[Captain America 2 Fic][SteveBucky] The Winter Mechanic (2)

 
 
The Winter Mechanic 
Captain America 2 fanfiction by Tippuri~ii *
 
 

 

    
 

 
 

Pairing:  Steve Rogers x James a.k.a Bucky Barnes
Fandom: Captain America 2 — The Winter Soldier

Type: AU fanfiction…ที่ว้อทดาฟัคมากๆ…แต่ถามจริงเถอะมีอะไรในบล็อกนี้ที่ไม่ว้อทดาฟัคบ้าง????

 
 

 

 * แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้มีแฟนฟิคชั่น BL..ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

 

 

 

 

*********************************
 
 

Chapter 2

 

 

 

 

 

 “แล้วตอนนี้คุณลุงสตีฟได้ไปเดทรึยังล่ะคะ?”

               

 

 

 

 

นี่คือคำถามจากปากหนูน้อยเมแกน โรมานอฟฟ์-บาร์ตันที่กำลังกระโดดเชือกเป็นจังหวะช้าๆ ตามที่คุณอาแซม วิลสันไกวให้อยู่ ตอนนี้เด็กหญิงวัยสิบขวบต้องมาค้างบ้านเพื่อนของผู้เป็นแม่เป็นเวลาสี่วันเพราะสองสามีภรรยาโรมานอฟฟ์-บาร์ตันมีทริปเรื่องงานและจำเป็นต้องบินด่วนไปบูดาเปสต์แบบสายฟ้าแล่บ…ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับทั้งแซมและสตีฟเลยเพราะหนุ่มโสดทั้งสองนี้ต่างก็เอ็นดูสาวน้อยผมแดงคนนี้อยู่แล้ว

               

 

 

 

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นาตาชาฝากลูกสาวของตนให้สองหนุ่มช่วยดูให้…เพียงแต่ว่าวันนี้แปลกไปกว่าทุกทีตรงที่สตีฟ โรเจอร์สไม่ได้อยู่เล่นด้วยอย่างทุกที ทำให้ปลายเชือกอีกด้านต้องถูกผูกไว้กับต้นไม้แทน…แต่ในเมื่อมันก็ยังเล่นได้ไม่มีปัญหาและคุณอาแซมได้ขายเรื่องเพื่อนพยายามจีบหนุ่มช่างเครื่องให้สาวน้อยฟังจนหมดสิ้นแล้ว เมแกนจึงไม่ได้น้อยใจอะไรนัก…แถมยังสนุกด้วยซ้ำในการได้จินตนาการคุณลุงสตีฟผู้แสนใจดีขี้อายพยายามทำให้รถสุดห่วงของตัวเองพังนิดๆ หน่อยๆ แล้วลากมันไปที่อู่ซ่อม

               

 

 

 

 

“ยังเลย” แซมส่ายหน้า แกว่งเชือกให้เป็นจังหวะเอื่อยๆ

               

 

 

 

 

“แต่คุณบัคกี้เขาก็ดูโอเคแล้วนี่คะ?” เมแกนมุ่นคิ้วนิดๆ “หรือว่าไม่โอเค?”

               

 

 

 

 

“นั่นแหละประเด็น” หนุ่มผิวสีถอนหายใจ…เพราะตามที่สตีฟเล่า บัคกี้แค่พูดว่าตัวเองไม่เคยมีใครมาชวนไปเดทเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าตนจะไปหรือไม่ไปตามคำชวนของเพื่อนผมทองของเขา “นี่แหละที่เรียกว่าคุยกันจบแต่ไม่มีใครรู้เรื่องสักคนของจริงเลย”

               

 

 

 

 

“ถ้างั้น…” เสียงของสาวน้อยขาดช่วงเพราะเธอสูดลมหายใจแล้วออกแรงกระโดด ก่อนจะพูดต่อเมื่อเท้าเหยียบพื้นอีกครั้ง “ถ้างั้น…วันนี้ลุงสตีฟจะไปเจอคุณบัคกี้ทำไมล่ะคะ?”

               

 

 

 

 

แซมหัวเราะหึหึเมื่อคิดถึงเพื่อนซี้และการลงทุนในวันนี้ของเจ้าตัว…ก่อนจะตอบเด็กหญิง

               

 

 

 

 

“…ก็ไปทวงคำตกลงน่ะสิ”

 

 

 

 

 

 

 

* * * * *

 

               

 

สตีฟ โรเจอร์สรู้ตัวว่าตนไม่ใช่คนที่ได้ชื่อว่าโชคดีอะไรนัก…แต่ในวันนี้ มันเหมือนกับว่าความอับโชคทั้งหมดทั้งปวงที่เขาจะพึงเจอได้มารุมกันบดบังเรื่องดีๆ ราวกับเมฆหมอกหนาทึบที่ทำให้วันมืดครึ้มไปหมดเสียจริง

               

 

 

 

 

เพราะการลงทุนที่เลื่อนขั้นมากขึ้น…กว่าชายหนุ่มจะลากเจ้าดูคาติคันใหญ่มาจนถึงอู่วินเทอร์เมคานิคได้ก็เล่นเอาหอบแฮ่กแล้ว แถมพอมาถึง…เขาก็ต้องนั่งรอเป็นชาติเพราะคิวก่อนหน้าเป็นรถสิบล้อคันเบ้อเริ่มที่พ่นควันโขมง สตีฟร่ำๆ จะหลับคาตรงม้านั่งรอที่จัดไว้ให้ตรงที่ว่างข้างบันไดขึ้นไปตรงส่วนบ้านของคุณช่างเครื่องแล้วตอนที่ชายหนุ่มผมสีเข้มโผล่มายืนตรงหน้าตอนไหนก็ไม่รู้

               

 

 

 

 

“ขอโทษที่ให้รอนะ…รถนายเป็นอะไรเหรอ?”

               

 

 

 

 

สตีฟสะดุ้งจากอาการเคลิ้มหลับ…และก็แอบปลื้มโง่ๆ เองไม่ได้กับคำทักทายที่แต่ก่อนไม่เคยมี ก่อนจะเตะตัวเองให้หายบ้าในใจแล้วเริ่มต้นเอ่ยคำ…ยิ้มอ่อนโยนตามนิสัยระบายบนเรียวปากอย่างไม่รู้ตัว

               

 

 

 

 

“เอ่อ…รถฉันมัน…” พูดก็พูดเถอะ…เขายังคงอยากจะร้องไห้กับการลงทุนครั้งนี้ของตัวเองอยู่เลย แต่ช่วยไม่ได้ในเมื่อมันจำเป็นจริงๆ “…ยางแบนน่ะ ดูให้หน่อยได้มั้ยว่าต้องเปลี่ยนยางรึเปล่า?”

               

 

 

 

 

คุณช่างเครื่องพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเริ่มต้นเดินไปสำรวจล้อหลังของมอเตอร์ไซค์ของเขาอย่างเงียบๆ เหมือนทุกที…ทำให้คนที่ลงทุนเจาะยางรถตัวเองได้รับสิ่งปลอบใจเล็กๆ น้อยๆ เป็นโอกาสในการแอบมองอีกฝ่ายแบบเต็มที่ วันนี้บัคกี้ก็ยังคงสวมเครื่องแต่งกายเรียบๆ เหมือนทุกครั้ง…เสื้อยืดสีเขียวขี้ม้ากับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม แต่ผ้าเนื้อนิ่มที่แนบไปกับตัวและคอเสื้อที่เป็นรูปตัววีนี่ก็ทำให้สตีฟรู้สึกหาที่วางสายตาได้ยากอีกแล้ว

               

 

 

 

 

“นี่ ได้ยินฉันไหมน่ะ??”

