[X-Men Fic][ErikCharles] The Architecture of Metanoia and Concinnity (6 — 50%)

 
 
 
The Architecture of Metanoia and Concinnity
X-Men: First Class Fanfiction by Tippuri~ii * 
 

 

    
 

 
 

Pairing:  Erik Lehnsherr x Charles Xavier
Fandom: X-Men First Class

Type: AU fanfiction

 
 

 

 * แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

 

 

 

 

 

 
************************************
 

 

“I don’t divide architecture, landscape and gardening; to me they are one.”

 – Luis Barragan

 

 

*****

 

 

Chapter 6 — 50%

 

 

 

               

ถึงจะไม่ได้ร่วมงานกันมาตั้งแต่เริ่มโปรเจค…แต่ในช่วงหลังๆ มานี้ ชาร์ลส์ เซเวียร์ก็แวะเวียนเข้ามาที่ไซต์งานจนเป็นที่รู้จักมักคุ้นของทุกคนแล้วเรียบร้อย ไม่ว่าใครต่างก็ชินตาแล้วที่จะได้เห็นวงหน้าที่ประดับด้วยยิ้มละไมและดวงตาสีฟ้าเข้มสุกใสนั่นเสมอในสตูดิโอแห่งนี้

               

 

 

 

 

…และก็เป็นที่ชินตาเช่นกันที่จะได้เห็นวงหน้านั้นมีคิ้วที่ขมวดยุ่งและแก้มขึ้นสีน้อยๆ อย่างฟึดฟัดในทุกคราวที่ต้องปรึกษางานกับคุณสถาปนิก หัวหน้าใหญ่ของโปรเจคนี้อย่างอีริค เลนเชอร์

               

 

 

 

 

ถ้าจะให้ทุกคนที่ทำงานในไซต์งานแห่งนี้ยกตัวอย่าง…เหตุการณ์ดังกล่าวก็มีให้เลือกอย่างหลากหลายจนแทบไม่ซ้ำกัน และเพราะมันมีอยู่มากมายนี่เอง…ที่เหตุการณ์ล่าสุดก็พอจะเป็นตัวอย่างที่ใช้ได้เลยทีเดียว

               

 

 

 

 

“เราจะไม่ติดบานเกล็ดให้หน้าต่างทุกบาน…และนั่นก็คือแค่นั้นแหละ”

               

 

 

 

 

นั่นจะไม่ใช่แค่นั้นแหละเพราะเราจะติดบานเกล็ดให้หน้าต่างทุกบาน…นี่สิที่คือแค่นั้นแหละ”

               

 

 

 

 

“นายติดบานเกล็ดได้ตามใจเลยเลนเชอร์…แต่นั่นคงไม่ใช่ในสตูดิโอพี่สาวฉันล่ะนะ”

               

 

 

 

 

“แล้วนายก็เชิญไปติดม่านผ้ามัสลินได้ในคฤหาสน์ทุกหลังเลยเซเวียร์…แต่ไม่ใช่ในโปรเจคที่ฉันเป็นคนจัดการอยู่”

               

 

 

 

 

เสียงหนึ่งนั้นสบายๆ และเนิบนุ่ม หากกระแสรั้นๆ และไม่ยอมตามใจก็ชัดเจน ส่วนอีกเสียงนั้นฟังดูเหมือนคนพูดกำลังกัดฟันกรอดและอยากเอาอะไรฟาดใส่คู่สนทนาให้สติกลับคืนเข้าหัวเจ้าตัวเป็นอย่างยิ่งอยู่…อุณหภูมิปกติของบรรยากาศการโต้เถียงระหว่างมิสเตอร์เซเวียร์กับคุณสถาปนิกเลนเชอร์ ฝ่ายแรกดูจะไม่หวาดเกรงเลยกับสีหน้าเหมือนฆาตกรต่อเนื่องที่มีปัญหาด้านการกดอารมณ์โกรธของคู่สนทนา…และฝ่ายหลังก็ดูจะไม่สนใจเลยว่าบุคคลที่ตนกำลังพูดจาฮึ่มฮั่มใส่อยู่จะมีอำนาจในการทำให้ตัวเขาเองตกงานได้

               

 

 

 

 

“เห็นแก่พระเจ้าเถอะ…” ชาร์ลส์ทำเสียงจึ้กจั้กอย่างเหลือจะทน ถอนหายใจก่อนพูด “แค่เพราะบานเกล็ดมันเรียบๆ เข้าได้กับทุกห้องน่ะไม่ได้หมายความว่ามันจะเข้ากับทุกบรรยากาศนะรู้มั้ย? นี่มันเป็นที่ที่คนมาเลือกซื้อแหวนแต่งงานนะ…ไม่ใช่สำนักงานจัดการทรัพย์สินหลังการหย่า”

               

 

 

 

 

“คลาร่าเน้นความรู้สึกเรียบง่ายแต่โอ่อ่า” อีริคกอดอก ตีหน้าถมึงทึงใส่อีกฝ่ายเหมือนเดิม “โอเค…ผ้าม่านอาจทำให้บรรยากาศดูหวานดี แต่นั่นไม่ได้เข้ากับภาพลักษณ์อย่างอื่นของตัวสตูดิโอเลย…พี่สาวนายอยากได้ความสวยหรูแนวโมเดิร์นนะ ไม่ใช่แนววิคตอเรียนอย่างที่นายชอบสักหน่อย”

               

 

 

 

 

