[Captain America 2 Fic][SteveBucky] The Winter Mechanic (1)

 
 
The Winter Mechanic 
Captain America 2 fanfiction by Tippuri~ii *
 
 

 

    
 

 
 

Pairing:  Steve Rogers x James a.k.a Bucky Barnes
Fandom: Captain America 2 — The Winter Soldier

Type: AU fanfiction…ที่ว้อทดาฟัคมากๆ…แต่ถามจริงเถอะมีอะไรในบล็อกนี้ที่ไม่ว้อทดาฟัคบ้าง????

 
 

 

 * แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้มีแฟนฟิคชั่น BL..ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

 

 

 

 

 
************************************
 
 
 
 
Chapter 1
 

               

 

 

 

 

 

 “ฉันบอกนายไปแล้วรึยังน่ะว่านี่มันเป็นไอเดียที่โง่มาก??”

               

 

 

 

 

แซม วิลสันถามอย่างเสียดสีขณะที่ยืนมองเพื่อนผมทองที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงข้างๆ มอเตอร์ไซค์ดูคาติของเจ้าตัว…ถ้าเพื่อนของเขาจะมีอะไรสักอย่างที่มันรักเหมือนลูกแท้ๆ ล่ะก็ แซมก็คงลงความเห็นว่าคงจะเป็นเจ้าพาหนะคันงามสีดำปนเงินนี่แหละ

               

 

 

 

 

“บอกแล้วเพื่อน…นายบอกฉันแล้ว…” สตีฟ โรเจอร์สตอบช้าๆ และขาดเป็นช่วงๆ เพราะชายหนุ่มกำลังค่อยๆ ตั้งใจในการไขน็อตส่วนที่ยึดท่ออะไรสักอย่างไว้อยู่ “แล้วฉันก็บอกนายไปแล้วด้วย…ว่าช่วยยืนเงียบๆ ไปซะนะ”

               

 

 

 

 

แซมถอนหายใจแต่ก็ขำก้ากเล็กๆ…สตีฟเด้งตัวขึ้นมายืนตรงๆ เมื่อน็อตหลุดออกมาได้ในที่สุด ทำให้เจ้าท่อที่ควรติดชิดกับตัวรถเค้เก้ออกมานิดๆ…ไม่ได้ทำให้รถเสียหายหักพังยังไง แต่ก็ดูไม่น่าไว้ใจมากพอที่ควรจะเลี่ยงการขับมันไปจนกว่าจะได้ซ่อมเสียก่อน สภาพที่คงเป็นอย่างที่ชายหนุ่มผมทองต้องการ…เพราะเจ้าตัวยิ้มฮุฮิอย่างชอบใจ เก็บน็อตตัวจริงเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วขยับไปจับแฮนด์รถอย่างเตรียมจะลากมัน

               

 

 

 

 

แซมหัวเราะพรืดกับท่าทีร่าเริงออกนอกหน้าอันหาดูได้ยากนี้ ส่ายหัวหน่ายๆ ตอนพูดแซะอีกรอบ “ให้ตายเหอะ อะไรดลใจให้นายคิดแผนนี้วะ…ทำรถให้พังแล้วจะได้ไปให้เขาซ่อมเนี่ยนะ?? ทำไมนายต้องลงทุนขนาดนี้เลยวะ…ชวนเขาไปเดทเฉยๆ เลยไม่ได้รึไง??”

               

 

 

 

 

ความร่าเริงจางหายไปครึ่งหนึ่ง…กลับมาเป็นสตีฟผู้ประหม่าเสมอในเวลาที่ต้องเผชิญกับเรื่องหัวใจ “ฉันไม่เคยคุยกับเขาเลยนะ…อยู่ๆ จะไปชวนอย่างงั้นได้ไง…”

               

 

 

 

 

แซมแอบถอนหายใจกับตัวเอง…สตีฟ โรเจอร์สเพื่อนซี้ของเขานั้นเป็นคนจิตใจดีและก็มีอารมณ์ขันน่าคบหา แต่น่าเสียดายนักที่ไม่มีใครได้รับรู้นิสัยตรงนี้เลยเพราะสตีฟ โรเจอร์สไม่เคยกล้าหาญจะไปจีบใครได้อย่างจริงจัง นั่นจึงทำให้แซมคิดว่าต่อให้แผนการโง่ๆ ครั้งนี้จะดูไร้สติแค่ไหน…ตนก็ควรเลิกชี้แจงถึงตรงจุดนั้นแล้วสนับสนุนสตีฟแทนได้แล้ว เพราะนี่เป็นการลงทุนครั้งหายากของสตีฟในการจะจีบใครสักคน

               

 

 

 

 

“โอเคๆ…ไม่ต้องรีบชวนก็ได้ แบบที่นายคิดจะทำก็ดีแล้วล่ะ” หนุ่มผิวสียิ้มให้กำลังใจพร้อมตบบ่าเพื่อน “โชคดีนะเว้ย”

               

 

 

 

 

ทั้งๆ ที่เป็นคนคิดแผนเอง…แต่นาทีนี้ สตีฟ โรเจอร์สก็ดูหวั่นๆ ขึ้นมาชอบกล หากชายหนุ่มผมทองก็สูดลมหายใจแบบฮึดสู้แล้วยิ้มตอบแซม พยักหน้าหงึกๆ พร้อมเริ่มเข็นมอเตอ์ไซค์ออกไปจากตรงสนามหน้าบ้าน

               

 

 

 

 

…ซึ่งคนเป็นเพื่อนก็มองตามสักพักแล้วตะโกนตามไปเสียงลั่น

               

 

 

 

 

“เฮ้ยสตีฟ!! จะไปไหนหา?!! วินเทอร์เมคานิคมันทางนี้ต่างหาก!!”