               

 

 

 

 

ชายหนุ่มผมทองหันจากการนับขั้นบันไดเพื่อสงบจิตใจมาตามต้นเสียง…สบตากับดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่มองมาอย่างเบื่อๆ เนือยๆ เหมือนแรคคูนเซ็ง จึงได้แต่ยิ้มแหะๆ แล้วพูดความจริงเสียงจ๋อย “ง่า…ไม่น่ะ นายพูดว่าไงนะ?”

               

 

 

 

 

บัคกี้ถอนหายใจแบบไม่ปิดไม่บัง แต่ก็คงจะชินแล้วกับอะไรแบบนี้จากเจ้าหนุ่มตรงหน้าตน…เลยพูดซ้ำ “ฉันบอกว่ายางรถนายจะปะก็ได้นะ แต่คงต้องรอนาน…วันนี้เปลี่ยนยางอะไหล่ไปก่อนแล้ววันอื่นค่อยกลับมาเอาตัวจริงคืนไปดีมั้ย?”

               

 

 

 

 

นี่เป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่อีกฝ่ายเคยพูดกับสตีฟ เป็นความจริงที่สุดในสถานการณ์ที่รถบรรทุกคันก่อนหน้าก็ยังซ่อมไม่ได้ที่เลยแบบนี้ และเป็นข้อเสนอที่ยื่นโอกาสในการมาอู่วินเทอร์เมคานิคนี่ให้เขาได้อีกรอบแบบสวยๆ เลยทีเดียว…สตีฟ โรเจอร์สจึงรู้สึกในนาทีนั้นว่าเมฆหมอกแห่งความโชคร้ายของตนอาจจะเริ่มจางลงแล้วก็ได้ ชายหนุ่มเลยขอบคุณฟ้าดินในใจแล้วพยักหน้า พยายามอย่างยิ่งในการเม้มปากเพื่อกลั้นยิ้มกว้างโง่ๆ ที่ตนรู้ดีว่าจะระบายเต็มหน้าแน่ๆ ถ้าเผลอตัว

               

 

 

 

 

เมื่อเห็นว่าคุณลูกค้าตกลง…คุณช่างเครื่องก็จัดแจงไปเอาอุปกรณ์ทำงานและยางอะไหล่มา ซึ่งก็ตามประสาคนพอซ่อมรถเป็น…สตีฟขยับเข้าไปช่วยอีกฝ่ายยกตัวรถให้ลอยขึ้นแล้ววางขาตั้งเข้าไปยันไว้เพื่อจะได้ถอดยางเก่าออกมาได้ บัคกี้ไม่ได้พูดขอบคุณอะไรกับการช่วยเหลือนี้…คุณช่างเครื่องทำหน้าตาเฉยเมยติดจะบึ้งตึงเป็นกรัมปี้แรคคูนอย่างทุกทีตลอดกระบวนการเปลี่ยนยางรถ สตีฟมองคนที่ตั้งใจทำงานแล้วก็ได้แต่ขยับตัวยุกยิกแบบไม่รู้จะทำไงต่อดี…แต่เมื่อคิดๆ แล้วเห็นว่าการยืนค้ำศีรษะอีกฝ่ายคงเป็นเรื่องไม่เหมาะนัก ร่างสูงใหญ่ทรุดตัวลงนั่งบ้าง

               

 

 

 

 

บัคกี้ที่หันข้างให้เขาขยับกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งตอนที่เปลี่ยนยางเส้นใหม่เข้าวงล้อแล้วเรียบร้อย สตีฟหยัดตัวมานั่งกึ่งๆ คุกเข่าตามอีกฝ่ายเพื่อช่วยในการยึดจับเจ้าดูคาติไว้ให้ไม่โงนเงนระหว่างการใส่วงล้อเข้าไปใหม่…ความช่วยเหลือที่ไม่ได้รับคำขอบคุณอีกแล้ว

               

 

 

 

 

ขยับไปมานิดๆ หน่อยๆ…แล้วสุดท้าย ล้อของเจ้ามอเตอร์ไซค์คันงามนี่ก็หมุนเป็นวงได้อย่างปกติ สตีฟมองตรงไป…เส้นเงินบางเฉียบของซี่ล้อที่ทาบทับกันมากมายอาจทำให้ไม่เห็นได้ชัดเจน แต่ไม่ได้บดบังภาพของวงหน้าของบัคกี้ บาร์นส์ที่อยู่อีกด้านไปเลยสักนิด…แสงและเงาของซี่ล้อที่ตกกระทบบนผิวแก้มนั้นเปลี่ยนไปตามจังหวะการหมุน ทำให้สีน้ำเงินของดวงตาดูเข้มและอ่อนต่างกันไปในแต่ละเสี้ยววินาที

 

 

 

 

 

…และความจริงที่ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ใกล้กันจนเขาสามารถรับรู้ถึงทุกเฉดสีและความสงบนิ่งหากสั่นระริกของนัยน์ตาตรงหน้าก็ทำให้ประสาทส่วนการตระหนักรู้ของสตีฟติดขัดเหมือนมีกระแสไฟฟ้าเกินพอดีแล่นปราดเข้ามา

 

 

 

 

 

บัคกี้เองก็สบสายตาเขาผ่านช่องว่างเล็กน้อยหากมากมายที่กั้นกลางระหว่างกันอยู่…สตีฟสาบานได้ว่าเขาเห็นความสงบนิ่งในดวงตาสีน้ำเงินนั่นค่อยๆ ปริร้าวลง ซึ่งเจ้าตัวเองก็คงจะรับรู้เช่นกัน…เพราะวินาทีถัดมา บัคกี้ บาร์นส์ก็ลุกพรวดขึ้น ก้าวฉับๆ ไปทางรถบรรทุกคันเดิม

 

 

 

 

 

“…ค่าซ่อมไว้รอวันนายมารับยางเดิมนะ”

 

 

 

 

 

ชิงพูดเสียงตวัดห้วนใส่ทุกประโยคที่สตีฟคิดจะเอ่ย…ทิ้งชายหนุ่มผมทองไว้กับหัวใจที่สับสนและคำชวนไปเดทที่ไร้การตอบรับยืนยันเช่นเดิม

 

 

 

 

 

 

 

* * * * *

 

 

 

“โอ๋ๆ…อย่าเศร้าไปนะคะคุณลุงสตีฟ”

 

 

 

 

 

สาวน้อยเมแกนที่กำลังขี่จักรยานอยู่เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่เดินอยู่ข้างๆ ตนพร้อมพูดปลอบใจหลังได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกโตเป็นครั้งที่เกินจะนับแล้วในการออกมาขี่จักรยานเล่นเช้านี้ คำปลอบใจทำให้สตีฟลืมความรู้สึกหงอยๆ ในหัวใจไปได้ชั่วครู่…ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีแดงเหมือนแม่ของสาวน้อยเบาๆ แทนการขอบคุณ

 

 

 

 

 

“ลุงไม่ได้เศร้าหรอกเมแกน…” ปากพูดอย่างนี้ แต่เจ้าตัวก็ถอนหายใจอีกเฮือกซ้ำแบบโต้แย้งตัวเองสุดๆ “ลุงแค่…ไม่เข้าใจเขา…”

 

 

 

 

 