การยกมิสฟรอสต์ขึ้นมาอ้างดูจะเป็นอะไรที่คุณสถาปนิกรู้แล้วว่ามีค่าเทียบเท่าไม้ตายในระดับหนึ่ง…ซึ่งตอนนี้ เหล่าผู้คนในไซต์งานก็ได้แต่มองว่ามิสเตอร์เซเวียร์ผู้ที่ตอนนี้เงียบไปและหน้าแดงอย่างคนอยากเถียงแต่คิดคำเถียงไม่ออกจะทำอย่างไรต่อ และก็เตรียมจะเทคะแนนของยกนี้ให้กับชายหนุ่มผมน้ำตาลแล้วตอนที่เสียงนุ่มนั่นพูดอย่างหมางเมิน

               

 

 

 

 

“งั้นก็ตามใจเอ็มม่าเถอะ” ชาร์ลส์มั่นใจว่าสีหน้าที่เขาแสดงอยู่คือความเย็นชาล้วนๆ…ไม่ใช่ความรู้สึกน้อยใจหรืออะไรเทือกๆ นั้นเลยสักนิดเดียว เสมองนาฬิกาก่อนจะกระชับหนังสือในอ้อมแขน “ยังไงซะฉันก็ไม่มีเวลามาเถียงกับนายแล้วด้วย…ฉันนัดแฮงค์ไว้ นายจะติดอะไรก็ติดไปเถอะ…ตามสบายเลย—”

               

 

 

 

 

คุณสถาปนิกหรี่ตานิดๆ…เผลอตัวตวัดเสียงห้วนๆ ขึ้นแทรก “ใครคือแฮงค์??”

               

 

 

 

 

“รุ่นน้องฉันเอง” มิสเตอร์เซเวียร์อธิบายโดยดี แต่ก็ยังมีสีหน้ามึนตึงอยู่ “ไม่ได้เรียนที่เดียวกันหรอกตอนนี้…แต่เราสนิทกันมาตั้งแต่ไฮสคูลแล้วน่ะ เลยยังคุยกันอยู่บ่อยๆ…เป็นเด็กดีเลยล่ะ แฮงค์เนี่ย”

               

 

 

 

 

ร่างสูงโปร่งยังคงยืนกอดอกหรี่ตาขวางทางอีกฝ่ายอยู่ ถามเสียงห้วนๆ ไม่อ่อนโยน “นายจะเรียกแท็กซี่ใช่มั้ย?”

               

 

 

 

 

ชาร์ลส์อยากจะพูดใส่ว่าเอาเวลาไปสนใจบานเกล็ดเถอะ แต่ก็พึมพำตอบตามมารยาทอยู่ดี “ก็ใช่น่ะสิ ฉันบอกยามหน้าตึกไว้ตั้งแต่ตอนขาขึ้นมาแล้วว่าช่วยเรียกแท็กซี่ไว้ให้ทีตอนเวลานี้”

               

 

 

 

 

“ดี” เลนเชอร์พูดเสียงห้วนสั้น หยิบกุญแจรถของตัวเองขึ้นมายัดแทรกเข้าในมือที่จับหนังสือไว้อยู่ของเขา “ไปรอที่รถเลย”

               

 

 

 

 

เหล่าคนแอบมองไม่รู้ว่าพวกตนมองผิดไปไหมที่สีหน้ามึนตึงของมิสเตอร์เซเวียร์จู่ๆ ก็มีเฉดระเรื่อแซมขึ้นมาบนผิวแก้ม…และการโต้ตอบตรงช่วงนี้ก็เบาลงจนแทบไม่ได้ยิน

               

 

 

 

 

“นี่…” เสียงนุ่มยังคงมีกระแสหัวเสีย…หากก็แผ่วค่อยนัก “แฮงค์เป็นรุ่นน้องฉัน…ก็แค่นั้นแหละ”

               

 

 

 

 

“นั่น…” เสียงทุ้มพูดตอบ…เรียบนิ่งไม่ใส่ใจ “…เป็นข้อมูลที่นายคิดว่าฉันจะสนใจหรือไง?”

               

 

 

 

 

ถ้อยคำที่ควรได้รับการโต้สวน…แต่มิสเตอร์เซเวียร์ก็แค่เดินเงียบๆ ออกไปทางลิฟต์หลังจากที่มือใหญ่ๆ ของคุณสถาปนิกเลนเชอร์นั่นเอื้อมมาดึงหนังสือในอ้อมแขนตนไปถือแทนซะเอง แล้วก่อนที่คนในไซต์งานจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น…เสียงกริ่งก็ดังเบาๆ และประตูสีเงินปลาบก็ปิดเข้าหากันไปเสียแล้ว

               

 

 

 

 

นี่เป็นรูปการคร่าวๆ ที่ทุกคนได้เห็นจนชินชา…แต่ถึงจะไม่ได้รู้ตอนจบให้ครบถ้วน ก็ไม่มีใครมองไม่ออกอยู่ดีว่าในทุกการทะเลาะนั้น…มิสเตอร์เซเวียร์ดูจะทำไปก็แค่เพราะชอบใจที่ตนทำให้อีกฝ่ายมีสีหน้ายุ่งๆ ได้ ส่วนคุณสถาปนิกเลนเชอร์ก็ดูจะชอบขัดคอหรือไม่ยอมฟังความเห็นอื่นใดก็แค่เพื่อจะทำให้คนที่เจ้าตัวเถียงด้วยนั้นหน้าแดงฟึดฟัดอย่างงุ่นง่านเท่านั้นเอง และที่สำคัญที่สุด…การหาเรื่องกันไปกันมานี้เป็นข้ออ้างอันหมดจดในการได้มีเวลาคุยกันให้มากขึ้นด้วยของทั้งสองคน นำพาให้ทางเลือกอันลงตัว – อย่างเช่นในกรณีนี้…ของที่มาตอนสุดท้ายก็เป็นมู่ลี่ผ้าสีขาวเรียบๆ แต่ซ่อนลายดอกไม้เรขาคณิตสวยเก๋แปลกตาดุนนูนสูงต่ำบนผิวผ้าเอาไว้ – ได้ถูกหาพบในที่สุดเสมอ