               

 

 

 

 

ชายหนุ่มผมทองหันกลับมา พบว่าตนกำลังเดินไปในทิศตรงข้ามสุดโต่งของถนนที่แซมชี้…ซึ่งหนุ่มผิวสีก็แอบอยากยกมือมาปิดหน้าแบบสิ้นหวังกับความไม่ได้เรื่องในส่วนนี้ของเพื่อนนัก แต่ก็ได้แต่พยักหน้าอย่างสนับสนุน…รอจนร่างสูงๆ นั่นจูงมอเตอร์ไซค์ลับไปในทิศที่ถูกต้องแล้วจึงค่อยถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

           

 

 

 

 

ให้ตายเถอะ…มันจะไปรอดไหมนี่…

 

 

 

 

 

 

 

* * * * *

 

 

 

ถึงอู่รถวินเทอร์เมคานิคนี่จะอยู่ห่างจากบ้านเขาแค่ราวๆ สามบล็อก…แต่เพราะสตีฟต้องลากเจ้าดูคาติคันใหญ่นี่มาด้วย จึงใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีในการจะมาถึง

 

 

 

 

 

อู่แห่งนี้ประกอบด้วยสนามหญ้าและโรงรถที่ไม่ได้กว้างขวางอะไรนัก…จอดรถยนต์ได้อย่างมากที่สุดก็สามถึงสี่คันเท่านั้น โรงรถมีบันไดเดินให้ขึ้นไปส่วนที่คงเป็นออฟฟิศตรงชั้นสองได้ และตัดสินจากที่อู่นี้มีคนทำงานอยู่แค่คนเดียว…เลยเดาได้ไม่ยากว่าคุณเจ้าของอู่นี่ก็คงนอนค้างที่นี่เลยนี่แหละ

 

 

 

 

 

สตีฟกระแอมกระไอแล้วพยายามดูจากกระจกมองข้างของมอเตอร์ไซค์ของตนว่าผมยุ่งไหม…และเมื่อพบว่ามันก็พอดูจะโอเคอยู่ ชายหนุ่มก็ค่อยๆ ลากพาหนะเข้าไปพื้นที่ใต้หลังคาของโรงรถ

 

 

 

 

 

“ขอโทษครับ…มีใครอยู่ไหม…”

 

 

 

 

 

เสียงของเขาสะท้อนดังก้องกว่าจริงภายใต้หลังคาอันโค้งสูงนี้…ทำให้ในไม่กี่อึดใจถัดมา ร่างของคุณเจ้าของอู่ผู้เป็นคนงานคนเดียวของอู่วินเทอร์เมคานิคนี้ก็ปรากฏขึ้น…ผมยาวสีดำนั้นถูกมัดไว้เป็นหางม้ายุ่งๆ ตรงต้นคอ ผ้าปิดปากกันฝุ่นถูกสวมครอบกรอบหน้า…ขอบของมันทาบอยู่ใต้ดวงตาโตของคนสวม สีเข้มของนัยน์ตาคงขับให้ผิวดูขาวจัดกว่าเดิม…ถ้าไม่ติดว่ามีคราบฝุ่นขะมุกขะมอมเปื้อนอยู่บนนั้นเสียแล้ว

 

 

 

 

 

“ว่าไง?”

 

 

 

 

 

ถ้อยคำห้วนสั้นและไร้หางเสียง…แต่คนแถบนี้ก็ชินกันหมดแล้ว ถึงจะพูดจาได้เย็นเจี๊ยบสมชื่ออู่…หากฝีมือการซ่อมเครื่องยนต์ของเจมส์ บาร์นส์ก็เป็นที่ยอมรับของลูกค้าทุกคนว่าเรียบร้อยไร้ที่ติและใส่ใจในทุกรายละเอียดยิ่งนัก และสำหรับสตีฟในตอนนี้…เขาก็กำลังตื่นเต้นจนไม่มีแก่ใจมารู้สึกไม่ดีอะไรเลยด้วย

 

 

 

 

 

“ง่า…คือ…นี่น่ะ…” หนุ่มตัวโตได้แต่ขยับมือชี้ไปชี้มาอย่างเงอะงะ “ท่อมอเตอร์ไซค์ฉัน…มันแปลกๆ…”

 

 

 

 

 

ผ้าปิดปากที่คุณช่างเครื่องสวมอยู่อาจช่วยซ่อนสีหน้าของเจ้าตัวได้…แต่ไม่ใช่แววตา ดวงตาโตสีดำที่ปกติจะไร้แววยิ้มแย้มแถมติดๆ จะดูไม่เป็นมิตรอยู่แล้วนั้นยิ่งดูรำคาญใจมากกว่าเก่า…ดูแล้วคล้ายกรัมปี้แคทอันโด่งดังในอินเตอเน็ตยิ่งนัก หากแต่เพราะวงหน้าของเจ้าตัวมอมแมมไปด้วยฝุ่นดำๆ…สตีฟเลยคิดว่าคำเปรียบเทียบที่ถูกต้องคงจะต้องเป็นกรัมปี้แรคคูนมากกว่า