“นั่นแหละค่ะ…ก็โอ๋ๆ หมดแหละค่ะ” สาวน้อยสะบัดหน้าเล็กน้อยให้ปอยผมสีแดงสว่างยาวสลวยไม่บังตา ก่อนจะพยายามชี้แจงถึงความเป็นไปได้อื่น “คุณบัคกี้เขาอาจจะกำลังเหนื่อยอยู่ ไม่ก็กำลังเครียดเรื่องซ่อมรถบรรทุกคันนั้นก็ได้นะ…เลยไม่ว่างคุยกับลุงสตีฟไงคะ”

 

 

 

 

 

สตีฟได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ ตอบสาวน้อย…เพราะเขาไม่ได้เล่าเรื่องไปจนถึงส่วนของวินาทีสั้นๆ ที่สายตาของตนและบัคกี้สบประสานกันผ่านช่องว่างเล็กน้อยมากมายของวงล้อรถ จึงไม่น่าแปลกใจที่เมแกนจะให้คำปลอบใจแบบไม่คิดมากอย่างนี้…และถึงจะหนักใจแค่ไหน สตีฟก็อยากเก็บวินาทีสั้นๆ ที่ตนได้มีกับคนที่แอบชอบไว้ให้เป็นเรื่องที่ตัวเองเท่านั้นที่รู้…ทำให้เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับคำกับสาวน้อยโดยดี

 

 

 

 

 

“ลุงสตีฟคะ…นั่นใช่บ้านคุณบัคกี้รึเปล่า?”

 

 

 

 

 

คำถามนี้ดึงสติของชายหนุ่มผมทองกลับมาได้ไว้ยิ่งกว่าโดนไฟจี้ ก่อนจะพบว่าการเดินเล่นครั้งนี้ดำเนินมาในทิศทางที่ตนไม่ได้ตั้งใจหากจิตใต้สำนึกก็เคยชินไปแล้ว…และถัดจากตรงนี้ไปอีกในระยะของเขตบ้านไม่กี่หลังข้างหน้าก็คืออู่วินเทอร์เมคานิคของบัคกี้ บาร์นลส์ มนุษย์ที่กำลังทำให้เขารู้สึกหงอยๆ สุดชีวิตอยู่แบบนี้นี่เอง

 

 

 

 

 

“ชะ ใช่เลยเมแกน…” มือใหญ่จับแฮนด์จักรยานเพื่อรั้งสาวน้อยเอาไว้ “อย่าไปต่อเลย รีบกลับบ้านเราดีกว่า…”

 

 

 

 

 

เมแกนขยับแฮนด์จักรยานยุกยิกเพื่อให้หลุดจากการรั้งของคุณลุงหากก็ยอมหยุดรถนิ่งๆ…แต่ไม่ได้หมายความสาวน้อยจะยอมไม่กล่าวอะไรสักหน่อย “ทำไมล่ะคะ? เข้าไปดูหน่อยสิคะ…เผื่อจะได้คุยกันไง…”

 

 

 

 

 

ประโยคขาดหายเพราะสองลุงหลานต้องรีบขยับมาหลบหลังต้นไม้ใหญ่…ด้วยตอนนี้คุณช่างเครื่องได้เดินออกมาตรงลานกว้างหน้าอู่ เมแกนแอบโผล่หน้าไปดูนิดนึงก่อนจะผลุบกลับมา

 

 

 

 

 

“นั่นคุณบัคกี้ใช่มั้ยคะ?”

 

 

 

 

 

สตีฟผู้รู้ดีว่าอู่นี้มีคนทำงานอยู่คนเดียวสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนพยักหน้า “ใช่…นั่นล่ะบัคกี้”

 

 

 

 

 

สาวน้อยยิ้มร่าเริงออกมา “งั้นก็เข้าไปทักสิคะ”

 

 

 

 

 

“ไม่ล่ะ…” สตีฟส่ายหน้ารัวๆ “ไม่ดีกว่า…เขาอาจจะไม่อยากเจอลุง…”

 

 

 

 

 

“ก็ถ้าลุงบอกว่าไม่แน่ใจว่าคุณบัคกี้โกรธลุงรึเปล่า…ก็ต้องลองเข้าไปคุยๆ ดูสิคะว่าจริงมั้ย” เมแกนชี้แจงอย่างมีเหตุมีผลด้วยเสียงสบายๆ…มือเล็กๆ ตบท่อนแขนที่แข็งแรงด้วยมัดกล้ามของคนเป็นลุง “จะได้เลิกถอนหายใจซะทีไงคะ…ไม่ดีเหรอ?”

 

 

 

 

 

สตีฟทำตัวได้ขัดแย้งกับประโยคสุดท้ายนี้เป็นที่สุดด้วยการถอนหายใจเฮือกโตออกมาอีก…แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้สิ่งที่สาวน้อยพูดคือสิ่งที่เขาเองก็คิดมาแต่แรกแล้วว่าน่าจะทำ การกระทำของชายหนุ่มผมสีเข้มทำให้เขางงงวย…เพราะงั้นมันคงดีกว่าถ้าจะได้รู้สักหน่อยว่าอีกฝ่ายไม่พอใจอะไรตนอย่างจริงๆ จังๆ หรือเปล่า

 

 

 

 

 

สตีฟจึงพยักหน้าในที่สุด…แต่สีหน้าที่เริ่มดีขึ้นมานิดหน่อยแล้วก็หม่นลงเมื่อนึกได้ถึงความจริง

 

 

 

 

 

“แต่จะเข้าไปคุยได้ไง…ลุงไม่ได้เอารถมาให้เขาซ่อมสักหน่อย…”

 

 

 

 

 

คราวนี้เป็นเมแกนบ้างแล้วที่ถอนหายใจ แต่ดูแล้วไม่ได้หงอยๆ อย่างสตีฟเลย…เพราะมันเป็นการถอนหายใจที่มาพร้อมรอยยิ้มยิงฟันอย่างซุกซนและการขยับตัวลงจากจักรยานของตนมายืนบนพื้นดีๆ แทน

 

 

 

 

 

 

 

* * * * *

 

 

“หวัดดี…”

 

 

 

 

 

บัคกี้ บาร์นส์เงยหน้าขึ้นจากการกวาดใบไม้ตรงลานหน้าอู่เพื่อมองหาต้นเสียงที่คุ้นหูนี้…ก่อนจะพบตัวคนพูดยืนยิ้มอย่างเกรงใจอยู่ไม่ห่างออกไปนัก…ข้างๆ ร่างสูงใหญ่คือเด็กหญิงตัวผอมบาง ผมสีแดงสว่างยาวล้อมกรอบหน้ารูปหัวใจ…ส่งให้ผิวแก้มสีน้ำนมนั้นดูขาวใสกว่าเก่า

 

 

 

 

 

“ว่าไง?”