               

 

 

 

 

จึงทำให้ทุกคนในไซต์งานได้แต่ทำเป็นไม่รู้ทันว่าคนทั้งสองกำลังจีบกันผ่านการจิกกัดไม่ลงรอยอยู่ชัดๆ…แล้วก็แอบพนันกันว่าเมื่อใดที่มิสเตอร์เซเวียร์กับคุณสถาปนิกเลนเชอร์จะเลิกดื้อกับหัวใจของตัวเองสักที

 

 

 

 

 

 

 

**

 

               

 

 

“อ้าวเลนเชอร์? จะไปไหนน่ะ??”

               

 

 

 

 

ชาร์ลส์ส่งเสียงถามเมื่อเดินเข้ามาในสตูดิโอแล้วเห็นคุณสถาปนิกยืนอยู่ตรงหน้าเคาเตอร์รีเซปชั่น…ถึงเจ้าตัวจะกำลังคุยอยู่กับคนงาน แต่โค้ทผ้าวูลสีเทาเข้มเกือบดำที่สวมอยู่กับไอแพดที่ถูกหนีบไว้ด้วยแขนก็บอกให้รู้ว่าอีริค เลนเชอร์คงเตรียมตัวจะออกไปจากไซต์งานนี้แน่นอน

               

 

 

 

 

“สวัสดีเซเวียร์” ชายหนุ่มผมน้ำตาลสั่งงานเสร็จพอดี…ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขายืนอยู่ในบริเวณนี้ ดวงตาของอีกฝ่ายจับจ้องเขาอย่างสงสัย “ฉันไม่ได้นัดนายเข้ามานะวันนี้”

               

 

 

 

 

“ใช่ นายไม่ได้นัดฉันหรอก” เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินรีบบอกเมื่อเลนเชอร์ทำท่าจะเปิดไอแพดขึ้นมาเช็คลิสต์กำหนดการของตัวเอง “แต่นี่ฉันออกมาหาที่อ่านหนังสือน่ะ…เลยคิดว่าแวะๆ เข้ามาหน่อยก็ดี”

               

 

 

 

 

และในเมื่อมิสเตอร์เซเวียร์ทำเป็นเมินข้อเท็จจริงที่ว่าตนมาก็เพราะอยากจะเห็นหน้าอีกฝ่าย…คุณสถาปนิกเลนเชอร์เลยไม่ได้แสดงออกไปเช่นกันว่าตนก็รู้สึกชอบใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้พบอีกฝ่ายแม้เพียงจะเป็นแค่ชั่วนาทีของทั้งวันก็ตาม

               

 

 

 

 

เป็นชาร์ลส์ที่เริ่มบทนทนา “แล้วนี่นายจะไปไหนน่ะ?”

               

 

 

 

 

“บริษัทต้นไม้เขาโทรเข้ามากะทันหันน่ะ” เลนเชอร์พูดเรียบๆ “เขาบอกว่ามีตัวอย่างต้นไม้เข้ามาแล้ว…แต่มันเป็นพันธุ์ที่คล้ายๆ กัน ไม่เป๊ะซะทีเดียว เลยให้ฉันไปดูหน่อยดีกว่าถ้าโอเคไหม…ถ้าใช้ได้จะได้สั่งต้นนี้เลย”

               

 

 

 

 

เพราะเอ็มม่าค่อยข้างพิถีพิถันกับเรื่องต้นไม้ดอกไม้เป็นพิเศษ…ในจุดนี้จึงเป็นอะไรที่ชาร์ลส์ไม่ได้แตะต้องเลย แต่ด้วยนิสัยที่ชอบความสวยงามสีเขียวขจีเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว…ชายหนุ่มผมดำจึงห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

               

 

 

 

 

“นี่ๆ…ตกลงเอ็มม่าสั่งอะไรไปบ้างน่ะ?” ดวงตาโตสีน้ำเงินเป็นประกายวิบวาวราวดวงดาว ยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ ตอนถามถึงดอกไม้ชนิดโปรดของตัวเองเข้าไปด้วย “เขามีได้สั่งดอกพีโอนีมั้ย??”

               

 

 

 

 

อีริคมองคนตรงหน้า…ย้อนถามทั้งๆ ที่พอจะเดาได้ “นายชอบพีโอนีเหรอ?”

               

 

 

 

 

เซเวียร์พยักหน้าหงึกๆ พร้อมขยับจะถามคำเดิมซ้ำ แต่ตอนนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือของอีริคดังขึ้นมาใหม่…เขากรอกเสียงลงไปว่าตนจะเข้าไปดูต้นไม้ในอีกครึ่งชั่วโมงแน่ๆ แล้วกดวางสาย ซึ่งตอนนี้เซเวียร์แค่รอเขาอยู่นิ่งๆ แล้ว…เข้าใจได้เองถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์

               

 

 

 

 

“งั้นเดี๋ยวฉันไปก่อนนะ” อีริคยัดมือถือใส่กระเป๋าโค้ท “ถ้านายคิดจะอ่านหนังสือที่นี่ก็ไปนั่งตรงโต๊ะฉันแล้วกัน…จะอยู่ถึงกี่โมงล่ะ?”

