข้างตัวต่างหาก

 

 

 

 

คริสฮึมฮัมตอบรับ ก่อนจะพูดขึ้น “ดีแล้วล่ะ…ที่เป็นนาย”

 

 

 

 

ทอมผละสายตาจากกระจกเพื่อหันมามองคนข้างตัวแบบตรงไปตรงมา…เขาไม่ได้เสียความรู้สึกแต่อย่างใด แค่สงสัยเท่านั้นว่าเจ้าของคำพูดหมายความว่าอะไร…แต่ชายหนุ่มผมทองก็ก้มหน้า สีหน้าครุ่นคิดนั้นทำให้ทอมหันกลับไปมองกระจกดังเดิม…รอให้คริสเรียบเรียงคำพูดตามสบาย

 

 

 

 

“ฉันหมายความว่า…ฉันดีใจนะที่เป็นนายที่ได้บทโลกิน่ะ” ในที่สุด…เสียงทุ้มใหญ่ก็เริ่มต้น ร่างกำยำนั่นหยัดตัวขึ้นมาพิงโซฟาเต็มๆ หลังอีกครั้ง…ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ผ่านภาพในกระจก “ฉันน่ะเอาจริงๆ แล้วไม่ได้คิดหรอกว่าจะสนิทอะไรกับเพื่อนร่วมงานมาก…แต่ก็ดูสิ ดูพวกเราตอนนี้สิ…ถ้าเป็นคนอื่น…ฉันก็คงไม่ได้สนิทกับเขามากเท่าที่เราเป็นตอนนี้หรอก…”

 

 

 

 

คริสเว้นช่วงเล็กน้อย คงเพราะรู้สึกว่าประโยคของตนชักสับสนเลยอยากเริ่มต้นใหม่…ชายหนุ่มเงียบไปสักพักราวกับคิดหาทางที่จะบรรยายสิ่งที่ตนต้องการจะบอกให้ได้ดีที่สุด ก่อนที่จะยิ้มออกมาตอนเลือกได้แล้ว…ดึงสายตาของทอมให้จับจ้องอย่างสนใจด้วยการยื่นมือออกไปเบื้องหน้า เงาในกระจกถูกคั่นกลางในภาพฝ่ามือใหญ่ๆ นั่น

 

 

 

 

“ถ้าเป็นคนอื่นมาเล่นบทโลกิ…ตอนนี้ในกระจกนี่ก็คงเป็นฉันกับใครคนนั้นถูกมั้ย…”

 

 

 

 

ตามทิศทางสายตาของทอม…เขายังคงเห็นเงาเป็นภาพเดิม แต่ในสายตาคริส…มือของเจ้าตัวคงบดบังภาพทอมไป ก่อนจะค่อยๆ ลดลง…วางแปะลงตรงพื้นที่ว่างระหว่างกันบนโซฟา

 

 

 

 

การขยับนั้นทำให้ทอมหันกลับมาตาม…ได้พบว่าวงหน้าหล่อคมคายนั้นเองกำลังส่งยิ้มรอให้เขาอยู่ รอยยิ้มอบอุ่นสดใส…ทำให้ในใจสว่างเรืองรองเหมือนแสงเทียนนับพัน

 

 

 

 

หากนั่นยังเทียบไม่ได้กับคำพูดจากปากของคริสเลยสักนิด

 

 

 

 

“…แต่ฉันดีใจมากสุดๆ เลยล่ะทอม…ที่ตอนนี้มันเป็นภาพของพวกเรา”

 

 

 

 

ประโยคนั้นแผ่วเบา…หากชัดเจนในบรรยากาศ ประทับตราตรึงในความรู้สึก…เป็นความอบอุ่นอ่อนโยนที่ทอมคิดว่าตลอดชีวิตนี้ก็คงไม่มีทางจะได้มันจากใครอื่นอีกแล้ว

 

 

 

 

เพราะมีแค่คริส เฮมสเวิร์ธคนเดียวเท่านั้น…ที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้…

 

 

 

 

“ง่า…พอจะเข้าใจฉันไหม?” ถึงจะแต่งตัวหล่อมากมายแค่ไหน…แต่สุดท้ายแล้วพ่อหมีใจดีก็ยังคงเป็นพ่อหมีใจดีอยู่อย่างเคย นั่นจึงทำให้ตอนนี้…รอยยิ้มนุ่มนวลชวนใจสั่นนั่นเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มอายๆ ปนขัดใจกับความสามารถในการสื่อสารของตัวเองแล้ว “คือฉันหมายความว่าฉันดีใจมากที่หนังมันออกมาดี…แล้วมันก็ดีเข้าไปอีกด้วยที่เป็นฉันกับนายแสดงด้วยกัน ไม่ใช่คนอื่นมาแทน…”

 

 

 

 

ท่าทางการทำมือยุบยิบประกอบการอธิบายทำให้ทอมขำอะฮิฮิฮิออกมาจนได้ เสียงหัวเราะนั่นทำให้คริสทำหน้าฮึ่มๆ ออกมาแต่หูแดงก่ำ

 

 

 

 

“ครับๆ…ผมขอโทษที่ใช้คำได้ไม่ซึ้งเหมือนมาจากละครเชคสเปียร์นะครับมิสเตอร์ฮิดเดิลสตัน” หน้าหล่อๆ นั่นเมินไปทางอื่น ส่ายหัวเชอะๆ ใส่เมื่อทอมพยายามเอามือเขย่าๆ ไหล่เพื่อง้อ “ไม่ต้องๆ…หัวเราะต่อสิ นั่นยังไม่พอเลยนี่…ขำฉันอีกเยอะๆ สิ”

 

 

 

 

“คริส…” ทอมแกล้งลากเสียง ก่อนจะหันไปที่โต๊ะเล็กอีกด้านที่วางแก้วทรงสูงกับขวดแชมเปญเย็นเฉียบในถังน้ำแข็งเอาไว้…จัดแจงเทเครื่องดื่มสีทองใสใส่แก้วแล้วยื่นๆ มันเข้าไปหาอีกฝ่าย “คริส…เลิกงอนน่า ฉันมีนี่มาให้เลยนะ…หม่ำๆ แล้วหายโกรธน่านะ…นะนะนะ…?”