 

 

 

 

 

“ไหน…หลบซิ”

 

 

 

 

 

คุณช่างเครื่องโบกๆ มือให้ชายหนุ่มผมทองถอยไปก่อนที่ร่างสูงสันทัดนั้นจะเดินเข้าไปก้มๆ มองๆ เจ้าดูคาติคันงามนี่ แล้วสตีฟก็ต้องเบือนสายตาไปหาอะไรอย่างอื่นมองตอนที่อีกฝ่ายทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าเพื่อสำรวจท่อตัวปัญหานั่นใกล้ๆ…เสื้อยืดดำที่ซีดเพราะการซักนั้นถลกขึ้นจนเห็นแผ่นหลังช่วงเอวนิดๆ ตอนที่เจ้าตัวก้มมอง ผิวขาวสะอาดตัดกับเนื้อผ้าสีเข้ม

 

 

 

 

 

ขาว…ขาวเกินไปมั้ยน่ะ…

 

 

 

 

 

สตีฟกระแอมกระไอในใจพร้อมขยับตัวยุกยิกไปมา…ไม่กล้ามองเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องไม่สมควรแต่ก็อยากมอง ทำให้ไม่ได้รับรู้เลยว่าตอนนี้ร่างที่คุกเข่าอยู่นั้นได้ลุกกลับมายืนตัวตรงแล้ว

 

 

 

 

 

“นี่ ได้ยินมั้ยน่ะ??”

 

 

 

 

 

สตีฟใช้เวลาห้าวินาทีในการรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคุยด้วยอยู่และตนไม่ได้ยินอะไรเลย “อะไรนะ?…มีอะไรเหรอ?”

 

 

 

 

 

“ฉันบอกว่ารถนายน่ะน็อตมันหลุดไป ใส่กลับคืนได้ก็โอเคละ” คนผมดำพูดซ้ำด้วยเสียงเรียบติดจะเซ็งนิดๆ “ได้เก็บไว้มั้ย? หรือหายไปแล้ว??”

 

 

 

 

 

น็อตตัวนั้นยังอยู่ดีมีสุขอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขา…แต่ชายหนุ่มผมทองคนซื่อก็ไม่ได้ซื่อระดับที่จะคิดไม่ได้ว่าถ้าหยิบมันส่งให้ การซ่อมรถนี้จะจบได้อย่างรวดเร็วไม่คุ้มค่าตามความคาดหมายของตนเลย

 

 

 

 

 

สตีฟ โรเจอร์สจึงส่ายหน้า พูดอ้อมแอ้ม “มัน เอ่อ…หายไปแล้วล่ะ”

 

 

 

 

 

คุณช่างเครื่องผงกศีรษะรับรู้นิดเดียวก่อนจะเดินเข้าไปตรงชั้นวางของด้านในโรงรถ…ก่อนจะกลับมาพร้อมกล่องเหล็กสีแดงสดที่ข้างในถูกแบ่งไว้เป็นช่องเล็กช่องน้อยมากมายเพื่อแยกตัวน็อตหลากขนาดให้อยู่ตามหมวดหมู่ของมัน ซึ่งในตอนนี้…สตีฟก็ต้องเบือนหน้าหาที่วางสายตาของตนใหม่อีกแล้ว เพราะการก้มๆ เงยๆ หาน็อตขนาดที่ใช่ของอีกฝ่ายทำให้เสื้อสีดำซีดตัวนั้นถลกมากขึ้นยิ่งกว่าทีแรกเสียอีก

 

 

 

 

 

ชายหนุ่มผมทองหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้งตอนที่ร่างสูงสันทัดนั้นยืนขึ้นแล้วประกาศว่ามอเตอร์ไซค์ของเขาน่าจะโอเคแล้ว…และพอลองสตาร์ทเครื่องแล้วไม่มีปัญหาอะไร สตีฟก็หยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาแล้วนับธนบัตรตามราคาที่ชายหนุ่มผมดำบอกมา

 

 

 

 

 

“ขอบคุณครับ”

 

 

 

 

 

เงินถูกยื่นให้พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนอันเป็นนิสัยเคยชินของเจ้าตัว…สตีฟเลยไม่รู้ว่าทำไมคุณช่างเครื่องถึงได้ชะงักนิดหน่อยก่อนจะรับธนบัตรไป และการที่หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เดินฉับๆ เข้าอู่ไปโดยไม่บอกลาก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงอยจนไม่ได้คิดถึงความแปลกๆ ตรงจุดนี้อีกเลย

 

 

 

 

 

 

 

* * * * *

 

 

 

“นายก็ได้คุยกับเขาแล้วนี่หว่า…แล้วทำไมนายยังไม่เลิกกับไอ้ไอเดียโง่ๆ นี่อีกหา??”