               

 

 

 

 

“โอเค” เซเวียร์ตอบรับประโยคแรกของเขา แล้วก็ครุ่นคิดถึงคำถามที่สอง “อืมมม…คงบ่ายๆ มั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

               

 

 

 

 

อีริคพยักหน้า…และไม่รู้เลยจริงๆ ว่าประโยคที่ตามต่อมานี้กลายมาเป็นเรื่องประจำไปตั้งแต่เมื่อไหร่ “แต่ถ้านายจะอยู่ยันฉันเลิกงาน…เดี๋ยวเราก็กลับด้วยกันแล้วกัน โอเคมั้ย?”

               

 

 

 

 

“โอเค…” เซเวียร์พยักหน้าบ้าง ก่อนจะยิ้มแก้มแดงๆ สไตล์เนิร์ดชุดไหมพรม – รอยยิ้มที่เจ้าตัวดูจะไม่รู้เลยว่าทำให้อีริครู้สึกตลกๆ ในหัวใจ…อาการทีช่วงหลังๆ มานี้ก็กลายเป็นเรื่องประจำไปแล้ว – ทิ้งท้าย “งั้นเดี๋ยวฉันรอนายก็ได้…แล้วเจอกันนะ”

               

 

 

 

 

และแน่นอน…ว่าชายหนุ่มผมน้ำตาลก็ไม่ได้รู้เลยว่าคำลาสั้นๆ และประโยคบอกให้อีกฝ่ายตั้งใจทำธีสิสเข้าล่ะของตัวเองนั้นก็ได้ทำให้ชาร์ลส์ เซเวียร์รู้สึกตลกๆ ในหัวใจได้มากอย่างไม่ต่างกันเลย

 

 

 

 

 

 

**

 

               

 

ชาร์ลส์คิดว่าตนแค่อ่านนั่นอ่านนี่และเขียนนั่นเขียนนี่ไปได้แค่แป็บเดียวเองแท้ๆ…แต่เมื่อตอนที่เขาสะดุ้งขึ้นมาจากเอกสารเพราะจู่ๆ ก็มีบางสิ่งหล่นแปะลงมาบดบังหน้ากระดาษไปจนหมดนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกได้เองว่าเสียงในไซต์งานเบาลงไปมากแล้ว

               

 

 

 

 

“ตกลงว่านายยังอยู่อีกเรอะ? ได้ดูนาฬิกาบ้างมั้ย??”

               

 

 

 

 

อีริค เลนเชอร์ สถาปนิกที่นิสัยไม่ดีที่สุดในโลกเอ่ยถามโดยที่ไม่แม้แต่จะทักทายอะไรก่อน…วงหน้าหล่อคมคายนั้นมีสีหน้าระอาปนเซ็งอย่างทุกที

               

 

 

 

 

“แล้วนี่มันกี่โมงเองล่ะ…” ชาร์ลส์ขยับจะแก้ตัว แต่นาฬิกาข้อมือก็บอกเวลาเย็นย่ำแล้ว…เขาเลยหมดมุกจะเถียง ได้แต่พึมพำ “ก็…ก็เราตกลงกันไว้นี่ว่าจะกลับด้วยกัน…”

               

 

 

 

 

เลนเชอร์ถอนหายใจ ทำไมก็ไม่รู้…น้ำเสียงอาจห้วนๆ อยู่ก็จริง แต่กลับไม่กระด้างอะไรเท่าไหร่เลยตอนเตือนซ้ำว่าอย่างไรวันหลังชาร์ลส์ก็ควรหัดดูนาฬิกาไปด้วยแทนมัวแต่ทำงาน เพราะมันไม่ใช่เรื่องดีถ้าสุดท้ายจะเหลือเพียงชายหนุ่มคนเดียวแล้วไม่มีใครในไซต์งานรู้เห็นว่าเขาอยู่ที่นี่ด้วย

               

 

 

 

 

“วันหลังก็เงยหน้าออกมาจากธีสิสบ้างแล้วกัน” เลนเชอร์พยักเพยิดไปที่ข้าวของของเขา “กลับกันได้แล้ว”

               

 

 

 

 

และนั่นเองที่ทำให้ชาร์ลส์เพิ่งนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ตนได้สะดุ้งไปเพราะอะไร…เขาเหลียวกลับไปมองเจ้าต้นเหตุที่ยังคงวางแปะทับอยู่บนเอกสารและเครื่องเขียนของตน มันคือช่อดอกไม้ขนาดปานกลาง…เหล่าพีโอนีแรกแย้มสีชมพูอมส้มอ่อนจางถูกจัดรวมกับกุหลาบและเปอร์เซียนบัตเตอร์คัพสีงาช้าง เฉดสีสว่างถูกทำให้ไม่กลืนกันจนเกินไปด้วยใบดัสตี้มิลเลอร์ที่แซมอยู่…ใบแฉกโค้งมนสีเขียวเข้มที่มีปุยขนอ่อนสีเงินปกคลุมอย่างสมชื่อ ทุกอย่างถูกโอบยึดไว้ด้วยริบบิ้นสีพีช…เข้ากันกับสีช่อดอกไม้เป็นอย่างยิ่ง

               

 

 

 

 

“เฮ้…” ชาร์ลส์หยิบช่อดอกไม้อย่างเบามือ ยกมันขึ้นประกอบคำถาม “แล้วนายจะทำไงกับนี่ล่ะ?”