 

 

 

 

คริสไม่เคยเป็นคนโมโหกับสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจแล้วก็รู้ดีด้วยว่าทอมไม่ได้หัวเราะเขาหรอก…และภาพเพื่อนที่ทำหน้าหงอยๆ แต่ซ่อนยิ้มกริ่มไว้ในหน้าแถมยังกล้ามาทำเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนคุยกับเด็กสี่ขวบแบบนี้มันก็น่ารักน่าหมั่นเขี้ยวเกินจะโกรธได้ลงด้วย จึงหัวเราะพร้อมส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ…รับแก้วเครื่องดื่มมาโดยดี

 

 

 

 

“อืม…” แชมเปญนี่รสชาติดีเกินกว่าจะเป็นของฟรี…แต่มาคิดดูแล้ว ความหรูหราของสถานที่ก็ทำให้ไม่น่าคิดมากเลย หากคริสก็อดถามไม่ได้อยู่ดี “นี่เขาแจกเหรอเนี่ย? มีอีกมั้ยน่ะ…แอบเอากลับกันเหอะ…”

 

 

 

 

ทอมหัวเราะพรืดกับมุกตลกนั่น จิบเครื่องดื่มอีกอึกก่อนส่ายหน้า “ไม่ๆ…นี่ฉันแอบเอาออกมาจากปาร์ตี้เอง กะว่าพวกเราน่าจะมีดื่มฉลองกันเองบ้างน่ะ…”

 

 

 

 

“จริงด้วยแฮะ…” คริสเพิ่งคิดได้เอาตอนนี้เองว่านี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่งานพรีเมียร์ครั้งนี้เริ่มมาเลยที่เขาเพิ่งได้โอกาสมีเวลาแบบเป็นส่วนตัวกับทอม เพราะทั้งช่วงเย็นจนถึงก่อนหน้าจะเข้ามาในห้องรับรองนี้…ทั้งคู่ได้แค่ยืนยิ้มข้างๆ กันกับทักทายผู้คนมากหน้าหลายตาเท่านั้นเอง

 

 

 

 

ชายหนุ่มจึงหัวเราะหึหึพลางถองเพื่อนเบาๆ “…เรื่องเมาๆ นี่รอบคอบเชียวนะ”

 

 

 

 

ทอมหัวเราะออกมาดังๆ แล้วปัดแขนคริสให้ออกไปห่างๆ…ก่อนที่ความเงียบจะทิ้งตัวกลับมาอีกครั้ง มันเป็นความเงียบที่ทั้งสองไม่อยากทำลายด้วยรู้ว่าทุกคำที่อยากพูดนั้นเป็นที่เข้าใจของกันและกันแล้วแม้จะไม่ได้เอ่ยออกมา…ความเงียบนี้เติมเต็มและลงตัว ทำให้คริสกับทอมแค่อยากจะค่อยๆ ดื่มด่ำไปกับมันเรื่อยๆ พร้อมๆ กับละเลียดจิบแชมเปญรสเยี่ยมในแก้วมากกว่า

 

 

 

 

เมื่อถึงแก้วที่สี่…คริสก็ชูแก้วทรงสูงในมือขึ้นให้สะท้อนแสงไฟชัดๆ แทนจิบต่อ เครื่องดื่มสีทองผสานรวมกับแสงไฟสีส้มนวลจนกลายเป็นสีอำพัน…ฟองอากาศเต้นระริก ส่งเสียงฟูฟ่องแผ่วเบาถ้าตั้งใจฟังดีๆ ตอนที่ลอยมาจนถึงขอบแก้ว ทอมเองก็หยุดจิบเครื่องดื่มแล้ว…แก้วทรงสูงยังคงถูกถือค้างไว้ในมือก็จริง แต่ตอนนี้แขนยาวๆ สองข้างนั่นพาดไปตามแนวพนักโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ ศีรษะหงายเงย…แตะพิงไว้กับผนังห้อง ขยับนิดๆ ไปตามจังหวะเพลง…ท่าทางแผนกดูแลอาคารจะทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่ส่วนจัดปาร์ตี้ เพราะเพลงทำนองสดใสพร้อมเสียงนักร้องหญิงกับชายเพลงนี้ถูกเปิดซ้ำไปซ้ำมามาตั้งแต่แรกแล้ว หากเสียงหวานมีเสน่ห์ระคนเสียงทุ้มจับใจนั้นก็ช่างลงตัวกับบรรยากาศนักจนไม่มีใครคิดบ่น

 

 

 

 

คริสไม่รู้จักเพลงนี้…แต่ทอมผู้ติดดนตรีรองลงมาจากผลงานเชคสเปียร์กำลังงึมงำเนื้อร้องตามอยู่ ไม่ถูกเป๊ะกับทุกท่อน…แต่ก็บอกให้รู้ว่าท่าทางเจ้าตัวจะเคยฟังมันมาก่อนหน้านี้แล้ว

 

 

 

 

“นี่เพลงอะไรเนี่ย…”

 

 

 

 

คำเปรยหยั่งเชิงของคริสได้ผลชะงัดเมื่อทอมพูดขึ้นทันที “Dress and Tie ของชาร์ลีน เคย์กับดาร์เรน คริสส์…เก่าใช้ได้แล้วนะ นายไม่เคยฟังเหรอ?”

 

 

 

 

“ไม่ล่ะ…ไม่ค่อยใช่แนวฉัน” คริสส่ายหน้า แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันก็เพราะดีไม่น้อย แถมเข้ากับสถานที่ดีด้วย

 

 

every night I walked the streets
never dreaming what could happen
sad and so lonely
I saw in the mirror my reflection
staring back at me
I thought, will I ever find what I need?

 

 

เพลงเริ่มต้นใหม่พอดี…แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนักในการจะเข้าสู่ท่อนหลัง

 

 

but I’ll wear that dress if you wear the tie

and baby we’ll dance through the night

‘cause no one’s got what we’ve got going…

คริสไม่ได้ตั้งใจฟังต่อเพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือคนข้างตัว…และภาพทอมที่หลับตาอมยิ้มนิดๆ พร้อมขยับตัวนิดๆ ไปตามจังหวะเพลงก็เป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกสบายๆ ปนเอ็นดูดีเสียจริง ท่าทางคนโดนแอบจ้องอยู่จะไม่รู้ตัวเลยสักนิด…เพราะมีสีหน้าตื่นๆ ตอนที่เขารั้งมือของเจ้าตัวให้นั่งตัวตรงขึ้นมา

 

 

 

 

“เลิกนั่งยุกๆ ยิกๆ ซะทีเถอะ…” คริสมั่นใจว่ามันต้องมีแรงผลักดันของแอลกอฮอล์ด้วยแน่ๆ ที่ทำให้เขากล้าพูดประโยคนี้ออกมา “…ลุกขึ้นมาเต้นกันดีๆ เลยดีกว่า”

 

 

 

 

ทอมดูงงๆ ก่อนจะเริ่มหัวเราะ…เสียงหัวเราะร่วนนั้นเข้ากับตาสีเขียวที่พริบพราว บอกให้รู้ว่าแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดเจ้าตัวก็คงกำลังออกฤทธิ์ได้ระดับเลย…และนั่นก็คงเป็นสาเหตุให้ทอมยืนขึ้นแทนการพูดว่าตกลงแบบไม่เกี่ยงงอนอะไรเลยสักนิด

 

 

 

 

ต้องขอบคุณความสูงที่ไล่เลี่ยกันเลยไม่มีการก้าวพลาดใดๆ เกิดขึ้นให้ใครต้องโดนเหยียบเท้า แต่ด้วยหลังจากผ่านไปได้สักพัก…คริสก็จับทางได้ว่าทอมมักจะเคลื่อนไหวไปเร็วกว่าทำนองเพลงนิดหน่อย(เขาเดาว่านี่ต้องเป็นนิสัยขาแดนซ์ตัวยงที่ติดตัวมาของอีกฝ่ายแน่ๆ) เขาจึงถือวิสาสะแตะมือของตนไว้ตรงเอวเจ้าตัว…ควบคุมจังหวะหรือการก้าวไถลไปใดๆ ที่จะพึงเกิดขึ้น ซึ่งทอมก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร…ดูจะพออกพอใจเสียด้วยซ้ำที่ตัวเองมีหลักประกันว่าจะไม่ล้มแน่ๆ แถมยังยกมือข้างที่ไม่ได้จับกับคริสไว้มาแตะบนบ่าอีกฝ่าย