 

 

 

 

 

คุณเจ้าของอู่ตอบรับคำทักของเขาด้วยประโยคห้วนๆ เจ้าประจำ…แต่อย่างน้อยท่าทางที่เป็นแค่กรัมปี้แรคคูนระดับปกติไร้ความหมางเมินเย็นชาเพิ่มเติมมาก็ทำให้สตีฟใจชื้น ยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดอย่างพยายามยื่นไมตรีตอนเอ่ยเหตุผลที่ตนใช้ในการจะมาหาเรื่องคุยกับคนตรงหน้าในวันนี้

 

 

 

 

 

“ง่า…นายพอจะซ่อมจักรยานได้มั้ย?” พยักเพยิดไปที่จักรยานสีขาวคันเล็กที่ตนลากมา “คือจักรยานหลานฉัน…โซ่มันคงหลุดมั้ง…”

 

 

 

 

 

เมแกนพยักหน้าสนับสนุน แต่เอื้อมมือมาจับมือข้างที่ว่างของสตีฟไว้แน่น…สัญญาณที่บอกให้เขาโกหกให้มันเนียนๆ หน่อย

 

 

 

 

 

บัคกี้มองหน้าเขา หน้าสาวน้อย จักรยานสีขาว แล้วก็กลับมามองหน้าเขา…สายตาสงบนิ่งที่ติดๆ จะบึ้งตึงนิดๆ แบบนี้ทำให้สตีฟแอบสติแตกชอบกลเพราะรู้สึกเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจับได้ว่าเขาปั้นน้ำเป็นตัวทั้งเพ(อย่างที่กำลังทำอยู่จริงๆ) เลยพยายามยิ้มให้อย่างทำใจดีสู้แรคคูน…แอบสังเกตว่าวันนี้บัคกี้ดูแปลกตาไปด้วยผ้ากันเปื้อนเรียบๆ สีดำสนิทที่เจ้าตัวสวมทับเสื้อยืดขาวกับกางเกงยีนไว้อยู่ ผมยาวนั่นถูกมัดลวกๆ ไว้สูงแทนแค่ระต้นคอ…ทำให้มันดูเหมือนจุกยุ่งๆ มากกว่าผมทรงหางม้าอย่างที่ควร แต่ก็ส่งให้อีกฝ่ายดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นบ้าในยามที่เจ้าตัวยืนกอดไม้กวาดกวาดใบไม้อยู่แบบนี้

 

 

 

 

 

ความเงียบที่ทิ้งตัวแค่ไม่กี่นาทีนั้นยาวนานเหมือนศตวรรษในความรู้สึกของคนมีชนักปักหลังอย่างสตีฟ…แต่ในที่สุด บัคกี้ บาร์นส์ก็พยักหน้า พูดประโยคสั้นๆ ที่ทำให้ชายหนุ่มผมทองดีใจมากจนน่าหัวเราะ

 

 

 

 

 

“มาสิ…เดี๋ยวฉันดูให้”

 

 

 

 

 

 

 

* * * * *

 

 

 

คงเพราะการซ่อมจักรยานไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรในสายตาเจ้าตัว…คุณช่างเครื่องเลยเดินนำและชี้บอกให้สตีฟจอดจักรยานตรงพื้นที่หน้าโรงจอดรถก็พอแล้ว ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นแล้วทำการสำรวจอาการของเจ้าโซ่ตัวปัญหาหลังเอาเครื่องมือที่ต้องการจะใช้มาอยู่ใกล้มือหมดแล้ว

 

 

 

 

 

ความเงียบทิ้งตัวระหว่างพวกเขาอีกครั้งเพราะเมแกนได้ขออนุญาตคุณช่างเครื่องเข้าไปเดินดูภายในโรงรถแล้วเรียบร้อยและสตีฟก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร เขาเลยแค่ทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิข้างๆ บัคกี้…ทำเป็นมองไปทางอื่นในขณะที่จริงๆ แล้วใช้หางตาในการแอบมองเจ้าตัว ในประกายแดดยามสายแบบนี้…สตีฟพบว่าเส้นผมสีเข้มของอีกฝ่ายแท้จริงแล้วเป็นสีบรูเนตต์เข้ม สีน้ำตาลไหม้อมแดงนิดๆ นี้ตัดกันกับนัยน์ตาหากก็เข้ากันได้อย่างน่าประหลาด…ดวงตาสีน้ำเงินลึกล้ำที่จ้องแน่วแน่ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกเหลือแค่ตนเองกับงานในมือเท่านั้น

 

 

 

 

 

ทำให้สตีฟกล้าเอ่ยคำเอาก็ตอนที่บัคกี้สูดลมหายใจเข้าและออกลึกๆ พร้อมหยัดตัวให้คลายความเมื่อยขบนั่นเลยทีเดียว

 

 

 

 

 

“เอ่อ…เมื่อวานน่ะ…”

 

 

 

 

 

ดวงตาโตคู่นั้นเบือนมามองเขา เลิกคิ้วนิดๆ “เมื่อวานทำไม?”

 

 

 

 

 

“ฉัน…” สตีฟพยายามเรียบเรียงคำให้ฟังแล้วนุ่มหูและไม่ชวนให้อึดอัดใจที่สุดในการถาม “ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจรึเปล่า…คือฉันรู้สึกน่ะว่านายอาจไม่ชอบใจอะไรสักอย่าง โทษทีนะถ้าฉันทำอะไรไม่ดีไป…แต่ฉันไม่รู้จริงๆ”

 

 

 

 

 

บัคกี้ไม่ได้ตอบในทันที…การนิ่งไปบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงกำลังคิดอยู่ ก่อนที่ประกายของการนึกออกจะฉายแว่บในแววตา…ตามมาด้วยประโยคเรียบๆ

 

 

 

 

 

“อ๋อ…ไม่มีอะไรหรอก”

 

 

 

 

 

“แต่นายลุกพรวดไปเลยนะ” สตีฟเผลอพูดตรงๆ ออกไป ก่อนจะรีบเสริม “คือ…อยู่ๆ นายก็เดินไปเลยน่ะ ฉันเลยคิดว่าตัวเองทำอะไรให้นายโกรธรึเปล่า…”

 

 

 

 

 

“ไม่”

 

 

 

 

 

แล้วบัคกี้ก็ถอนหายใจเล็กๆ…คราวนี้ดูไม่ใช่เพราะรู้สึกไม่พอใจหรือเซ็งอะไร แต่เหมือนหน่ายใจกับตัวเองมากกว่า แล้วในที่สุด…เสียงทุ้มก็พูดเบาๆ หากไม่สะดุดเลย

 

 

 

 

 

“คือ…” เรียวปากสีสดนั่นเม้มเข้าหากันและยกขึ้นนิดๆ…เหมือนกับตอนที่บอกเขาเรื่องคำชวนไปดื่มกาแฟเป๊ะๆ “…ฉันแค่ไม่เคยโดนมองหน้าแบบนั้นมาก่อนเลยน่ะ”

 

 

 

 

 

บัคกี้หันกลับไปมองแค่งานในมืออีกครั้งทันทีที่กล่าวจบ…ริมฝีปากยังคงเม้มเข้ากันเป็นการบอกให้รู้ว่าตนจะไม่พูดอะไรอีกทั้งนั้น ซึ่งสตีฟก็ไม่มีแก่ใจจะไปว่าอะไรอีกฝ่ายทั้งนั้น…เพราะเขาเองก็กำลังเม้มปากตัวเองไม่ให้อ้าค้างเป็นรูปตัวโอจากทั้งคำพูดที่ได้ฟัง กริยาที่ได้เห็น และอีกสิ่งที่โผล่มาดึงความสนใจและทำให้ฉงนว่าตนมองผิดไหมอยู่

 

 

 

 

 

นั่น…เขาไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม…

 

 

 

 

 

แต่ก่อนที่สตีฟจะได้สังเกตให้ชัดขึ้นหรือรุกพูดอะไรต่อ…เสียงใสๆ ของเมแกนก็ดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัววิ่งเข้ามา หน้าตามู่ทู่อย่างเสียใจ

 

 

 

 

 

“คุณลุงสตีฟ…คุณอาแซมเพิ่งโทรมาค่ะ” เมแกนมีโทรศัพท์มือถือราคาแพงติดตัวแล้วเพราะนาตาชาและคลินท์วางใจในสามัญสำนึกของลูกสาว…และเด็กหญิงก็ไม่เคยทำให้ทั้งสองผิดหวัง “คุณอาบอกว่าคงไปกับเราพรุ่งนี้ไม่ได้แล้ว…มีบรรยายพิเศษที่กรมทหารผ่านศึกค่ะ”