 

 

 

 

 

แซม วิลสันถามคำถามที่เป็นเหมือนขั้นพัฒนาของคำถามจากเมื่อวาน แม้ว่าสถานการณ์รอบข้างตอนนี้จะไม่ได้ต่างจากเดิมนัก…มอเตอร์ไซค์ดูคาติคันงามและสตีฟ โรเจอร์สที่กำลังถอดน็อตยึดท่อของมันออกอยู่

 

 

 

 

 

“เขาถามหาน็อต…แล้วฉันก็ส่ายหน้า…” ชายหนุ่มผมทองถอนหายใจแม้ว่าสายตาจะมองแค่งานในมือ “นั่น…ไม่น่าเรียกว่า…คุยกันนะ…”

 

 

 

 

 

“โอเค ฉันจะสรุปจากที่เข้าใจให้นายฟังนะ” แซมพูดอย่างเสียดสี “เมื่อวาน นายถอดน็อตแล้วก็ลากรถไปให้เขาซ่อมเพื่อจะคุยกับเขา…ซึ่งก็แป้กสนิท” เลิกคิ้วมองผลงานบนมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนอีกที ก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายกลั้วหัวเราะ “นายก็เลยจะถอดน็อตแล้วลากรถไปให้เขาซ่อมอีกรอบ…นี่คิดดีแล้วใช่มั้ย? มั่นใจว่าไม่ทะแม่งๆ เลยสินะ?”

               

 

 

 

 

“ไม่ทะแม่งหรอก” สตีฟลุกมายืนตัวตรง จับแฮนด์รถเพื่อเตรียมเข็น “เมื่อวานฉันถอดท่อทางขวา…วันนี้ฉันถอดทางซ้ายแทนแล้ว”

               

 

 

 

 

แซมขอบคุณที่ตัวเองยังมีสติพอจะไม่ยกมือมาปิดหน้าแล้วคำรามอย่างอยากจะบ้าตายออกมาอย่างที่ในใจทำไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

* * * * *

 

               

 

วันนี้ หัวใจสตีฟไม่ต้องทำงานหนักเพราะภาพผิวขาวๆ รำไรตรงช่วงเอวของคุณช่างเครื่อง

               

 

 

 

 

…เพราะมันได้มาทำงานหนักเพราะภาพผิวขาวๆ ตรงช่วงต้นคอและลาดไหล่ของอีกฝ่ายที่สวมเสื้อกล้ามสีดำอยู่แทน

               

 

 

 

 

ตอนที่เขามาถึงอู่วินเทอร์เมคานิคนั้น…เจมส์ บาร์นส์คงกำลังทานอาหารกลางวันอยู่ เพราะเจ้าตัวเดินเคี้ยวตุ้ยๆ ออกมารับลูกค้า…แก้มพองๆ แต่สีหน้าที่ยังเป็นกรัมปี้แรคคูนอยู่นั้นทำให้สตีฟอยากจะหัวเราะเพราะความน่าเอ็นดูนี้ออกมาดังๆ ชะมัด แต่ก็เตะตัวเองให้สำรวมกริยาแล้วแจกแจงถึงความผิดปกติของเจ้าดูคาติ ดวงตาสีฟ้าใสแอบกวาดมองร่างตรงหน้าไปด้วย…วันนี้คุณช่างเครื่องอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงยีนง่ายๆ และมีเชิ้ตลายสก็อตสีเข้มผูกเอวไว้อยู่ ผมยาวระต้นคอไม่ถูกมัดและไม่มีผ้าปิดปากทาบทับวงหน้าอยู่อย่างทุกที

               

 

 

 

 

อีกฝ่ายฟังอาการของมอเตอร์ไซค์โดยสงบ…ก่อนจะโบกๆ มือให้เขาหลบไปให้พ้นทางเหมือนเมื่อวาน หยิบหนังยางจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมามัดผมขึ้นขณะที่ทรุดตัวลงพิจารณาของท่อ…ผิวขาวเจือแทนนิดๆ ตรงหลังคอและหัวไหล่ของเจ้าตัวทำให้สตีฟยืนไม่ติดที่ชอบกล แต่วันนี้เขายังมีสติพอที่จะฟังคุณช่างเครื่องทันตั้งแต่ทีแรก

               

 

 

 

 

“น็อตหายอีกแล้ว…เหมือนเมื่อวานเลย” ประโยคนี้ทำให้คนฟังแอบสติแตกเล็กน้อย แต่คนพูดดูจะไม่ได้จับผิดอะไรได้ “ได้เก็บไว้ไหม??”

               

 

 

 

 

ซึ่งแน่นอนว่าสตีฟก็ส่ายหน้าอีก…ร่างสูงสันทัดนั้นจึงลุกขึ้น(สตีฟได้ยินชัดเจนว่าเจ้าตัวถอนหายใจแบบเซ็งจิตสุดๆ)แล้วเดินไปหยิบกล่องใบเดิมมาเปิด แต่วันนี้…การตามหาน็อตขนาดที่ใช่ใช้เวลานานจนสุดท้ายคุณช่างเครื่องต้องเปลี่ยนจากนั่งคุกเข่ามาเป็นขัดสมาธิให้ถนัดๆ แทน

               

 

 

 

 