 

 

 

 

ด้วยจังหวะเพลงที่ตอนนี้เลยท่อนหลักมาแล้ว…พวกเขาทั้งสองจึงได้แค่ขยับตัววนๆ เรื่อยเรียบไปตามทำนอง ในความเงียบหลังจากการหัวเราะขำการเคลื่อนไหวงุ่มง่ามของกันและกันไปแล้วนี่เองที่ทั้งสองได้ตั้งใจฟังเนื้อร้อง…คิดตรงกันอย่างไม่รู้ตัวว่ามันช่างตรงกับความจริงเหลือเกิน

 

 

oh my heart’s been tried
time and again
always thought that it was me but
I see now just how wrong I was
no, I haven’t known you for a lifetime
but somehow I’ve never been more sure that you’re for me

 

 

ทอมเงยหน้าขึ้นมอง…สบสายตากับสีฟ้าที่ตอนนี้เปล่งประกายยิ่งกว่าดวงดาวดวงใด และสำหรับคริสแล้ว…สีเขียวที่เขาได้จ้องมองอยู่ตอนนี้นั้นพริบพราวสดใสยิ่งกว่าแสงไฟที่สะท้อนกับแชมเปญในแก้วเสียอีก ความหวานไหวซ่านในใจ…เพิ่มมากขึ้นด้วยสัมผัสจากมือของกันและกันที่เกี่ยวกุมแน่นขึ้นอีกนิด

 

 

 

 

ลมหายใจติดขัด สิ่งที่อยากพูดพลันก่อตัวขึ้นมาเต็มหัวใจ

 
baby please…
don’t leave, just come and dance with me tonight…

 

แต่ก่อนที่จะมีใครได้เอ่ยอะไร…ดนตรีสดชื่นของท่อนหลักก็ดังขึ้น คริสยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะ พูดขึ้น

 

 

 

 

“เฮ้ทอม…เปลี่ยนกันหน่อยซิ…” มือใหญ่ที่ประคองเอวอีกฝ่ายไว้ผละออก “ฉันอยากหมุนตัวมั่ง…แบบในพวกหนังลีลาศน่ะ”

 

 

 

 

ทอมหัวเราะก้ากใหญ่กับความคิดพิเรนท์ๆ แต่น่ารักชะมัดนี้…ยอมเปลี่ยนมาโอบเอวของอีกฝ่ายแทนบ้าง ร่างสูงใหญ่ของคริสหมุนตัวในวงแขนของเขาได้ดีมากแล้วในมาตรฐานของคนที่ดื่มแอลกอฮอล์หลากชนิดมาค่อนคืนแล้ว…ก่อนที่พ่อหมีจะยิ้มร่า พูดโอ่ๆ

 

 

 

 

“เป็นไงล่ะ? คิดว่านายคนเดียวรึไงที่เต้นเก่งน่ะ?”

 

 

 

 

นั่นไม่ต่างอะไรจากการประกาศสงครามเลยในสายตาทอม…หนุ่มอังกฤษยืดตัวขึ้น เปลี่ยนมือขึ้นมาเป็นวางป้าบลงตรงบ่าอีกฝ่ายแล้วก็แทบจะลากจับมือใหญ่ๆ นั่นให้ลงมาแตะเอวตน พูดเสียงหมายมั่น “เดี๋ยวนายก็รู้…”

 

 

 

 

ซึ่งคริสก็ได้รู้จริงๆ ในอีกวินาทีถัดมา…ร่างสูงโปร่งที่เขาโอบไว้นั้นหมุนตัวออกไปจากอ้อมกอดจนสุดแขนแล้วหมุนตัวกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง ทุกจังหวะเคลื่อนไหวนุ่มนวลรวดเร็ว…ทอมแค่เซเล็กๆ เท่านั้นตอนกลับมายืนนิ่งๆ และอ้อมกอดของคริสก็ช่วยประคองไว้ได้อย่างไม่ลำบากอะไร

 

 

 

 

ซึ่งถึงจะดูผวาเล็กๆ ว่าตัวเองจะล้มจนเปลี่ยนมาคล้องแขนรอบคอคนตรงหน้าไว้แน่น…แต่สุดท้ายสีหน้าตื่นๆ ของทอม ฮิดเดิลสตันก็แปรเปลี่ยนมาเป็นยิ้มกว้างเหมือนเด็กซนอยู่ดีพอยืนได้มั่นคง พูดเสียงอวดๆ

 

 

 

 

“เป็นไงล่ะ? หมุนได้ระดับนี้ค่อยมาพูดกับฉันนะน้องชาย”

 

 

 

 

คริสหัวเราะเยาะแบบไม่จริงจัง…เพิ่งจำได้ว่าจริงๆ แล้วนั้นเป็นทอมต่างหากที่อายุมากกว่า ผู้คนต่างก็ติดภาพจากภาพยนตร์และรูปลักษณ์ของพวกเขาไปแล้วว่าคริสคือฝ่ายที่เป็นพี่…ซึ่งชายหนุ่มผมทองเองก็ต้องยอมรับว่าหลังๆ มานี้เขาเองก็ชอบลืมไปแล้วมองว่าตนต้องเป็นฝ่ายที่ต้องคอยดูแลทอมผู้แสนจะชอบตื่นเต้นและทำตัวหนุงหนิงเหมือนเด็กๆ มากกว่าจะเป็นในทางตรงกันข้ามอย่างที่ควรเป็นตามความจริง

 

 

happiness never held on to me
until you had me see
that together we’re just better off…

 

 

ประโยคสุดท้ายของท่อนหลักคลอมาในบรรยากาศ…ถ้อยคำที่ตรงใจนั้นสะกดให้เสียงหัวเราะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มนุ่มนวลอีกครั้ง หัวใจเต้นแรง…หวานไหวสั่นระริกด้วยการตระหนักรู้ถึงสัมผัสที่ต่างกำลังมีให้กัน…แขนของทอมคล้องอยู่รอบคอของคริส และท่อนแขนของคริสก็โอบอยู่รอบเอวของทอม ไม่มีใครขยับตัวอีกแล้วแม้ว่าเพลงจะยังคงบรรเลง

 

 

don’t be cruel to me
oh, I’ve wanted more
and I’ve been wrong before…

 

“มีอะไรเหรอ…?” คริสพยายามบอกตัวเองว่าหัวใจที่เต้นผิดจังหวะและความคิดต้องการพิลึกๆ ในหัวของตนตอนนี้นั้นเป็นแค่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หาทางไล่บรรยากาศแปลกๆ นี้ไปด้วยการพูดล้อเลียน…คำล้อเล่นที่เสี้ยวเล็กๆ ในใจก็กลับอยากให้ได้รับคำตอบจริงจังนัก “มองหน้าฉันซะขนาดนี้…นี่อย่าบอกนะว่านายคิดจะจูบฉันอยู่น่ะ?”