               

 

 

 

 

เลนเชอร์มีหน้าเรียบนิ่งติดจะตึงๆ อีกครั้ง ไม่ได้สบตากับเขาตอนพูด “นายสิจะทำไงกับมัน”

               

 

 

 

 

“เอ่อ…โทษทีนะ” ชายหนุ่มผมดำกระพริบตางงๆ “ฉันไม่เข้าใจ”

               

 

 

 

 

ร่างสูงโปร่งยักไหล่ ก่อนจะมองมาตรงๆ ตอนพูดง่ายๆ

               

 

 

 

 

“ก็นั่นน่ะของนาย”

               

 

 

 

 

ชาร์ลส์อยากจะอุทานยาวๆ ออกมาอย่างงงงัน…แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดรอดจากปากของเขาเลย ดวงตาสีน้ำเงินมองช่อดอกไม้แสนสวยในมืออีกที…หวังในใจว่าสีอ่อนของมันจะไม่ตัดให้อีกฝ่ายเห็นชัดนักว่าเขากำลังหน้าแดง เพราะชาร์ลส์รู้สึกได้เลยว่าตนกำลังหน้าแดงแบบสิ้นหวังในการกลบเกลื่อนที่สุด

               

 

 

 

 

“นาย…” ประโยคง่ายๆ นี้มีการกระแอมกระไอประกอบแบบไม่จำเป็นเยอะมาก “นาย…เอ่อ…จะให้นี่กับฉันเหรอ?”

               

 

 

 

 

“ฉันไปดูงานมา…แล้วที่บริษัทเขามีตัวอย่างจัดไว้ให้ด้วย” น้ำเสียงและสีหน้าของเลนเชอร์เรียบนิ่งเสียจนน่าอิจฉา “นายชอบก็เอาไป…ไม่ชอบเดี๋ยวก็ทิ้งแถวๆ นี้แหละ ฉันไม่อยากถือมันกลับบ้าน”

               

 

 

 

 

คำพูดนี้บอกกลายๆ ว่าเจ้าช่อดอกไม้นี่เป็นอะไรที่ไม่ต่างจากขยะเท่าไหร่…แต่ในนาทีนี้ ชาร์ลส์รู้สึกโกรธใครไม่ลงทั้งนั้น…ด้วยหัวใจของเขาเต้นแรงเกินไปที่จะเหลือแรงมาหงุดหงิดจริงจังได้อีกแล้ว

               

 

 

 

 

อีริครอให้อีกฝ่ายเก็บของให้เสร็จแล้วเดินออกมาจากสตูดิโอด้วยกัน ความเงียบยังคงปกคลุมทั้งสองจนถึงตอนที่ยืนในลิฟต์แล้ว…เซเวียร์เป็นฝ่ายที่ทำลายมันลง

               

 

 

 

 

“นายนี่นะ…” ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นยังคงจ้องเขม็งแค่ปุ่มกดเหมือนเดิม “ถ้าไม่อยากได้แต่แรกแล้วจะเอามาทำไมหา? ถ้าฉันไม่เอามันก็เสียของเท่านั้นแหละ…ไม่มีใครเขาทำอะไรแบบนี้กันหรอกรู้มั้ย?”

               

 

 

 

 

“ดี” คำพูดทำงานไวกว่าความคิด…อีริคไม่ทันกลั่นกรองหรือห้ามตัวเองได้เลยตอนที่เอ่ยประโยคนี้ แต่ก็นั่นแหละ…เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะอยากกลั่นกรองหรอกต่อให้มีโอกาส “ไม่มีคนอื่นเคยทำแบบนี้ก็ดีแล้ว”

              

 

 

 

 

 

เซเวียร์อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่สุดท้ายก็เม้มแน่น…ไม่เหลือโอกาสให้สนทนาต่อด้วยเพราะลิฟต์จอดที่ชั้นระหว่างทางแล้วเหล่าพนักงานที่เลิกงานก็เดินเข้ามายืนจนเต็ม ร่างสมส่วนในเสื้อไหมพรมนั้นขยับยุกยิกมาชิดกว่านิดเมื่อถูกเบียด…ความใกล้ชิดที่ไม่ได้หยุดอีริคไว้จากการรู้สึกได้ว่าปลายนิ้วของเซเวียร์ค่อยๆ แตะลงมากับมือของตน

               

 

 

 

 

ชายหนุ่มแอบขันในใจกับความกล้าหาญที่ฉีกแนวพล็อตของเจน ออสเตนทุกเรื่องนี้ของเซเวียร์…และยิ่งอยากหัวเราะเมื่อสุดท้าย ความกล้าหาญนั้นก็มีมากพอแค่จะทำให้เซเวียร์จับนิ้วก้อยกับนิ้วนางของไว้เท่านั้น

           

 

 

 

 

แต่ให้ตายเถอะ…ทำไมสัมผัสเล็กน้อยแค่นี้ถึงทำให้ดีใจได้ขนาดนี้กันนะ…?? 