 

 

 

 

 

สิ่งที่เด็กหญิงพูดถึงคือแผนการไปเที่ยวสวนสัตว์ในวันพรุ่งนี้ตามโควต้าตั๋วฟรีที่นาตาชาหามาได้เพราะหญิงสาวรู้ว่าเมแกนอยากดูหมีแพนด้าที่สวนสัตว์ประจำเมืองได้ตัวมาจัดแสดงในช่วงนี้…ตั๋วที่ว่านี้มีสามใบ แต่ท่าทางคงจะได้ถูกทิ้งให้เหลือเป็นแน่แท้แล้วในเมื่อแซมมามีงานเข้ากะทันหันแบบนี้

 

 

 

 

 

“งั้นก็ช่วยไม่ได้นะ” สตีฟยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบๆ หัวเมแกนเพื่อปลอบใจ พูดเสียงอ่อน “เราไปดูแพนด้ากันสองคนก็ดะ—”

 

 

 

 

 

ประโยคขาดหายดื้อๆ เพราะจู่ๆ ก็มีสัมผัสของปลายนิ้วที่ไม่คุ้นเคยตะปบหมับลงมาที่แขนอีกข้างของเขา…มันจับแน่น ติดตามมาด้วยคำถามที่เสียงถูกกดต่ำแข็งขึงและเชื่องช้า

 

 

 

 

 

“นาย…พูด…ว่า…แพนด้า…เหรอ…???”

 

 

 

 

 

สตีฟคงดีใจยกใหญ่แล้วที่ได้ถูกคุณช่างเครื่องจับไม้จับมือถ้าไม่ติดว่าเขากำลังอยากสะดุ้งโหยงอยู่กับกริยาปุบปับนี้อยู่ แต่ก็ยิ้มนุ่มๆ พร้อมเอ่ยอย่างอ่อนโยนตามนิสัยใจดี “ใช่…นี่พวกเรามีตั๋วฟรีน่ะ กะจะไปดูกันพรุ่งนี้…แต่เพื่อนฉันเขาคงไปไม่ได้แล้ว”

 

 

 

 

 

บัคกี้ดูจะรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปเอาในนาทีนี้…จึงรีบหดมือออกจากแขนเขา พึมพำเสียงเบา “โอเค…โทษทีนะ…”

 

 

 

 

 

เมแกนเอียงคอนิดๆ แล้วถามอย่างมีน้ำใจ “คุณบัคกี้ชอบแพนด้าเหรอคะ?”

 

 

 

 

 

คนถูกถามยิ่งก้มหน้าให้ปอยผมร่นๆ มาปรกตา พูดเสียงเบายิ่งกว่าเดิมตอนตอบ

 

 

 

 

 

“…มากๆ”

 

 

 

 

 

หัวใจของสตีฟโลดขึ้น…แต่สมองแบบผู้ใหญ่ที่ต้องคิดคำนึงถึงความเหมาะสมต่างๆ นาๆ มากมายก็รั้งให้เขาเอ่ยคำที่อยากเอ่ยออกไปไม่ได้ ผิดกับสมองแบบเด็กน้อยที่ใส่ซื่อจนไม่ใส่ใจข้อควรระวังจุกจิกใดๆ…เมแกนถามด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

 

 

 

 

 

“งั้นคุณบัคกี้จะมามั้ยล่ะคะพรุ่งนี้? เมแกนมีตั๋วว่างอีกใบแล้วพอดีเลย”

 

 

 

 

 

บัคกี้สบสายตากับดวงตาสีฟ้าของเด็กหญิงนิ่งๆ…ก่อนที่จะเลื่อนไปมองหน้าสตีฟผู้นิ่งเงียบอยู่…คิดอะไรสักอย่างอยู่ชั่วครู่ แล้วสุดท้ายก็พูดเสียงเรียบ

 

 

 

 

 

“ไม่ดีกว่า…สตีฟเขาบอกว่าพวกเธอจะไปกันเองนี่…”

 

 

 

 

 

“ไม่ใช่นะ!”

 

 

 

 

 

คราวนี้เป็นชายหนุ่มผมทองบ้างแล้วที่ทำกริยาปุบปับ…มือใหญ่เอื้อมออกไป คว้าข้อมือสีขาวสะอาดนั่นไว้…เกี่ยวรั้งหากก็ลังเลที่จะเพิ่มแรงด้วยรู้ว่าตนไม่มีสิทธิ์ สองมือจึงค้างเติ่งกลางอากาศ…เติมเต็มความเงียบด้วยเสียงแผ่วค่อย

 

 

 

 

 

“มาเถอะ…” น้ำเสียงนั้นขอร้องมากพอๆ กับแววตา “…ฉันอยากให้นายมา”

 

 

 

 

 

บัคกี้ชะงักนิ่ง…ไม่ได้หน้าแดง ไม่ได้เอ่ยคำปฏิเสธตะกุกตะกักใด…แค่อยู่นิ่งๆ อยู่แบบนั้นชั่วนาที ก่อนที่จะขยับข้อมือเล็กน้อยให้หลุดจากการเกี่ยวรั้ง…กริยาที่ไม่ได้กระแทกกระทั่นหรืออ่อนโยนเป็นพิเศษแต่อย่างใด เช่นเดียวกับเสียงอันราบเรียบที่ตอบมาในที่สุด

 

 

 

 

 

“ถ้างั้น…” ดวงตาสีน้ำเงินช้อนขึ้นมอง “…พรุ่งนี้จะเจอกันกี่โมง?”

 

 

 

 

 

สตีฟมองคนตรงหน้าตน…สังเกตเห็นสิ่งเดิมอีกแล้ว แต่ก็แค่จำไว้ในใจแล้วบอกเวลากับสถานที่นัดให้อีกฝ่ายได้รู้…ก่อนจะกระแอมกระไอ พยายามพูดเสียงสบายๆ ให้แนบเนียนที่สุดตอนยื่นมือถือของตัวเองออกไป

 

 

 

 

 

“ง่า…ขอเบอร์นายไว้ด้วยได้มั้ย…แบบ…พรุ่งนี้ไง…เผื่อหากันไม่เจอ…ได้มั้ย…หรือว่า…”

 

 

 

 

 

บัคกี้ยักไหล่แบบไม่คิดอะไรมากเลยแล้วรับมือถือเขาไป…สตีฟใช้ช่วงที่อีกฝ่ายตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์เบอร์อยู่ในการแอบเขยิบตัวไปชนเด็กหญิงที่ขำคิกคักในลำคอพร้อมทำสายตาอู้อ้าห์ใส่เขาอยู่อย่างหมั่นเขี้ยว

 

 

 

 

 

“ฉันขอยิงเข้าเครื่องฉันนะ?”

 

 

 

 

 

สตีฟพยักหน้าตอบรับเสียงเรียบกริบที่ขออนุญาตตน…ก่อนที่ทั้งชายหนุ่มผมทองและเด็กหญิงผมแดงจะกระพริบตาปริบๆ พร้อมทำหน้าเหลือจะเชื่อใส่กันเมื่อได้ยินริงโทนของคุณช่างเครื่องผู้มีสีหน้าทะมึนราวกรัมปี้แรคคูนตลอดเวลาคนนี้

 

 

 

 

 

“…ชูการ์ รัช??”