 

 

 

 

“อะ อะไรเนี่ย…” ทอมรวบรวมความคิดให้ตัวเองหัวเราะออกมา…แม้ว่ามันจะเป็นเสียงหัวเราะที่ตะกุกตะกักชอบกลก็ตามที คำถามทีเล่นทีจริงแบบนี้…ในวินาทีที่เขากับคริสอยู่ใกล้กันขนาดนี้…ดูจะทำให้หัวใจเต้นแรงแบบควบคุมไม่ได้เลย ด้วยเพราะลึกๆ แล้ว…เขาทนไม่ได้ที่จะต้องตอบคำที่ไม่ใช่ความจริงออกไปแม้ว่าจะรู้ว่าการพูดความจริงในจุดนี้คือสิ่งสุดท้ายที่ควรทำ “…ฉันจะอยากจูบนายไปทำไมล่ะหา?”

 

 

so much learning to lose
but you’re not a day too soon…

 
“ฉะ ฉัน…เอ่อ…ง่า…ก็แค่ล้อเล่นน่า…” คริสพูดไม่ปะติดปะต่อ พยายามบอกตัวเองให้โกหกให้แนบเนียน “…ฉันไม่ได้อยากจูบนายจริงๆ ซะหน่อย”

 

 

 

 

“ก็ ก็…ก็เหมือนกันล่ะน่า…” ทอมพยายามทำเสียงให้สบายๆ “ฉันก็ไม่ได้อยากจูบนายหรอก…”

 

 

so say you feel the same and
we’ll never be lonely anymore

 

 

“ไม่เลย” คริสส่ายหน้า…ส่งผลให้ศีรษะของเจ้าตัวก้มลงมานิดหน่อย

 

 

 

 

“ไม่เลย” ทอมส่ายหน้า…ช้อนตาขึ้นเพื่อจะสบกับอีกฝ่ายตามนิสัย ส่งผลให้วงหน้าเงยขึ้นเล็กน้อย

 

 

 

 

การขยับอันไม่ตั้งใจเล็กน้อยของทั้งสองฝ่ายนี้ส่งผลให้ปลายจมูกของทั้งคู่แตะกัน ตระหนักได้ว่าพวกตนอยู่ใกล้แสนใกล้แค่ไหน

 

 

 

 

ไม่มีใครบอกได้ทั้งนั้นว่าอะไรเป็นฝ่ายที่เคลื่อนไหวได้ไวกว่าในวินาทีถัดมา…แขนของคริสที่โอบรั้งให้ร่างในอ้อมแขนเข้ามาชิดหรือมือของทอมที่ประคองวงหน้าของอีกฝ่ายให้ใกล้มากพอ…แต่สิ่งที่คริสและทอมบอกได้แน่ๆ นั่นก็คือพวกเขาทั้งสองฝ่ายนั้นต่างก็โกหกกันและกันอย่างร้ายกาจที่สุด เพราะประโยคที่ยืนยันเป็นมั่นเหมาะนั้นถูกการกระทำขัดแย้งจนหมดสิ้น…จูบแรกที่มีให้กันนั้นร้อนรุ่ม เร่งรีบด้วยความโหยหาและหวาดเกรงว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจแล้วถอยหนี…ก่อนที่หัวใจที่เต้นระรัวจนทำให้หัวหมุนนั้นจะค่อยๆ สงบลง แปรเปลี่ยนเป็นจูบที่สองอันหวานไหว เนิบนุ่มอ่อนโยน…เพราะต่างก็รู้ดีแล้วว่าความรู้สึกที่มีในใจนั้นตรงกัน

 

 

 

 

จูบนี้ทิ้งรสหวานซ่านของแชมเปญไว้บนปลายลิ้น…แล้วในนาทีนั้น ทอมก็พบว่าระบบความคิดของตนดูจะพร่างพรายเหมือนเหล่าฟองอากาศในเครื่องดื่มสีทองใสนั่น…ได้แต่กอดคริสเอาไว้ ก่อนที่ความรู้สึกพองฟูในหัวใจจะค่อยๆ หม่นลงด้วยการตระหนักถึงความจริง

 

 

 

 

“ฉัน…นาย…เอ่อ…” ไม่ใช่ทุกครั้งที่ทอม ฮิดเดิลสตันผู้มีศัพท์ยากๆ รอให้ใช้อยู่เต็มสมองจะอับจนด้วยคำพูดแบบนี้ “หลังจากนี้…พอหนังชุดนี้จบ…พวกเราจะเป็นไงกันต่อไปเหรอคริส…?”

 

 

 

 

ชายหนุ่มเพิ่งมาคิดได้เอาเมื่อสายว่านี่ไม่ใช่ประโยคที่ควรพูดหลังจากเพิ่งได้จูบกับคนที่ตนอยากจูบมาตลอดไปเลยสักนิด…ยิ่งอยากเตะตัวเองเมื่อเห็นคริสถอนหายใจยาวๆ ราวอ่อนล้า จึงรีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

“คือ…นายก็รู้นี่นาว่ามันเป็นไง…” ทอมยิ้มเศร้าๆ กับเรื่องธรรมดาของความสัมพันธ์ในวงการภาพยนตร์ “เราอาจอยู่ด้วยกัน…สนิทกัน…ได้เจอกันทุกวันตลอด…แต่พอหนังเซ็ตนี้จบ ทุกอย่างนั่นก็อาจจบตามไปด้วย…”

 

 

 

 

คราวนี้เป็นคริสแล้วที่นิ่งฟัง…แม้ในใจจะไม่ชอบทิศทางของบทสนทนาและสีหน้าเศร้าสร้อยแต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้มแบบนี้ของทอมเลยสักนิดก็ตาม

 

 

 

 

“ฉันเข้าใจนะว่ามันเกิดขึ้นได้ และมันก็เคยเกิดขึ้นกับฉันแล้วด้วยล่ะ เยอะแยะไปด้วยซ้ำ…คุยถูกคอในกองถ่าย แล้วสุดท้ายก็ต้องมาลบเบอร์โทรออกไปเพราะไม่ได้ใช้แล้วหลังถ่ายหนังเสร็จ…” คนพูดเม้มริมฝีปาก เริ่มต้นประโยคหลังอย่างแผ่วเบา “แต่นาย…คริส…”

 

 

 

 

ทอมพิงศีรษะเข้ากับบ่ากว้างๆ นั่น…ก่อนจะพบว่าความอบอุ่นนี้ทำให้สบายใจขึ้นมาอย่างประหลาด

 

 

 

 

“ฉันไม่อยากให้นายเป็นคนที่ฉันรู้สึกดีๆ ด้วย…แล้วสุดท้ายฉันก็ต้องลบเบอร์นายออกไปตอนสองเดือนหลังถ่ายหนังจบเพราะเราไม่ได้รู้สึกต่อกันเท่าเดิมอีกแล้ว…” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบ “ฉันมีความสุขมากจริงๆ ตอนอยู่กับนาย…ทุกอย่างมันดีขึ้นไปหมด…ฉันเข้าใจว่ามันอาจเกิดขึ้นได้ แต่ฉันไม่อยากเสียนายไปเลย…”

 

 

 

 

ทอมเพิ่งมาคิดได้เมื่อสายอีกแล้วว่าตนกำลังพูดงอแงเอาแต่ใจเหมือนเด็กไม่รู้จักโต…และก็ยิ่งใจแป้วเมื่อคิดว่าคริสเองก็คงรู้สึกแบบนั้นเมื่ออีกฝ่ายหยุดประโยคของเขาด้วยการเรียกชื่อ

 

 

 

 

“ทอม…ทอม…” พูดซ้ำๆ ด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน…และทอมก็พบว่าเขาเกลียดความคิดที่ว่าต่อไปอาจไม่มีเสียงนี้คอยเรียกตนอีกแล้วมากเหลือเกิน “ทอม…นายพูดอะไรของนายเนี่ย?”