               

 

 

 

 

ขนาดเห็นอีกฝ่ายแค่จากปลายหางตา…ชาร์ลส์ก็ยังรู้สึกได้ว่าเลนเชอร์กำลังยิ้มขำเยาะๆ ใส่ความไม่ได้เรื่องของเขาอยู่ ชายหนุ่มจึงหมายมั่นว่าจะรีบปล่อยมือทันทีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง…และเริ่มร่างสุนทรพจน์บอกเอ็มม่าในหัวไปด้วยว่าตนจะไม่กลับมาดูงานที่สตูดิโอคลาร่าหรือเสวนาอะไรกับสถาปนิกใจร้ายนิสัยไม่ดีคนนี้อีกแล้ว

               

 

 

 

 

แต่ต่อให้ลิฟต์จอดแล้ว…มือของเขาก็ยังเกี่ยวกุมอยู่รอบเรียวนิ้วของเลนเชอร์อยู่ดีเพราะต้องรอให้ทุกคนออกไปจนหมด ชาร์ลส์ตัดสินใจไม่ก้าวเดินก่อน…ตั้งใจจะรอให้อีกฝ่ายเดินไปเพื่อที่จะได้ผละมือจากกัน

           

 

 

 

 

รีบๆ ทำให้รู้ซะทีสิว่าพวกเราเป็นเรื่องที่จะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ… 

               

 

 

 

 

ชายหนุ่มผมน้ำตาลออกเดินก่อนตามที่คาดไว้ แต่ที่ผิดคาดก็คือ…ปลายนิ้วนั้นยังคงเกี่ยวรั้ง ทำให้ชาร์ลส์ผู้ไม่ได้ตั้งตัวไว้เซแซ่ดๆ ตามไปด้วย

               

 

 

 

 

“อะไรของนายอีกล่ะเซเวียร์?” เลนเชอร์หันกลับมาเลิกคิ้วใส่ “เดินไม่เป็นกะทันหันรึไง?”

               

 

 

 

 

ชาร์ลส์ยังคงไม่ได้โต้ตอบอะไรกับคำแซะนี้…เขามัวแต่สนใจข้อเท็จจริงที่ว่าระหว่างที่เลนเชอร์พูด เจ้าตัวก็พลิกมือขึ้นมา…เปลี่ยนจากปลายนิ้วที่เกี่ยวกุมเป็นฝ่ามือที่จับไว้อย่างมั่นคงแทน สัมผัสอันง่ายดายเป็นธรรมชาติ…ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะทำให้หัวใจเต้นแรงได้แบบนี้

               

 

 

 

 

“พูดแบบนี้กับฉันอีกเรื่อยๆ ไปเถอะนะ…” ร่างสมส่วนขยับตามมา แกล้งกดเสียงคาดโทษ “…แล้วฉันบอกจะให้เอ็มม่าไล่นายออก”

               

 

 

 

 

 

เลนเชอร์หัวเราะเบาๆ ใส่คำขู่แล้วชาร์ลส์ก็ทำเป็นมองแค่ช่อดอกไม้ที่ถือแนบตัวไว้…จังหวะย่างก้าวทอดยาวคู่กันไปในความเงียบ

               

 

 

 

 

ไม่มีใครแสดงท่าทีว่าใส่ใจ…แต่สองมือนั้นก็เกี่ยวกุมกันไปจนสุดทาง

               

               

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

tbc.

 

*************************************

 

note:

             

ช่อดอกไม้ในเรื่อง หน้าตาราวๆนี้ค่ะ

เอามาจากนี่ค่ะ>> PASTEL PEACH PEONY WEDDING BOUQUET 

#ไม่ได้จะให้สังเกตนะคะว่าเป็นช่อดอกไม้เจ้าสาว #แต่สังเกตไหมคะว่าเป็นช่อดอกไม้เจ้าสาว

               

 

 

 

 

สวัสดีค่ะทุกคน

 

 

รู้สึกเหมือนไม่ได้ลงฟิคนานมากกกกกกกกกก และก็ไม่ได้เขียนฟิคเลยค่ะช่วงนี้ TxT มีแต่เรื่องยุ่งๆให้ทำ หวังว่าจะหมดเรื่องให้เครียดในเร็วๆนี้ค่ะ ฮืออออออ

 

แต่ข่าวดีก็คือ ฟฟฟฟฟฟ…เรื่องนี้เหลือแค่พิมพ์บทสเปเชียลแล้วก็จบแล้วล่ะค่ะ ความติ่งทรงพลังมากจริงๆเรื่องนี้ ;////; เอนทรีนี้เลยเป็น 50% ของบท 6 ล่ะค่ะ…ที่เหลือคือรอรวมเล่ม แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าจะเมื่อไหร่ แงงงงงง O]——[

 

แล้วก็ตอนนี้ได้ส่งฟิคเชริคไฮสคูลออกไปหมดแล้วนะคะ >u< ใครอยากติชมรูปเล่ม+เนื้อหา+การจัดหน้า หรืออะไรยังไงก็บอกเข้ามาได้เลยค่ะ จะได้เอาไปปรับปรุงต่อไปให้ดีขึ้น

 

 

วันนี้ทิพย์เหนื่อยมากเลย ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ TvT ฝันดีค่ะทุกคน

 

 

 

 

ทิพย์เอง

 

 

21 responses to “[X-Men Fic][ErikCharles] The Architecture of Metanoia and Concinnity (6 — 50%)