เวลาเลยผ่าน…และวงหน้าที่วันนี้เห็นได้ชัดเจนไร้ผ้าปิดปากก็มีสีหน้ามุ่ยๆ แบบใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เพราะความหวังในการหาเจอดูจะไม่มีเลย นี่เองที่ทำให้สตีฟรู้สึกผิด…เพราะทั้งหมดมันก็เป็นแค่แผนโง่ๆ ของเขาอย่างที่แซมพูดจริงๆ นั่นแหละ ไม่ควรเลยที่แผนโง่ๆ นี้จะทำให้อีกฝ่ายเสียเวลาและต้องหนักใจแบบนี้ ร่างสูงใหญ่จึงย่อตัวลงนั่งข้างๆ อีกฝ่าย…ตอบคำถามอันไร้เสียงจากการเลิกคิ้วของเจ้าตัวด้วยการหยิบน็อตตัวเมื่อวานในกระเป๋ากางเกงตนออกมา

               

 

 

 

 

“ง่า…อันนี้มันจากเมื่อวานน่ะ ฉันหาเจอที่บ้าน” สตีฟหวังว่าตัวเองจะโกหกได้เนียนพอ “มันใช้ด้วยกันได้มั้ย?”

               

 

 

 

 

คุณช่างเครื่องไม่ตอบคำ…ดวงตาโตจ้องหน้าเขาราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ทำให้คนมีชนักปักหลังเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ ทันทีว่าตนจะโดนมองออกไหม…หากในความหนาวๆ ร้อนๆ นี้ สมองของเขาก็ยังมีแก่ใจมาจับสังเกตว่าดวงตาโตที่คิดมาตลอดว่าเป็นสีดำสนิทนั้นจริงๆ แล้วเป็นสีน้ำเงินเข้มล้ำลึกต่างหาก

               

 

 

 

 

ชายหนุ่มผมดำไม่ได้ตอบอะไรอยู่ดีในที่สุด…แค่หยิบน็อตตัวนั้นไปจากมือของเขาแล้วหันไปไขมันให้เข้าที่ ซึ่งก็แหงแซะอยู่แล้วว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางอย่างพอดิบพอดี…แล้วพวกเขาก็ตกอยู่ในความเงียบ ท่าทางคุณช่างเครื่องจะไม่เห็นความจำเป็นในการประกาศว่าการซ่อมสำเร็จเรียบร้อยเพราะสตีฟก็มองดูอยู่ตลอด

               

 

 

 

 

ชั่วนาทีผ่านไป ก่อนที่ชายหนุ่มผมทองจะตัดสินเอ่ยขึ้น

               

 

 

 

 

“โอเค…ขอบใจนะบัค—”

               

 

 

 

 

ถ้อยคำออกมาเป็นคำที่ผิดโดยสิ้นเชิงเพราะสตีฟมาคิดได้เอาในวินาทีที่จะพูดว่าตนไม่รู้เลยว่าควรจะเรียกอีกฝ่ายว่าอะไรดี…ประโยคจึงหยุดลงกลางอากาศ และในความเงียบที่ชายหนุ่มผมทองกำลังใช้คิดหาทางแก้ไขความพลาดของตนนี่เอง…คุณช่างเครื่องก็เอ่ยขึ้น

               

 

 

 

 

“ใครที่ไหนหา…บัคกี้เนี่ย?”

               

 

 

 

 

ประโยคนี้ทำให้สตีฟหัวเราะพรืดออกมาแบบห้ามไม่ทัน เพราะถึงมันจะถูกเอ่ยอย่างห้วนๆ…แต่ที่ไม่เหมือนกับทุกทีก็คือกระแสเสียงนั้นเจือเสียงหัวเราะนิดๆ เอาไว้เช่นเดียวกับคิ้วที่ถูกเลิกขึ้น การล้อเล่นที่ชายหนุ่มผมทองไม่คาดคิดเลยว่าคนที่ดูบึ้งตึงตลอดเวลาอย่างอีกฝ่ายจะทำได้…และบอกให้เขารู้ด้วยว่าเจ้าตัวไม่ได้ถือสาความผิดพลาดนี้แต่อย่างใด

               

 

 

 

 

“โทษที…” แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็พูดขอโทษอยู่ดีตามมารยาท ก่อนจะตัดสินใจเสี่ยงเพิ่มอีกนิด “ง่า…ฉันสตีฟนะ”

               

 

 

 

 

สีหน้าและแววตาของอีกฝ่ายกลับมาเป็นความเรียบนิ่งตามปกติอีกครั้งแล้วตอนเจ้าตัวพูดสั้นๆ “เจมส์ บาร์นส์”

               

 

 

 

 

สตีฟรู้สึกงุ่นง่านและแอบสติแตก…เพราะเขาคิดว่าตนน่าจะชวนคุยอะไรให้มันคืบหน้าได้มากกว่านี้ นั่นจึงทำให้ตอนที่อีกฝ่ายบอกราคาค่าซ่อม…ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเสี่ยงอีกรอบ

               

 

 

 

 

“ราคาเท่ากาแฟถ้วยนึงเลยนะ…” รับรองว่าแม้แต่เพื่อนซี้ของเขาอย่างแซมก็คงคาดไม่ถึงว่าสตีฟ โรเจอร์สจะกล้าหยอดมุกตรงๆ เลยแบบนี้ “…เปลี่ยนเป็นจ่ายด้วยกาแฟแทนได้มั้ย?”