 

 

 

 

ศักดิ์ศรีความเป็นผู้ชายโตๆ แล้วและก็น่าจะเป็นฝ่ายปลอบประโลมอย่างใจเย็นมากกว่าจะมาโดนปลอบตามมาตรฐานอายุทำให้ทอมไม่คิดจะโต้แย้งอะไร แค่ยืนเงียบๆ…ซุกหน้าเข้าหาบ่าอีกฝ่ายต่อไป พยายามหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องเกินทนไหวเลยถ้าสักวันความรู้สึกดีๆ ที่คริสมีให้ตนจะจืดจางไป

 

 

 

 

“นาย…” ชายหนุ่มผมทองเกริ่น “นายคิดว่าหลังจากจบสัญญากับมาร์เวลแล้วฉันจะเลิกติดต่อกับนายเหรอ?”

 

 

 

 

ต้องขอยอมรับว่านี่เป็นประโยคการบอกกลายๆ ให้เลิกหวังที่แปลกประหลาดที่สุดที่ทอมเคยได้ยินมาตลอดชีวิตเลยทีเดียว…ส่งผลได้เขาได้แต่เงยหน้าขึ้น สบตากับคริสอย่างงงๆ…ความสับสนที่ทำให้คริสหัวเราะล้าๆ ออกมาราวกับไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนในอ้อมแขนของตนดี

 

 

 

 

“ให้ตายเถอะ…นายคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย??” ชายหนุ่มผมทองส่ายหน้า ถอนหายใจแม้จะยังอมยิ้มอยู่ “ที่ฉันยืนยันไปเมื่อกี้นี่ไม่ได้จำเลยเหรอ? ฉันว่ามันออกจะชัดแล้วก็เป็นทางการจะตายนะ…”

 

 

 

 

และต่อให้นี่เป็นการตอบที่แขวนชีวิตทั้งชีวิตของเขาไว้อยู่…ทอมก็สามารถคิดคำพูดออกไปได้แค่คำเดียว “หา?”

 

 

 

 

“ไม่เป็นไร” คริสยิ้มแบบหมีเจ้าเล่ห์ “…อีกทีก็ได้”

 

 

 

 

มือใหญ่ๆ ข้างหนึ่งละจากเอวของงเขาเพื่อมาเชยคาง…ริมฝีปากอุ่นๆ ประทับจูบลงมาอีกครั้ง ทอมอึกอักชั่วครู่…ก่อนที่ทุกอย่างจะปะติดปะต่อได้ในหัว นั่นจึงทำให้เขาเอนตัวเข้าหา…จูบคริสตอบด้วยหัวใจที่พองโต

 

 

 

 

“ฉันคิดว่าต่อให้ไม่ได้มีหนังด้วยกันแล้ว…” คริสกระซิบหลังจากที่ไล่ประทับจูบมาจนถึงข้างหู “…ฉันก็คงยังจะติดต่อ…มาเจอ…หรือพาแฟนฉันมาค้างบ้านนะ”

 

 

 

 

ทอมหัวเราะออกมา…เข้าใจแล้วว่านี่เองคือเรื่องที่อีกฝ่ายบอกมาว่าเจ้าตัวได้ ‘ยืนยันไปเมื่อกี้’

 

 

 

 

เสียงหัวเราะสบายใจนั้นสดใสเหมือนฟองแชมเปญ…และก็ทำให้คริสยิ้มตามอย่างห้ามไม่ได้ กอดทอมเอาไว้…ก่อนที่ยิ้มนั้นจะเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะบ้างเมื่อท่อนหลักของเพลงดังขึ้นอีกครั้งแล้วคนในอ้อมแขนเสนอด้วยแววตาแพรวพราว

 

 

 

 

“ถ้านายกล้ายอมรับมาได้ซะทีน่ะนะว่าใครคือคนที่เต้นเก่งกว่า…ฉันจะยอมสอนนายหมุนแบบเมื่อกี้ก็ได้นะ” ความเอื้อเฟื้อจากขาแดนซ์ผู้ไม่ยอมให้ใครแย่งบัลลังก์คนนี้ดูจริงใจใสซื่อแบบน่าหยิกแก้มที่สุด “แต่นายต้องยอมรับออกมาดังๆ ก่อน…โอเคมั้ย?”

 

 

 

 

ไม่มีคำตอบเพราะพ่อหมีตัดสินใจว่าเปลี่ยนจากหยิกเป็นหอมแก้มท่าจะดีกว่า…บทเพลงจึงยังแว่วหวาน บรรเลงปะปนไปกับเสียงหัวเราะของชายหนุ่มทั้งสองคน

 

 

but I’ll wear that dress if you wear the tie
and baby we’ll dance through the night
‘cause no one’s got what we’ve got going
happiness never held on to me
until you had me see
that together we’re just better off

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

fin.

 

***************************************

 

notes:

 

48 48 4848 48

 

 

แฮร่ สวัสดีค่ะ

 

 

บอกตามตรงว่าทิพย์ไม่ได้ชอบตามงานพรีเมียร์อะไรยังงี้เลยค่ะ จะดูสดหรือย้อนหลังก็ไม่ได้ตาม ต่อให้เป็นหนังที่กรี๊ดแค่ไหนก็ตามอ่ะนะ แต่ตอนพรีเมียร์ธอร์สองที่ลอนดอนเนี่ย ไปหารูปแบบจริงจังมากๆก็เพราะคริสในสูทดอลเช่ตัวนี้เลยล่ะค่ะฟฟฟฟฟ หล่อมาก ทำลายล้างมาก ปกติไม่เคยเห็นเขาใส่สูทสามชิ้นยังงี้เลย แต่นี่ก็จัดมา…แถมเป็นสีเรดชาร์โคลด้วย เกร๋ไกร๋ฝุดๆฟฟฟฟฟ โอ้ย บรรยายได้สามวันค่ะแงงงงง

 

 

แล้วก็งานพรีเมียร์เนี่ย มันเป็นคลังแสงโมเม้นโบรมานซ์ของฮิดเดิ้ลซาเหวิดดดดดด ❤ ชิปนี้ไม่ได้ต้องการรูปแมนนิปเลยค่ะ เพราะตัวจริงเขานิปมาให้เราแล้วฟฟฟฟฟฟ ทิพย์คิดว่าตัวเองก๊าวรูปช็อปน้อยกว่าอีก เพราะช็อปยังไงก็ไม่ฟินเท่าตัวจริง ฟฟฟฟฟฟฟ งานลอนดอนครั้งนี้ก็ยังก๊าวกรุ๊บกริ๊บเช่นเคย แถมบวกอิสูทเรดชาร์โคลนี่มาอีก ทิพย์เลยอยากเขียนฟิคมากๆๆๆๆค่ะ แล้วก็ได้ฟังเพลง dress and tie …ไอเดียเลยระเบิดคืนนั้นเลยค่ะ มันเป๊ะมากจริงๆ ทั้งเนื้อเพลงทั้งทำนอง ก็เลยคิดไว้ตั้งแต่ตอนนั้น เพิ่งมาจบเอาวันนี้ ก้ากกกก