 

 

 

 

 

สตีฟพูดออกมาก่อน…เพราะเขาหลอนกับเจ้าเพลงจังหวะแบ๊วนี่ตั้งแต่วันที่นั่งดู Wreck-It Ralph กับเมแกนและเล่นเกมส์ตามหนังกับเธอแล้ว ไม่ใช่ว่าเพลงนี้ไม่เพราะอะไรหรอก…แต่มันเป็นเพลงสุดท้ายในโลกเลยที่สตีฟจะคิดว่าเป็นริงโทนของหนุ่มกรัมปี้แรคคูนตรงหน้าตน

 

 

 

 

 

“ฉะ ฉัน…” ริมฝีปากสีแดงเรื่อถูกเม้มเข้าหากันและยกขึ้นนิดๆ อีกแล้ว เสียงก็เบาหวิวแต่กดต่ำและฟึดฟัดแบบพร้อมโจมตีกลับแน่ถ้าได้ยินคำวิจารณ์ไม่ถูกหู “…ฉันชอบรถแข่ง”

 

 

 

 

 

ด้วยมารยาทที่ดี…สาวน้อยและหนุ่มผมทองแค่พยักหน้ารับหงึกๆ เท่านั้นและพยายามสุดชีวิตในการไม่ขำออกมากับความน่ารักนี้ และในระหว่างทางที่กลับบ้าน…สตีฟก็ได้ใช้เวลาในการเรียบเรียง แล้วก็สรุปอย่างมั่นใจได้จากภาพจากทุกช่วงนาทีที่ตนได้เห็น…ภาพใบหูที่ถึงจะถูกซ่อนไว้ใต้เรือนผมสีเข้มที่ปรกทับแต่เขาก็เห็นมันได้อยู่ดี ภาพใบหูที่จะขึ้นสีจนแดงแปร๊ดแทนแก้มทุกทีที่เจอเรื่องที่ทำให้เขิน

 

 

 

 

 

ไม่ใช่คนที่เวลาเขินจะหน้าแดง…แต่เป็นคนที่เวลาเขินจะหูแดงเหรอเนี่ย…

 
 
 
 
 
 
 
 
 
ซึ่งสตีฟก็ไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้เขาดีใจได้มากกว่ากัน…ระหว่างการที่ได้มั่นใจกับข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ แต่แสนสำคัญแบบนี้ การที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธเขา การที่พรุ่งนี้กำลังจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน หรือข้อเท็จจริงที่ว่า…ในทุกบทสนทนาที่ทำให้ตัวเขารู้สึกเขินเองอยู่ในใจนั้น…ใบหูของบัคกี้ บาร์นส์เองก็แดงแปร๊ดไปด้วยหมดทุกครั้งเช่นกัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
tbc.
 
************************************
 
 
 
note:
 
น้องเมแกนเป็นมโนของทิพย์เองล้วนๆค่ะถถถถถถ ไม่ได้มีตัวตนในคอมิคหรืออะไรใดๆของมาร์เวลเลยนะคะ ทิพย์แค่คิดว่าถ้านาตาชากับคลินท์มีลูก อยากให้เป็นลูกสาวค่ะ 
 
ได้อิมเมจน้องเมแกนมาจากอาบิเกล เบรสลินช่วงเขาสิบขวบค่ะ เนี่ยๆในรูปเลย(รูปไม่ค่อยชัดนะคะซอรี่ฟฟฟฟ) น่ารักมากๆๆๆๆเลย ><
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
โฮรก สวัสดีค่ะ
 
 
 
แฮร่ ตอนสองแล้วล่ะ…………………………..
 
 
 
…………………….
 
 
 
…….หัวโล่งชอบกลค่ะฟฟฟฟ นึกเรื่องจะทอล์คไม่ออกเลยแงงงงงง
 
 
 
 
แต่ก่อนอื่น ขอบคุณพี่เอ้ @ kumawind ที่สุดในสามโลกหล้าและกองทัพเรืออร่ามงามตาค่ะฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกด เพราะพี่เอ้อุตส่าห์วาดรูปให้ฟิคอันแสนสติแตกเรื่องนี้แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นี่เลยค่ะฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
 
 
 
 
 
 
 
น่ารักมากมายหัวใจจะพังค่ะโฮรววววววววววววววว ขอบคุณมากนะคะพี่เอ้แงๆๆๆๆๆๆ //กอดแบบปลาหมึกยักษ์
 
 
 
 
ไม่แปลกถ้าใครจะคิดว่าฟิคเรื่องนี้ให้ฟีลลิ่งเหมือนเป็นญาติกับฟิคใบขับขี่มาก…ทิพย์เขียนเองยังรู้สึกเลยค่ะถถถถถ แถมแลดูแล้วความยาวของเรื่องก็คงจะคล้ายๆกันด้วยล่ะ ; v ; รอติดตามกันต่อไปนะคะ
 
 
 
 
ขอบคุณทุกคนที่เข้าไปทวิตหาทิพย์ผ่านแท็ก #tippurific นะคะ …อันนี้อาจฟังดูน่ารำคาญ ; x ; แต่ถ้าใครสะดวก รบกวนแปะลง wordpress ได้ทิพย์จะขอบคุณมากๆๆๆๆค่ะ เพราะทิพย์เพิ่งพบว่าพอทวิตมันเก่ามากๆ…มันขุดแท็กกลับไปไล่อ่านไม่ได้ แล้วทิพย์อยากเก็บคอมเมนต์ของทุกคนไว้ค่ะ มันล้ำค่าสำหรับทิพย์มากจริงๆ T///3///T แต่ถ้าไม่สะดวกก็ติดแท็กต่อไปก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ชุบุ
 
 
 
 
 
 
 
 
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและ brace yourselves my dear readers mutants are coming ค่ะฟหกดฟกดฟหก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ทิพย์เอง
 
 
 
 
 
 
 

83 responses to “[Captain America 2 Fic][SteveBucky] The Winter Mechanic (2)

  1. อร้ายยยยยยย บัคกี้ชอบแพนด้าน่ารักมวากกกกกกก ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ส่วนลุงสตีฟสุดขี้อายก้มุ้งมิ้งไม่แพ้กัน ถ้าไม่มีตัวช่วยป่านนี้คงไม่ไปไหนแล้ว อิอิ เปนกำลังใจให้คร่าาาาา

    Like

  2. โอ๊ยอ่านสองตอนรวดแล้วขออนุญาต ฟหกฟดฟกดฟฟด ค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟ
    แงงงงงน่ารักไปแล้วบัคกี้ ลุงสตีฟคะลุงสตีฟฟฟเขินอายได้น่ารักมาก โฮY///q///Y
    รอลุ้นว่าไปเที่ยวแล้วเป็นยังไงบ้าง<3

    Like

  3. หนูเมแกนนนนนนน กามเทพตัวน้อยชัดๆๆๆๆๆ
    บัคกี้ชอบหมีแพนด้าาาาา มุ้งมิ้งอ่ะ

    Like

  4. ถ้าไม่ได้เมแกนนี่สงสัยเรื่องเลิฟๆคงจะไม่เดินหน้าเลยใช่ไหมแคป!!!
    (ลูกสาวคลินท์ตาชา น่ารักเฟ่อร์ๆ)
    โฮรววววววว ดาเมจคุณบัคกี้มากตอนนี้
    ผู้ชายที่ความชอบขัดกับสิ่งที่เห็นภายนอก
    คนที่เขินแล้วหน้าไม่แดงแต่หูแดง
    โมเอ้วววววววววววววววววววววววววววว
    ไอ้ตอนเกาะแขนแคปไม่รู้ตัวเพราะแพนด้านี่ก็อีก//นอนตาย
    อยากอ่านตอนไปเที่ยวจริงจัง