               

 

 

 

 

หากสิ่งเดียวที่คนตรงหน้าเขาตอบรับมาก็คือคิ้วที่ขมวดและคำถามแบบตามมุกไม่ทัน “จะจ่ายยังงั้นได้ไง?”

               

 

 

 

 

ถามไม่ถามเปล่า…ดวงตาสีน้ำตาลไหม้นั่นก็กวาดๆ มองราวกับจะคิดว่าสตีฟจะซ่อนกาแฟสักถ้วยไว้ในกระเป๋าได้ นั่นจึงทำให้คนหยอดมุกเป็นฝ่ายทั้งขำทั้งเขินซะเอง

               

 

 

 

 

“เปล่า…” พยายามจะไม่หน้าแดงตอนเฉลย แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์เลยก็ตาม “คือ…ฉันหมายความว่า…เราไปกินกาแฟกันไหม…ฉันเลี้ยงเอง…”

               

 

 

 

 

คุณช่างเครื่องถอยห่างไปเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นกอดอก…ยิ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดและเงียบไปนานจนสตีฟใจเสีย มั่นใจว่าตัวเองทำทุกสิ่งทุกอย่างพังหมดแล้วแน่ๆ…จึงค่อยๆ พูดเสียงเบา

               

 

 

 

 

“เอาเหอะ…ถ้านายไม่อยากไปก็ไม่เป็น—”

               

 

 

 

 

ประโยคของเขาโดนขัดด้วยรถของลูกค้าคนใหม่ที่ขยับมาจอด…คุณช่างเครื่องหันหน้าไปตอบเสียงถามว่าเลื่อนรถเข้าไปจอดในอู่ได้ไหม ทำให้สตีฟเตรียมตัวจะสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ของตน…ไม่ได้คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเดินกลับมาคุยกับเขาอีกรอบ

               

 

 

 

 

“คือ…” เรียวปากสีสดนั่นเม้มเข้าหากันและยกขึ้นนิดๆ เหมือนเด็กๆ “…ไม่เคยมีใครชวนฉันไปกินกาแฟด้วยกันมาก่อนเลยน่ะ”

               

 

 

 

 

แค่นั้นเอง…ก่อนที่ร่างสูงสันทัดนั้นจะผละจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก ทิ้งให้สตีฟได้แต่นั่งนิ่งบนมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง…ได้สติและตะโกนลาบัคกี้เอาก็ตอนที่อีกฝ่ายหายลับไปในโรงรถแล้ว

 

 

 

 

 

และตลอดทางขากลับ สตีฟ โรเจอร์สก็พยายามจะไม่คิด…แม้จะไม่มีประโยชน์เลย…ว่าท่าทางหน้าตึงๆ ของอีกฝ่ายตอนได้ฟังข้อเสนอเรื่องกาแฟนั่นอาจจะเป็นวิธีแสดงความเขินของคนที่เพิ่งเคยถูกชวนไปเดทตามฉบับของบัคกี้ บาร์นส์ก็เป็นได้

                

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

tbc.

 

************************************

 

 

สวัสดีค่ะทุกคน

 

นี่เป็นฟิคเฉพาะกิจมากๆๆๆค่ะ ได้ prompt วันนี้แล้วก็เขียนวันนี้เลย…อาจเป็นเพราะทิพย์ต้องการเขียนซัมติงสตัคกี้แต่บิ้วดราม่าให้แซงเชริคไม่ได้ และอัดอั้นไม่ได้เขียนฟิคหลายวันค่ะ พอเจอ prompt โดนใจเลยเปิดคอมฟาดมือป้าบๆๆๆๆเลย…เย่ห์ ออกมาเป็นฟิคบทนี้ล่ะค่ะ O<—-<

 

เอยูเสียสติอีกแล้วอ่ะ…..

 

ขอเรียนให้ทราบก่อนว่า…ทิพย์ไม่มีความรู้ด้านเครื่องยนต์กลไกใดๆทั้งปวง เพราะงั้นถ้าใครเจอความเป็นไปไม่ได้ตรงไหนในเรื่อง…ก็…ก็ทำเป็นไม่เจอซะนะคะฟฟฟฟฟ TTxTT

 

ช่วงนี้อาจหายๆหน้าไปบ้าง อย่าเพิ่งลืมกันนะคะ

 

 

 

 

ทิพย์เอง

73 responses to “[Captain America 2 Fic][SteveBucky] The Winter Mechanic (1)

  1. กัปตันน่ารักก55555 ชอบที่พี่ทิพย์บรรยายลักษณะบัคกี้มาก รู้สึกเป็นคนที่แบบ… ฮรื่ออ บอกไม่ถูกกก รู้แค่ว่ามันโดนมากกก น่ารักและฮอต เซ็กซี่//ไม่ใช่ละ(กัปตันก็มองม๊องมองเข้าปายยยย อร้ากกก)
    แต่ฮาที่ถอดน็อตคนละข้างค่ะ กัปตันก็ดูพยายามแบบซื่อๆ แซมนี่คงแบบ เฮ้อ เพลียจริงๆ555555 อ่านแล้วยิ้มเป็นบ้าอยู่คนเดียวเลยค่ะ น่ารักมากกกก งื้อออ