 

 

ปกติก็จะมีเพลงธีมที่ไว้ฟังเรียกฟีลลิ่งของแต่ละฟิคนะคะ แต่ไม่ได้เอามาประกอบจริงจังแบบเรื่องนี้ ถ้าแปลกๆตรงไหนก็ขอโทษค่ะ…ทิพย์ไม่ได้เขียน song fic มานานแล้วค่ะ ฟฟฟฟฟ

 

 

ตอนนี้มีพล็อตคริสทอมเยอะมากค่ะ แต่กำลังอยู่ในช่วงอยากสะสางไหเก่าๆด้วยฟฟฟฟ รอดูต่อไปว่าจะแพล่มอะไรมาอีกนะคะ

 

 

 

 

 

 

ทิพย์เองค่ะ

 

ป.ล. ขอบคุณทุกคนที่ฟอล wordpress และทวิตเตอร์มานะคะ ;/////

 

 

28 responses to “[Hiddlesworth Fic] Everlasting

  1. ฟิคคุณทิพย์มัน… ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ //ละลายกลายเป็นฟองแชมเปญเปาะแปะ
    ซึ้งๆ แบบ ชอบมากค่า T_T //คารวะ

    Like

  2. แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยย อบอุ่นและน่าร๊ากกกกกกกกก
    ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    Like

  3. พี่ยยยยยยยยยยยยย ทิพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพย์ คะะะะะะะะะะะะะะะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    หนูเมาแชมเปญแล้ว เอื้ออออ /ซดฮวบๆ @ w @

    หนูเห็นแสงไฟวิบวับพราวๆ ทุกอย่างเป็นสีทองแล้วก็ดูมัวๆ แล้วก็มีเพลง แล้วก็ หาฟสวาดหวสาดวหสาฟ /สติหนูหายค่ะ

    ฮืออออออออออออ แอลกอฮอล์ส่งผลน่าพอใจมาก ยังกะน้ำยานำโชคสีทองวิบวับเลยค่ะะะ นี่มันเจ้าชายเจ้าหญิงดิสนี่ยยยยย์ แชมเปญ เต้นรำ หัวเราะ จูบ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    /เม้นสั้นเพราะหนูไม่สามาถรวมสติได้ฟฟฟฟฟฟฟฟ ฟังแต่เสียงกรีดร้องไปก่อนนะคะ

    Like

  4. เย่ห์หหหหหหหหหหหหห ดีใจตามอ่านงานคุณทิพย์ทันซ้ากกกกกกกที เปิดมาเจอเวยยยยย ฮี่ฮี่ เนื้อเต้นเลยแห่ะ ตอนเห็นวันที่ลงอัพฟิก ชอบอ่ะ ดูเป็นทอม กับ คริสดี กุ๊กกิ๊ก คริครุกันอยู่ 2คน เหมือนมีบทสนทนาที่ต้อง 2 คนนี้เท่านั้นถึงจะคุยกันรู้เรื่อง เอ๊ะ ฉันเวิ่นอารายยยย

    Like

  5. /ตายแปป
    บรรยายไม่ถูกค่ะ มันน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกถถถถถถถถถถถถถถถถถ
    น่ารักมากกก แงงงงง
    งานพรีเมียร์พี่ทอมดูลั่นล้ามากเถอะ ๕๕๕๕
    งานพรีเมียร์ธอร์แต่ละครั้งมันฟินมากจริงๆค่ะ
    ชิปเองเซอร์วิสหมด บ้าเจรวงงง /เขินมาก

    #เพื่อสังเกตว่าภาษาตัวเองอ่านไม่รู้เรื่องเลย เม้นอะไรไป ๕๕๕๕

    Like

  6. พี่ที๊พพพพพพพพย์ฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟกกดหฟกกหฟกฟดักดฟหฟกฟหหกฟกดฟหกดฟหกดฟหกด /กรี๊ดใส่รัวๆ

    โอ้ยยยยคือมันน่ารักน่าขย้ำมากกกกกแงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงพี่ทิพย์ร้ายกาจจจจจจฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
    พี่ทอมกับพ่อหมีน่าร้ากกกกกกกกกกแงนี่แอบมโนตอนที่พี่ทอมขโมยแชมเปญออกมาเพราะกะจะดื่มกับพี่คริสสองคนกระหนุงกระหนิงมุมิครุคริกันฟฟฟฟฟฟฟฟ ไหนจะการเต้นรำนั่นอีกกกกกกกกพี่ทิพย์บร้าที่สุดดดดด

    /สครีมจนตัวละลายเป็นฟองแชมเปญแล้วสลายปัยสสสสส์

    Like

  7. น่ารักน่าหยิกกันจริงเชียว อ่านแล้วยิ้มหน้าบานหน้าจอคอมกันเลย

    Like

  8. โอยยยยย สองคนนี้มุ้งมิ้งงุ้งงิ้งกันมากเลยค่ะฟฟฟฟฟ แบบ… หงิงง่ะ บรรยากาศก็แบบลอยๆเบาๆ หงิงงงงงงงงงงง ;///////////////; /อะไรของมันฟะ…….

    ปูลู. แอบกรี๊ดเพลงที่พี่ทิพย์ฟังค่ะฟฟฟฟ พอดีเป็นติ่งดาร์เรนอยู่แล้ว ฮาาาา /////

    Like

    • ก็สองคนนี้เขามุ้งมิ้งงงงง เคมีเขาฟูฟ่องงงงง
      แล้วเพลงนี้โฮรวววววววววววววฟหกดฟหกดฟหกด พี่ชอบเสียงแบบดาร์เรนจัง

      Like

  9. กรี๊ดข่า พี่ทิพยยยย์ แงงง แบบอ่านแล้วเขิน ฮืออออออ คือมันน่ารักจนอ่านแล้วเขินแทนเลยล่ะค่ะ;/////;

    แบบน่ารักเกินไปแล้ว แง คือฉากตอนดื่มแชมเปญด้วยกันนี่แบบ ฟฟฟฟฟ ฉากตอนพี่ทอมง้อพี่หมีคริสอีก โอ้ย คือตายข่า แง แต่ดาเมจแรงสุดคือตอนฉากเต้นรำคืออ่านแล้วเขินหน้าแดงตาม แง ตาย

    งานพรีที่ลอนกอนคือพี่ทอมดูลัลล้ามากข่า คือน่ารัก ส่วนพี่หมีคริสแบบตอนเห็นรูปที่ออกมาครั้งแรกแทบจะเป็นลมตาย คือหล่อมากพลังทำลายล้างร้ายกาจเกินไปแล้ว /ตายแปป

    #เขินจังมาติ่งแตกใส่บล็อคพี่ทิพย์ #หนีไปสโตรกพี่ต่อในทวิต #ไม่

    Like

    • คริสทอมไปไหนด้วยกันก็ชอบมุ้งมิ้งด้วยกันตลอดเลยค่ะโฮรววววว
      พี่ทนไม่ไหวกับคู่นี้จริงๆ มันต้องระเบิดฟิคคคคคค
      แล้ว…โฮรวววว อย่าเขินไปค่ะติ่งมาเลยยยย พี่ชอบอ่านคอมเม้นติ่งๆ(เพราะพี่ก็ติ่งกดฟหกดฟหกด)

      Like

  10. “มองหน้าฉันซะขนาดนี้…นี่อย่าบอกนะว่านายคิดจะจูบฉันอยู่น่ะ?”