    Like

  5. โฮรวววววว////
    เพิ่งจะได้มาติดตามฟิคของพี่ทิพย์ครั้งแรกค่ะ /เขิน
    ปกติแล้วไม่ค่อยอ่านแฟนฟิคเท่าไหร่ด้วย #มาใหม่ๆสดๆเรย///

    ดาเมจบัคกี้กับความรุงรังนี่มันเยอะเหลือเกินค่ะฟฟฟฟฟ ก๊าวนัก.. ,,- -,, ชอบคาร์ช่างซ่อมแบบเน้ววววว มอมแมมๆ มึนๆง่วงๆได้ใจดีจริงๆฟฟฟฟ (/รัวฟ.ฟันอีกแล้ว) โดยเฉพาะตอนประโยคแรก ‘ว่าไง…’ นี่แบบก๊าาากก มึนกว่านี้มีอีกม๊ายย ละก็ริงโทนชูการ์รัชกับความโปรดปรานในแฟนด้านั่นอีก
    น่าจับไปซุกกล้ามสตีฟจริงๆ /ขีดฆ่า…

    สตีฟก็น่ารักมากๆเลยค่ะฮออลลล สไตล์การจีบแบบค่อยเป็นค่อยไป ยอมเสียตังค์เพื่อไปแอบส่องคนที่แอบปิ๊งนี่มันน,,- -,, แล้วก็ไม่ไหวกะมุกน็อตหลุดจริงๆ
    เล่นซื่อๆงี้เลย หลุดซ้ายหลุดขวา ก๊าาากก ///// นี่ถ้าแยกชิ้นส่วนดูคาตี้ได้คงทำไปแล้วสินะ /หลบโล่
    ส่วนหนูเมแกนก็ทำหน้าที่ได้ดีมากๆ55555 น่ารักมากเลยค่ะ /ทำต่อไปนะหนู..

    Like

    • อะฮิฮิฮิ สวัสดีค่า ดีใจที่ชอบงานนะคะ T////T
      พี่เองนี่เขียนไปเรื่อยๆเปื่อยๆเท่านั้นแหละค่ะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
      ฟิคเรื่องนี้เขียนแบบมึนๆเบลอๆและไม่มีแพลนอะไรเลยค่ะฟฟฟฟฟ
      ใหม่สดจากไร่ไร้การกลั่นกรอง TvT ดีใจที่อ่านแล้วสนุกนะคะ ❤

      Like

  6. /กรี๊ดร้องเป็นภาษาฮิบรูบวกรัสเซียบวกอินเดียบวกตุรกีแล้วลงไปกลิ้งทับผ้าห่มม้วนตัวเองเป็นก้อนๆกระดึ๊บๆไปโขกต้นไม้มือเขย่าหมาที่บ้านแล้วคลานกลับมาสลบคาแป้นคีย์บอร์ด
    YYvYY

    แล้วเลื่อนไปหาตอนแรกอ่านต่อ….

    Like

  7. บัคกี้น่ารัก น่ารักเกินไปเเล้วค่ะ เเพนด้าเอื้อ รหฟกฟหกฟหกฟหกหฟหกกฟห // รัวคีบอร์ด

    Like

  8. โอ้ย บัคกี้ ฟหกดเ้่าสวง ยิ่งพอไปหาเพลงฟังนี่ลงไปดิ้นกับพื้นเลยค่ะ โอ้ยย โอ้ยย น่าร้ากก ทำได้ดีมากค่ะหนูเมเเกน หนูเป็นอนาคตของชาติสตัคกี้จริงๆค่ะ จะรอตอนต่อไปนะคะ ❤

    Like

  9. กึ๋ย…อ่านจบนานแล้วแต่เพิ่งได้ฤกษ์เม้น นิสัยแย่จริงๆ เรา OTL

    หนูน้อยเมแกนน่ารักมากๆๆ มันน่าบิดแก้มจริงๆ เลย /บิดๆๆๆ/
    ทำตัวดีแบบนี้ป้า(?)มีรางวัลให้เลยนะหนู /ตบรางวัลอย่างงาม/
    ทำดีแล้วค่ะ ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ นะคะ
    ลุงสตีฟเขาสุภาพ(?)แอนด์เซ่อ(?)ไปหน่อย ช่วยๆ ลุงเข้าหน่อยนะหนู

    ผ่านไปสองตอนสตีฟก็ยังส่องผิวบัคกี้อยู่ดีฟฟฟฟฟ
    น่าตีจริงๆ เลย มาจีบเขาแต่ดันไปลวนลามเขาทางสายตาซะงั้น
    ดีนะที่บัคกี้ไม่รู้ตัว เผลอๆ อาจโดนประแจฟาดหน้าถถถถถถถถ

    แรคคูนน้อย(?)ชอบแพนด้าเหรอคะ! เราก็ชอบนะ! /ลวนลามจับมือ/
    ตอนแบคกี้บอกว่าชอบแพนด้า…มากๆ เรานี่แบบ หด่้กฟ้ส้กฟ้าเหฟด่
    นี่มันโชคชะตาฟ้าลิขิต(?)ชัดๆ! เราไบแอสแพนด้าอยู่พอดีเลยค่ะแง TwT
    แล้วยิ่งมันเป็นคีย์เวิร์ดที่ทำให้บัคคลุงหลุดความคิวท์ออกมานะ
    /ตกหลุมรักสัตว์อ้วนกลมสีขาวดำเพิ่มขึ้นแบบกำลังสิบบวกๆ -///-/

    บัคกี้เวลาเขินจะหูแดง หูแดง หูแดง หูแดง แงงงงง เขาหูแดงง่ะ TwT
    ทำไมคิวท์ฟด้่เหฟฟเ่ดหฟกเ คำบรรยายที่บอกว่าดูโหดๆ หมดความหมายดหหา้กฟเ่เหห้
    ยิ่งตอนชูการ์รัชนะ โอ้หนู โมเอะไปไหมลูก สนใจเข้าแข่งขันโมเอะแห่งชาติไหม?
    (ความจริงเราไม่รู้จักเพลงนี้หรอก แต่พอไปหาฟังมันก็แบบ…แอร๊ย)

    ฉากมองบัคกี้ผ่านล้อหมุนคืออะไรที่โรแมนติกมากกกกกก
    เรานึกภาพตามแล้วแบบ โอ้ย หวานมดไต่จอ ภาพมันสวยมากจริงๆ นะคะ T////T
    เป็นโมเม้นที่ถ้าเราเป็นสตีฟจะจำมันจนตายจริงๆ มันแบบ โอ้ย บรรยายไม่ถูกอ่ะ
    มันหวาน มันละมุน มันเขิน มัน..งื้อออ พังๆๆๆ ตับไตไส้พุงพังหมด

    ปล.สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณทิพย์ (แอบรู้มาจากในทวิต)
    Mutant and Cherik ต่อไปเรื่อยๆ นะคะ >[+++]<
    (บรรทัดบนไม่ได้พิมพ์ผิดแต่อย่างใด)