    Like

  2. สตีฟฟฟฟฟฟฟฟ วิธีของนายน่ารักเกินไปแล้ว YvY
    จะบอกว่าเลือกวิธีเข้าหาได้ใสซื่อ(?)เหลือเกินค่ะ น่ารักจริงๆนะแงงงง
    บัคกี้ก็….ฮืออออ ใจสั่นเลยค่ะ นึกภาพตอนตอบสตีฟว่าไม่เคยมีใครชวนไปกินกาแฟมาก่อนนี่มันก๊าวใจมากเลยค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    Like

  3. คุณแร็คคูนโหดดดดด //5555
    บรรยายแบบเห็นภาพเลยค่ะ ว่าคุณท่านดู ฮ็อต =,,= ขนาดไหน
    ส่วนคุณกัปตัลลลลลล งื้ดดดด ดูน่ารักฟรุ้งฟริ้งไงไม่รู้ววว ><

    Like

  4. อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกก T///////////T
    ภาษาบรรยายลื่นไหลมากค่ะ ชว๊อบบบบบบบบบบบ
    ฮาตรงที่สตีฟคิดในใจว่าบั้คกี้เหมือนกรัมปี้แคท
    แต่ไปๆ มาๆ คงเป็นกรัมปี้แรคคูนมากกว่า #น่าเอ็นดู๊ววววว์

    Like

  5. สตีฟฟฟฟฟฟฟ นายลงทุนมากกกกกกกกกก
    ยอมแงะรถตัวเองเพื่อเข้าหาบัคกี้
    น่ารักอ่ะ

    Like

  6. @#$%^&*()_
    นานทีจะเจอสตีฟบัคกี้…
    (เป็นสตรีโชคร้ายผู้หาสตีฟบัคกี้แต่เจอบัคกี้สตีฟแลสตีโทนี่ โทนี่สตีฟ T^T)
    มิ้งมากค่ะ
    ใสๆกันทั้งสองฝ่ายเลย
    ลุ้นให้แคปเจ้าเล่ห์ขึ้นอีกนิด ด้านขึ้นอีกหน่อย

    Like

  7. วิธีจีบของสตีฟน่ารักมากเลยค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
    พยายามพังรถตัวเองเพื่อที่จะไปคุยกับเขา ยังจะแถไขนอตออกไปอีกข้างอีกต่างหาก ถถถถถ
    เอยูจงเจริญ TwT (สำหรับOTPที่ในความเป็นจริงเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย)

    Like

  8. โอ้ยยย น่ารักมากมายค่ะ อ่านไปยิ้มไป อยากอุ้มเเรคคูนตัวนี้กลับบ้านจริงๆค่ะ เป็นกำลังใจให้พ่อหนุ่มจอมซื่อจีบเเรคคูนติดนะคะ จะติดตามตอนต่อไปค่า เป็นกำลังใจให้นะคะ ❤

    Like

  9. เนื่องจากวันนี้เพิ่งดู Captain America : The First Avenger ไป ฟิลลิ่งกำลังมา
    เราจึงต้องหาฟิคมาประโคมตัวเองเพื่อตอบสนองความติ่งฟฟฟฟฟฟฟ
    (ส่วนภาค Winter Soldier เรายังไม่มีแผ่นจึงต้อง…อด /ร้องไห้น้ำตาไหลท่วมแอสการ์ด #ผิด/)

    ไม่เลยสตีฟ มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเอาซะเลย ทำไมวิธีจีบหนุ่มของนายมันธรรมดาขนาดนี้ล่ะเฮ้ย!
    โอเค เราว่าเราเข้าใจ คนอย่างสตีฟ โรเจอร์ส ประสบการณ์เรื่องความรักช่างอ่อนด๋อย
    จะจีบช่างเครื่อง (ผู้น่ารัก) ทั้งทีจึงต้องลงทุนถึงกับพังรถสุดรักของตัวเองเพื่อไปหาเขา
    ได้คุยกับเขาสักนิดนึงก็โอเค โอ้ยคูลกายของบ่าว บ่าวเขินแทนหนูบัคเหลือเกิน -/////-

    คุณทิพย์บรรยายบัคกี้ได้น่าฟัดน่าก(อ)ดแบบไม่ไหวแล้วค่ะ จากที่เราเอ็นดูหนูบัคเป็นทุนเดิม
    พออ่านเรื่องของคุณทิพย์เรายิ่งหลงหนูบัคจนไม่ไหวแล้วค่ะ! นี่ขนาดพูดน้อยมากๆๆๆๆ นะเนี่ย
    ถ้าเอาคำพูดทั้งหมดของหนูบัค (เรียกด้วยความติ่งส่วนตัว) มาเทียบกับคำพูดของสตีฟ
    อาจจะต่างกันประมาณสามเท่าได้ ฟฟฟฟฟ ไม่เป็นไรนะหนูบัค เรารู้ว่าหนูขี้อาย เราเข้าใจ
    ถึงบทน้อยแต่ความน่ารักทะลุจอมากจ้ะ /เนียนกอด/ /โล่ฟาดหน้า/