    ในหัวนี่ “จูบเลยๆๆ” อื้ออึงเสมือนหนึ่งไปยืนแอบเชียร์อยู่ข้างหลังราวแขวนสูทในห้อง

    จากนั้น

    ไม่เลย

    ไม่เลย

    แล้วก็

    บึ้มมมมมม~ *แฟนเกิร์ลขอไประเบิดตัวตายแปบบบ*

    โอยยยย… น่ารักมากกกกก ทอมน่าหยิกจริงๆ จนขนาดนี้แล้วยังคิดไปได้ ขยุยขาดความมั่นใจเยี่ยงนี้ หมีต้องจูลย้ำบ่อยๆนะคะ อิ_อิ

    Like

    • ทอมฮิเขาดูอะฮิฮิฮิแต่ก็แอบเซนซิทีฟตามประสาคนรอบคอบนะคะ
      แบบมองอะไรไปไกลๆเลยตั้งแต่แรก แงงงงงงงง
      พ่อหมีต้องช่วยจุ๊บสร้างความมั่นใจบ่อยๆจริงๆนั่นแหละค่ะหกเหกดเ

      Like

  11. แบบบว่า โรแม๊นนนนนนน นนนนนนนน

    ประทับใจ ตราตรึงอย่างมากกกอ่าาา

    อารมแหววหวาน ได้ใจสุด ๆ เยย

    ชอบจัง รักเลย จุ๊บบบ

    รอตอนต่อไปของคู่นี้

    สนุกมากกกก

    ขอบคุณค้าบ

    Like

    • คู่นี้เขาหวานเองอยู่แล้วค่ะ -////-
      เราเขียนฟิคนี่รู้สึกแทบไม่ได้เพิ่มเติมอะไรเลย สองคนนี้เขาแบบนี้กันอยู่แล้ว แอร๊ย

      Like

  12. ฮืออออออออออออ พี่ทิพย์คะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
    ฟิคนี้มันน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกค่ะ ไม่ไหวแล้วววว อ่านแล้วเขินม้วน อาย หลุดยิ้ม กับทุกโมเมนต์น่ารัก ๆ ในนี้ตลอดเลยค่ะ

    ยิ่งเปิดเพลง Dress & Tie คลอไปด้วยยิ่งแบ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ /จิกหมอน

    ตอน “ไม่เลย” นี่แบบ… หก่ดฟาสวห่าด่วหาหกด โฮ น่ารักมากค่ะ พ่อหมีมุ้งมิ้งมาก คุณทอมก็น่ารักสุด ๆ ค่ะ ฮาาา

    ขอบคุณมากค่ะ รอฟิคสนุก ๆ ต่อไปนะคะ ♥

    Like

    • ฮือ ปกติพี่ไม่ค่อยชอบกำหนดเพลงประกอบฟิคมาเลยนะคะ มันดูจำกัดอ่ะ
      แต่เดรสแอนด์ไทนี่ไม่ไหววววว มันโคตรคริสทอมเลยฟฟฟฟฟฟ
      เขียนๆไปนี่ยังกับเห็นเป็นหนังเล่นเองอยู่ในหัว ฟหกดฟหกดฟหกดฟหด

      Like

  13. เราเสิร์จกูเกิ้ลแล้วผ่านมาอะค่ะ อ่านฟิคของคุณไปหลายเรื่องมาก เราชอบมากเลยค่ะ เป็นแสงสว่างให้ช่วงเวลามืดมนของเราจัง คุณชอบหลายอย่างเหมือนเรา เอามามิกซ์กันได้สนุกดี How to Train บ้างละ First Class บ้างล่ะ

    ปล. เมลล์ที่เราลงเราไม่ค่อยได้เช็คแล้วนะคะ บอกเผื่อไว้ เราแค่ผ่านมาเฉยๆ และอยากขอบคุณค่ะ

    Like

    • โอ้ว….;//////; ยินดีมากค่ะ ดีใจมากๆค่ะที่ชอบฟิคเรานะคะ เราเองนี่ก็เขียนไปเรื่อยๆเล่นๆ…ฟังแบบนี้แล้วมีกำลังใจขึ้นมากเลยค่ะ T//////////T ขอบคุณมากจริงๆนะคะ

      Like

  14. คุณ น้อง ทิพย์ ปุ ริ คะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ

    หกดเาสงกหสเางกหดสกฟงดสหงกดางกหด

    ไม่รู้จะคอมเมนท์อะไรให้ออกมาเป็นภาษาปกติได้แล้วค่ะ ฟหกด่ากเวหกฟด่หกงดหกวสด

    ตอนที่อ่านมาถึง >> “เลิกนั่งยุกๆ ยิกๆ ซะทีเถอะ…” คริสมั่นใจว่ามันต้องมีแรงผลักดันของแอลกอฮอล์ด้วยแน่ๆ ที่ทำให้เขากล้าพูดประโยคนี้ออกมา “…ลุกขึ้นมาเต้นกันดีๆ เลยดีกว่า”

    O[ ]O!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    (อ้าปากกว้างและเบิ่งตาโตแบบนี้เลย)

    แล้วพอมาถึง >> “มองหน้าฉันซะขนาดนี้…นี่อย่าบอกนะว่านายคิดจะจูบฉันอยู่น่ะ?”

    OO [[ ]] OO !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ทุกอย่างมาเป็นสองเท่าเลยค่ะ อ่ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    ฟิคเรื่องนี้มาน่ารักมาก มันอุ่นอวลมาก มันฟหกด่าวเสหกงดาสกหาดงมากค่ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ

    Meiko S.