    Like

  10. น่ารักกกกกกกกกกกกกกกมากค่ะ หนูเมแกนให้ความร่วมมือดีมาก น่ารักจริมๆ อร๊าย
    คุณกัปตันต้องหาเรื่องให้อะไรพังจนได้สิน่า พังบ่อยไปละ ระวังเดี๋ยวโดนสงสัยนะคะอิอิอิอิ
    สตีฟก็ยังชอบแอบมองผิวขาวๆของบัคกี้อีกตามเคย คนบ้า! TTxTT ระวังเขาจะรู้ตัวเข้าสักวันว่าแอบลวนลามทางสายตา ฮือ /ตาย/
    ให้ตายเถอะ เห็นดูดิบๆแต่ความจริงแล้วมุ้งมิ้งมากฟฟฟฟฟฟฟ ชอบแพนด้า ใช้เพลงชูการ์รัชเป็นริงโทน ทำไมมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกุ๊งกิ๊งได้แบบนี้คะะะะะะ TTTWTTT แล้วไหนจะตอนเขินแล้วหูแดงนั่นอีกกกกกกกโฮฮฮฮฮฮฮ /ตายสนิท/

    Like

  11. เพิ่งเข้ามาติดตามอ่านครั้งแรกครับ รู้จักบล็อกนี้จากเล้าเป็ด ว่ามีแฟนฟิคหนังด้วย

    เลยค้นหาเข้ามา ก็ประสบพบเจอกับแฟนฟิค เฮียสตีฟกับ บัคกี้ โดยส่วนตัว ชอบคู่นี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่ภาคแรก จนมาถึง ภาคล่าสุด คือ บัคกี้ภาคล่าสุดเนี่ย เป็นอะไรที่โดนใจมาก แต่ก่อนตัวเองจะตัวใหญ่กว่าสตีฟ แต่บัดนี้มันกลับกันซะงั้น โมเม้นท์ที่น่ารัก และมีความสุขที่ได้ดูเรื่องนี้

    แถมยังได้อ่านแฟนฟิคของคู่นี้อีก ขอนุญาตไปตายแปบครับ มันไม่ไหวแล้วอ่ะ

    ชอบมากๆ กับโมเม้นท์หนุ่มช่างเครื่องเนี่ย มอมแมม อัยยย

    ส่วนเฮียสตีฟ ก็เขินอายได้น่าหยิกมาก

    สรุปสั้นๆ ละลายกับเรื่องนี้ไปแล้วนะครับ

    ภาวนาให้มาต่อตอนที่ สาม ในเร็ววันนะครับ

    Like

  12. บัคกี้ช่างน่ารักโฮกฮากกระชากใจเจ๊อย่าได้บอกใครเชียววววว >//////< น่าร้ากเกินจะต้านทาน

    Like

  13. กรี๊ดดดดดดดดด ฟินง่าาาา /กัดผ้าขาด/
    ถ้าไม่ได้เมแกนนี่….. สตีฟคงไม่ได้เดทกับบัคกี้หร๊อกก #ฟินตายย

    Like

  14. อ่าน 3 รอบแล้ว คู่นี้ ก็ยังฟินไม่หาย แต่แอบค้างคานะ รอตอนที่ 3 ครับ

    ไม่แน่่ใจว่าจะยังแต่งต่อไหม แต่อยากให้แต่งต่อมาก

    Like

    • เขียนต่อค่ะ แต่ต้องรอนิมิตรก่อนว่าจะมาเมื่อไหร่ TwT ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

      Like

  15. สวัสดีค่ะ คือเราเพิ่งไล่อ่านฟิคแต่ละเรื่องของทิพย์ซัง ขอโอกาสนี้เมนต์แล้วกัน ;v;
    ชอบฟิคทิพย์ซัง อ่านแล้วยิ้ม บางครั้งก็นั่งดิ้นบนเตียง (สงบไว้ลูก…)

    ฟหกฟหกฟหกฟหกฟห //พ่นรุ้ง
    บัคกี้น่ารักมากค่ะ แงงงงงงง น่ารักน่าฟัดจริงๆ
    คือแค่ชอบแพนด้าเราก็ยิ้มไม่หุบแล้วค่ะ พอบอกว่าบัคกี้ใช้ริงโทนเพลงชูการ์ รัช เรานี่แทบน้ำลายพุ่ง คือมโนภาพบัคกี้ทำหน้าทะมึนแบบ winter soldier+กรัมปี้ แคท(แรคคูน) แล้วใช้ริงโทนสุดมุ้งมิ้งคือเราไม่ไหวจริงๆค่ะ //ลงไปกลิ้งกับพื้น

    สตีฟนี่ก็จ้องผิวบัคกี้ตลอด ซักวันคงได้ลูบคลำแน่ๆ อดทนหน่อยนะ…

    จะติดตามผลงานเรื่อยๆนะคะ ^q^

    Like

  16. ไม่มีตอนที่สามแล้วเหรอครับ

    รอนานแล้วน๊าาาา (ปีหนึ่งเต็มๆ)

    แต่งต่อเถอะนะ ถือว่าสงสารคนอ่านตาดำๆ

    Like

  17. Pingback: [Captain America 2 Fic][SteveBucky] The Winter Mechanic (3) | tippuri's blog (◉◞౪◟◉✿)·

  18. รถเกือบชนค่ะะะะะ น่าอ่านบนรถ ขอบอกเลยว่าเกือบชน แงงงงงง นี่ก็เม้มปากไปกับคุณบัคก้ีด้วย 555 คุณสตีพเขาก็หล่อใช่เล่น มาจ้องมาวุ่นวายใกล้ๆแบบนี้ก็มีเขินแหละะะะ แล้วขำที่สติฟจับได้ว่าหน้านิ่งมาก แต่หูแดง 55555555555 คือ เดี๋ยววว นั่นเขินเหรอ นี่ก็เขินไปด้วยเหมือนกัน แงงงง ขอบคุณมากค่าาาาาาาา

    Like

  19. อ๊ากกกกก มุ้งมิ้งเกินไปแล้วบัคกี้ ชอบแพนด้าอีก โอ๊ยยยย จะโมเอะไปไหนนน
    อ่านแล้วเขินตาม >///<

    เมแกนหนูทำได้ดีมากค่ะลูก…คู่นี้เนี่ยถ้าไม่มีตัวช่วยก็คงไม่คืบหน้าแน่ๆ สตีฟคงได้พังรถตัวเองมาให้เขาซ่อมไปเรื่อยๆ

    ปล. ฟิคน้องทิพย์สนุกมากค่ะ ^^
    ขอบคุณสำหรับฟิคน่ารักๆนะคะ

    Like

  20. ตามมาอ่านจากเพจค่ะ ขอบอกว่ามันเสียสติจริงๆนั่นล่ะ ขำก๊าก ขำเรี่ยราด ยิ่งเจอแพนด้าเข้าไป โอยยยขำกลิ้ง เป็นคนชอบฟิคตลกอยู่แล้ว เขียนได้ดีจริงๆค่ะ มาอัพบ่อยๆนะคะ

    Like

  21. นึกภาพเห็นการผนึกทีมเมแกนและสตีฟที่กำลังพยายามยืนกลั้นขำน้ำลายพุ่งกับการได้ยินเสียงริงโทนแล้วมันตลก5555555555555555 ยิ่งตอนที่ได้ยินเสียงดูดว่าชอบแพนด้ามากๆนี่แบบ ว้อททททท ความแบ๊วนี้โผล่มาจากไหน ตอนแรกยังโหดแทบทุ่มด้วยรถบรรทุกอยู่เลยนะบัคกี้. แบบนี้ต้องเอาpink fliffy unicornมาล่อแล้วฟฟฟฟฟฟฟฟ. ความเรียนของสตีฟอยูาในเกณฑ์ระดับต่ำทะลุแกนโลก ลาก่อนสตีฟ นายสู้เมแกรไม่ได้เลอถถถถถถถถ ชอบตอนนี้จังค่ะน่ารักแบบน่าฟัดมากฮรืววววว ;/////;

    Like

Leave a comment