    แต่ถึงจะสุภาพชนแค่ไหนก็ยังมีความหื่นกามอยู่นิดๆ สินะคะคุณโรเจอร์สสสสสสสสสส
    มองเอวเขาที่พ้นเสื้อแบบนั้นได้ยังไงคะ รู้ไหมว่ามีติ่งตัวหนึ่งอิจฉา อยากมองบ้า— /เซ็นเซอร์/
    ไอ้เราก็คิดว่าคนดี๊ดี อย่างคุณสตีฟจะไม่คิดเรื่องแบบนี้แล้วนะ แต่ก็นะ…ขาวใช่ไหมล่ะฟฟฟฟฟ

    ฉากชวนไปกินกาแฟคืออะไรที่เราไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนอย่างสตีฟ โรเจอร์สจะพูดมันออกมาเลยค่ะ
    มันเป็นวิธีจีบแบบคูลกายขี้เขินที่ได้ผลกับหัวใจชัลนีอย่างอีฉันเหลือเกิน /ภาษาเริ่มออกทะเล/
    แล้วตอนที่บัคกี้พูดว่าไม่มีใครเคยชวนฉันไปนะ เราแบบ หนูบัคคคคคค ทำไมน่ารักขนาดนี้ลูก
    หยุดน่ารักได้แล้วนะ! ก่อนที่เราจะไม่ยอมปล่อยให้สตีฟคว้าตัวหนูไป /ร้องไห้อีกรอบ/ /น้ำท่วมแอสการ์ดของจริงล่ะคราวนี้/

    Like

  10. ฮึกน่ารักมากเลยค่ะ TTTWTTT ไม่ค่อยเนียนเล๊ย ถอดน็อตข้างขวากับข้างซ้ายเนี่ยฟฟฟฟฟ สตีฟก็ไปแอบดูเขา ผิวขาวๆที่โผล่ออกมากรี๊ดฟหกด่าวงฟงกหาหกดากหดาหกาดากดา ดูจากแผนแล้วเพลียกับคุณกัปตันเหมือนแซม ไม่ค่อยน่าจะไปรอด…แผนแบบ….OTL แต่ดันได้ผลจริงๆวุ้ย ให้ตายฟฟฟฟฟฟฟฟฟ แล้วดูอาการเขินของคุณช่างเครื่องนั่นสิ นั่นถือเป็นการตอบตกลงใช่มั้ย!! ฮึกฮือ

    ขอบคุณสำหรับฟิคมากๆเลยนะคะ หนังก็ผ่านมาตั้งหลายเดือนแล้ว แต่เพิ่งจะมาเห็นฟิคเรื่องนี้ แง TWT

    Like

  11. เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะอยู่ในลิสท์ฟิคโปรดเลยค่ะ จะบอกว่าเพิ่งได้นั่งดูกัปตันเมื่อวานนี่เอง เพื่อนแนะนำให้ดูก็เลยดู แหมมมมม ใครมันจะคิดล่ะว่าบัคกี้จะน่ารักขนาดนี้อ่า แบบกริ๊ดมากเลยคู่นี้ ><

    Like

  12. Pingback: [Captain America 2 Fic][SteveBucky] The Winter Mechanic (3) | tippuri's blog (◉◞౪◟◉✿)·

  13. สตีฟตอนถอดน๊อตน่าเอ็นดูมากเลยค่ะ โอ้ย 555555
    เป็นฟิคที่น่ารักมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วอมยิ้มตามทั้งเรื่องเลย
    ฟิคของพี่ทิพย์นี่ระดับ 5 ดาวทุกเรื่องเลยจริงๆนะคะ! ❤

    Like

  14. น่ารักมากๆๆเลยค่ะะะะะ TTTATTT น้ามตาจะไหล ทำไมถึงน่าเอ็นดูกันขนาดนี้คะะะะะ ที่ชอบมากนอกจากความน่ารักและกระบรรยายแล้วยังชอบที่คนเขียนรู้จักเอาคำพูดหรือภาพที่เราเคยเห็นมาแล้วมาใช้ ภาพมันเลยยิ่งชัดค่ะะะ แงงง ที่บัคกี้ปิดปากไว้ก่อน หรือ คำที่ว่า who the hell is bucky ไรงี้อ่ะค่ะ ชอบมากเลย~ ขอบคุณนะคะะะ

    Like

  15. เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ คือมันน่ารักม๊ากกก
    ช่วงนี้คลั่งคู่นี้หนักมาก หลังจากดู civil war

    ชอบฟิคน้องทิพย์มากๆค่ะ
    เชียร์แคปให้จีบสำเร็จนะคะ อิอิ >///<

    Like

  16. โอ๊ยยยยน่ารักมากอ่ะพี่ทิพยยยยยย์ฟหฟฟหหกฟฟหฟ บัตกี้แรบบบบ sex appeal รุนแรงมาก ยิ่งถ้าเดินออกมาละขยี้หัวยุ่งๆ เห็นเอวนิดเห็นคอหน่อย ยิ่งกล้ามแบบพอร์นๆ—— โง่ยยยยยยย น่าอุ้มที่สุด. แผนหน้าโง่สมชื่อของสตีๆที่แท้จริง แซมเป็นเพื่อนที่ดี นายไม่โบกสตีฟก่อนเขาลากมอไซค์ไปก็บุญแล้วนะฉะตี๊ฟ จำวรั้ย

    Like

Leave a comment