    Like

    • แฮ่กๆๆๆๆๆ ต้องฟังเพลงไปด้วยนะคะ รับรองจะยิ่งอยากอ้วกสายรุ้งฟฟฟฟฟ
      ทิพย์ไม่รู้สึกเลยค่ะว่าตัวเองคิดฟิคนี้ เหมือนเห็นเขาเป็นฉากๆในหัวเองแล้วค่ะบรรยายตาม T/////T

      Like

  15. อ่านฟิคพี่ทิพย์แล้วรู้สึกเหมือนจะตายด้วยความฟินแล้วก็ฟื้นขึ้นมาแล้วก็ฟินอีกรอบ ก่อนจะพ่นรุ้งแฟนเกิร์ลออกมาแบบท่วมท้น 5555555555555555

    คือหวานมากกกกกกกกกกค่ะ หวานมากกกกกกกกก มากมากกก แบบ…ฮืออออออออ หวานไปไหนคะะะะะะ แต่จริงๆอ่านไปก็แอบหน่วงไปด้วยเพราะพอนึกถึงชีวิตจริงที่คริสมีเอลซ่ามีน้องอินเดียแล้วก็..ฮึกกกกกกกกกกกกกกก แงงงงงงง TT v TT เรื่องมันเศร้าาา ขอมโนอยู่ในโลกแฟนเกิร์ลต่อไปปป

    ฮิดเดิลเวิร์ธหวานมากกกกกกกกก พวกพี่จะหวานไปไหนคะะะะะะ พี่ทิพย์เขียนฮิดเดิลเวิร์ธออกมาได้ธรรมชาติมากค่ะ ฮือออ รู้สึกว่าสมเป็นสองคนนี้ดีจัง U v U ช่วงที่พูดกันถึงสี่ปีนี่รู้เลยว่าเป็นสี่ปีที่ดีจริงๆ ตอนพี่คริสพยายามจะสื่อความในใจให้พี่ทอมฟังก็น่ารักกกกกก กลายเป็นพ่อหมีทำอะไรไม่ถูกเลย 5555555 ชอบที่สองคนนี้หยอกกันมันน่ารักมากกกกก ฮว่ากกกกกกกกกกก

    จริงๆฉากที่ชอบมากกว่าฉากจูบคือฉากที่พี่คริสขอหมุนตัวค่ะ 55555555 แย่นัก แต่ชอบฉากนี้จริง พี่คริสดูน่ารักมากกกก เหมือนเด็กเลย ยิ่งพอทอมหมุนตัวโชว์แล้วอวดใส่ยิ่งน่ารักกกกกกกกก ชอบโมเม้นท์น่ารักๆแบบนี้ แล้วคือกำลังงุ้งงิ้งมุ้งมิ้งกัน…เพลงก็เป็นใจเหลือเกินข่าาา 5555555 โอ้ยยยยย แมมมมมมม่ แม่จ๋า หนูใจเต้นกับฉากผู้ชายจูบกัน 55555

    /เกรงใจพี่แต่เราจะเม้นท์ย้อนหลายๆฟิคต่อไป แฮ่ U v U,, /โดนคิล

    Like

  16. @FelicisCloak
    อ่านกี่เรื่องก็ฟินทุกเรื่อง…ฟินถึงขนาดว่าออกไปจากห้องแล้วคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง #ฉันกำลังฟินอยู่แกอย่าเพิ่งขัดสิ =w=

    @choudate
    อ่านฟิคคริสทอมแล้วข่าาาาาา โอ๊ยยยเขินนนน ฟฟฟฟฟฟฟฟ เห็นแต่ละฉาก เห็นรอยยิ้มของทั้งคู่ตลอดเรื่องเลย /////_//// บ้าจริง เขินน รูปพี่คริสในสูทดาเมจมากจริงๆค่ะ /ซับ หล่อเหลือเกิน TvT รออ่านไหอื่นๆนะคะะะ แฮ่กๆ
    อ่านฟิคคริสทอมของพี่ทิพย์แล้วเขินมากข่าาา ไปอ่านให้จิตเบิกบานกันเถอะ

    @nam_cullenJB
    พี่ค๊าาาาา หนูตามพี่มาจากในฟิคทอมคริส เพิ่งอ่านEverlastingจบมะกี้เลยค่ะ พี่สุดยอดมาก ตั้งแต่อ่านฟิคทอมคริสมาพี่แต่งได้ฟินที่สุดแล้ว ฟินแบบน้ำตาไหลเลยอ่ะ มันซึ้งมาก แถมได้ฟังเพลงDress and Tieแล้วยิ่งฟินนนน >.< ขอบคุณมากนะคะพี่

    @KuroNeko_PimTL
    อ่านจบแล้วฮะ ชอบฉากเต้นรำมากๆเลย แล้วพ่อหมีในชุดสูท โฮกสุดๆครับฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ//ม้วนตัวสามรอบครึ่งด้วยความเขิน

    @AT_Anant
    ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ พี่ทิพย์ลงฟิคใหม่ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
    นี่แหละที่ๆเราจะหนีความจริง บล็อกพี่ทิพย์คือสวรรค์ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    Like

  17. โอ้ยยยยยพึ่งอ่านจบบบบบบบน้องทิพย์ยยยยฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ O-<-<
    ตื่นมาอ่านฟิคน้องทิพย์แล้วจิอยากนอนตายสลายยยยยร่างงงงงฟฟฟฟฟฟ

    Like

  18. @KEEPZMYNE
    ทิพย์เก่งนะ สามารถแต่งสถานการเรียบๆให้มันก๊าวได้ เก่งงงง อยากทำได้บ้าง T T เป็นความฟินแบบอบอุ่นใจ กรุ่นๆ

    @taki_pueng
    โอย อ่านแล้วยิ้มไม่หุบเลย น่ารักน่าหยิก ฉากจูบนี่กิ๊วก๊าวมากเลยล่ะ >_< ขอบคุณที่เขียนฟิคดีๆให้อ่านนะ อิสิ

    Like

  19. ทำไมเหมือนพึ่งได้อ่านฟิคนี้ TT #ไปอยู่ไหนมาหว่า “เป็นไงล่ะ? หมุนได้ระดับนี้ค่อยมาพูดกับฉันนะน้องชาย” คริสพูดแบบนี้เหมือนธอร์พูดกับโลกิเลย ละก็

    “ฉะ ฉัน…เอ่อ…ง่า…ก็แค่ล้อเล่นน่า…” คริสพูดไม่ปะติดปะต่อ พยายามบอกตัวเองให้โกหกให้แนบเนียน “…ฉันไม่ได้อยากจูบนายจริงๆ ซะหน่อย”

    “ก็ ก็…ก็เหมือนกันล่ะน่า…” ทอมพยายามทำเสียงให้สบายๆ “ฉันก็ไม่ได้อยากจูบนายหรอก…”

    ความรู้สึกตรงกันเป๊ะๆ ก็งี้ละน้าา คนเค้าเกิดมาคู่กันอะไรอะไรก็มักจะใจตรงกัน

    พี่คะ หนูชอบเพลงแบบนี้มากกกกก จังหวะกับท่วงทำนองและเนื้อหาโดนใจมากเลยอ่ะเวลาอ่านฟิค พรีเมียร์มันกิ้วก้าวจริงๆล่ะค้า ขนาดไอรอนแมนปีที่แล้วสองคนนี้ก็ยังทำให้แฟนๆกรี้ดได้อีก ทั้งพี่ทอมไปพรีเมียร์รัช โอยยยย อยากจะกรี้ด ฟิคนี้นี่อธิบา่ยออกมาได้ครบทุกองค์ประเด็นที่แฟนแฟนกรี้ดกร้าดดด ถ้าหมดสัญญามาร์เวลล์จะมีโอกาสเห็นคริสกับทอมอยู่ด้วยกันอีกบ้างไหมน้อ TT

    Like

  20. โอ้ยฟินอ่ะฟินฟินฟินตายด้วยความฟิน
    โฮรลลลลน่ารักกันจริงๆ
    ใจตรงกันงี้ จูบกันงี้แบบ เต้นรำกันอีก เกร๊ดดดดด

    Like

  21. Pingback: [TAG] สืบประวัตินักเขียน | tippuri's blog (◉◞౪◟◉✿)·

Leave a comment