  1. โอ่ยยยยยย ทำไมถึงจีบกันไปเถียงกันไปเป็นธรรมชาติขนาดเน้
    มีหึงด้วยอิอิ แฮงค์สมเป็นมือที่สามอันดับหนึ่งแม้จะออกมาแค่ชื่อ #นี่ชมแล้วเรอะ ฮ่าาาาา
    อีริคเป็นคนโรแมนติกผิดคาด เอาดอกไม้มาง้อก็ยังซึนนนน XDDD
    ขำตรงพนง.อะ ทำไมความรุ้สึกเดียวกับคนอ่าน ฮ่าๆๆๆ

    Like

  2. อ่านจบสักพักแล้วเพิ่งมีเวลามาพิมพ์คอมเม้นท์ค่ะ ช่วงนี้เรางานหนักมากจริงๆ ทิพย์เองก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ เหนื่อยก็พักบ้างนะ

    และตอนนี้ทัั้งสองคนก็น่ารักกันมากอีกแล้ววววว นี่น่ะไม่ใช่ทะเลาะหรอก แต่เป็นวิธีการจีบกันที่น่ารักมุ้งมิ้งที่สุดในโลกกกก การที่คุณชายเซเวียร์หน้าแดงนี่มันน่า(ให้คุณสถาปนิก)จับไปฟัดๆๆๆๆๆๆจริงๆเลย ฮือออ ก้อนไหมพรมเอ้ยยยย ดีใจที่เห็นว่าสไตล์การดีไซน์ของอีริคมีการปรับเปลี่ยนผสมผสานให้ออกมาเป็นสไตล์”ของทั้งคู่”ค่ะ คือมันสุดยอดมากๆ มันโรแมนติกแบบไม่ต้องมีคำว่าโรแมนติก คืออีริคเนี่ยไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนหรือยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครแน่นอน แต่อีริคทำแบบนี้เพราะชาร์ลส์ กรี๊ดดดดด แต่งงาน แต่งงาน แต่งงาน!!! แล้วหลังจากนั้นที่อีริคเอาช่อดอกพีโอนีมาวางให้นั่นมันแบบ……ฉลามซึนเอ้ยยยยย หล่ออะ T_T คือหล่อมากๆๆๆๆๆๆ โดนแบบนี้ไม่ตกหลุมรักแบบโงหัวไม่ขึ้นให้มันรู้ไปสิ แล้วแบบว่ามีการแอบจับมงจับมือกัน คือแบบนี้ไม่เรียกแฟนก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้วล่ะ

    ตอนแรกเราสงสัยค่ะว่าทำไมตอนนี้สั้นจัง พอลงมาอ่าน note ถึงเพิ่งเข้าใจว่าเพิ่งลงแค่ 50% (ตอนแรกเราก็มโนเองไปเรื่อยว่า อ้ออ..คือชื่อตอนล่ะมั้ง 50% คือรสนิยมอีริค 50% ของชาร์ลส์อีก 50% มั่วนิ่มเอาเองสุดๆ 55555) อยากอ่านครึ่งที่เหลือมากค่ะ รอรวมเล่มนะคะะะ

    สำหรับรวมเล่มไฮสคูลเรายังไม่ได้อ่านเลยค่ะฮือออ แต่เปิดพลิกดูรูปเล่มแล้วสวยงามมากค่ะ สีสวย ภาพประกอบก็สวย ขอบคุณมากๆนะคะที่รวมเล่มมาให้เก็บไว้ฟินนน

    Like

  3. บ้าเจรงฟเห้ห่หทก่แทดำสมกีหากนวแนสกจ ำ สองคนเน้ มีเอาดอกไม้มาให้อ่ะะะ ขอแต่งงานกลายๆใช่ม้าาาา อิริคก็แอบๆบอกไม่ได้อยากเอามาให้หรอกนะ ในใจตือเตรียมสอนสอดใช่มร๊ายยยยยยยย โฮรววววววว ฉลามซึนเหลือหลาย T//////A////////T มีจับมงจับมือ คือตนในซุ้มงานคงมองประมาณ คู้รักใหม่ปลามัน #ห๊ะ มีแต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ไม่รู้ดรืาองที่พวกเธอปิ๊งกันอยู่ววว ห้ก้กท่แสสดหักT/////pT

    Like

  4. แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงเชริคนี่มันนนนนนนฟหกดฟหกดฟกหดหฟกดฟหกดฟหกดฟหกดกฟดฟหกดฟหกดหฟดฟหกด

    /สแครชคีย์บอร์ดอย่างก้าวร้าวฟหกดฟหกดฟหดฟหดฟหดฟหดฟหดฟหดฟหกด
    แบบบบบบบบบบบบแบบบบบบบบบบบบบว่าอยากส่งรูปให้พี่ทิพย์ดูประกอบอารมณ์ตอนนี้มากเลยค่ะฟฟฟฟฟฟฟฟฟ /ตัวม้วนเป็นแยมโรล ฮือนี่มันคู่แต่งงานใหม่ชัดๆ พวกนายรู้ไหม นี่มันไม่ใช่คนจีบกันแล้วนี่มันคู่แต่งงานใหม่ฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดฟหกดหดฟหด /////////////////

    ชาร์ลส์น่ารักมากแงงงงงงงอะไรคือการบอกว่าก็เราตกลงกันไว้นี่ว่าจะกลับด้วยกัน ก็ เรา ตก ลง กัน ไว้ นี่ ว่า จะ กลับ ด้วย กัน!!!!!!!!!!!! แงงงงงงงงงเป็นพ่อฉลามนี่จะไม้แค่แจกดอกไม้ จะอุ้มกลับบ้านเลยฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ////////v///////// แล้วตอนที่ให้ดอกไม้กันนี่คืออะไรคะฟกหดฟหกดฟหกดฟหกดฟหดฟหกดมิสเตอร์เลนเชอร์ /แปะ meme NOW KISS ตัวโตๆ ไว้บนหน้าบลอคพี่ทิพย์รัวๆ ดอกพีโอนีที่ยังไงก็ดูจงใจหามาให้นั่นมันอะไรกันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ /กัดผ้าห่ม

    /ส่วนซีนจับมือนี่มีแต่ NOW KISS ลอยเต็มหัวเลยค่ะ YvY//////////// แอร๊

    Like

  5. แต่งงานกันเลยค่ะ แต่งงานกันเลยค่ะ แต่งงานกันเลยยยยยยยยยยยยยยย
    โอยยยยยยยยย ไม่รู้จะพูดอะไรเลค่ะ แงแงแงแงงงงง
    ความฟินและอะไรก็ไม่รู้มันลอยวนเวียนเต็มตัวไปหมดดดดด
    ฮือออออออออ *หยิบทิชชู่มาซับน้ำตา*

    นี้ตอนชาร์ลส์พูดถึงแฮงค์นี้คือแบบบบบ คุณเลนเชอร์คะ
    นั้นลูกชายคุณค่ะ นั้นคนที่ทำให้ชาร์ลส์น็อคดาวน์เรื่องใครจะขอคบก่อนนะคะะะ
    ทำเป็นไม่สนใจ แต่ใจนี้คิดไปแล้วใช่ไหมคะะะะะะะะะ
    แล้วของอย่างผ้าม่านนั้น อีก บลาบลาบลา คือหาเจอออ
    คือไม่ลงรอยกันไม่ใช่เหรอคะ แต่ทำให้กันได้ทุกอย่างเลย
    โอเคค่ะ ทะเลาะกันก็ทะเลาะ ….

    แต่ชอบสุดเลยจริงๆ แบบบบ ชอบมากกกก ในบทนี้คือ …
    น้องชาร์ลส์ที่มานั่งอ่านหนังสือทำธีสิสรอคุณสถาปนิกมารับกลับบ้านนี้แหล่ะค่ะ
    บอกทีว่าไม่ได้ต้องการเจอกันแน่เหรอคะ แงงงง TT
    โอยยยย ฟห่กเ้าฟ่หก้เสา่ฟหกเสว มันแบบว่า สัญญาว่าจะกลับด้วยกัน ก็คือด้วยกันสินะคะ
    อืมม โอเคเราเข้าใจ

    แล้วดอกพีโอนีนั้นมัน ….
    #ไม่สามารถพูดอะไรได้ต่อจากนี้หลังจากถูกคุณสถาปนิกดาเมจใส่ .. I’M DYINGGGGG orz

    แล้วแล้วแล้วแล้ววว แล้วไอ้ที่บอกว่าเรื่องของเราไม่มีทางเกิดขึ้นนี้
    อยากจะตะโกนบอกคุณอีริคจังเลยค่ะว่า มันเกิดขึ้นไปแล้วววว
    ช่วยจับมือแล้วคุกเข่าขอแต่งงานไปเลยค่ะะะะ TT

    ps. แอบมาสารภาพว่าอ่านจบแต่ลืมเม้นท์ให้พี่สาวเพราะนึกว่าเม้นท์แล้ว แงแงแงง
    พฮืออออ รู้สึกผิดต่อพี่สาวอย่างรุนแรง *ร้องไห้*

    Like

  6. อุ กรีสสสสสสสสสสสสส!!!!!!! กสอากนสหยสเยกรฟรกบอสกนยาหส น่ารักมากมายค่ะะะะะะะ ทั้งละมุน อบอุ่น โรแมนติก แล้วที่ขาดไม่ได้ในฟิคนี้…คือซึนค่ะ 555555คนอื่นเค้ารู้หมดแล้วว่ารู้สึกยังไงกัน มีแต่เจ้าตะวสองคนที่ยะงไม่ยอมรับสักที
    ตอนที่มอบช่อดอกไม้ให้ชาร์ล ทำเป็นไม่สำคัญไปได้ ถถถถถถถถว์ แต่ในใจคงอยากให้ใจจะขาด #หลบฝ่ามือคุณสถาปนิก อยากจะบอกอิริคว่า….ทำไมนายไม่ใส่แหวนแต่งงานลงไปในช่อด้วยเล่าา!!! #โดนถีบด้วยความซึนอันเหี้ยมโหด กร้ากก
    ซีนตอนที่ชาร์ลพูดถึงแฮงค์ รู้สึกสะใจเล็กๆชอบกล //ชั้นโรคจิต?? ชาร์ลน่าจะแหย่อิริคเล็กๆเรื่องนี้ ฟฟฟฟฟฟฟ ดูฮีจะหงุดหงิดเป็นพิเศษเมื่อได้ยินชื่อชายอื่นจากเมี–#สัญญาณถูกดูด
    ส่วนซีนที่ทำให้แถบจิกเบาะรถคงเป็นอื่นไม่ได้นอกจากในลิฟย์ แงงงงงงงง ทำไมก็ไม่รู้ มะนดูน่าระกแล้วก็อบอุ่นมากเลย ไม่ต้องแสดงอากัปกิริยาอะไรมากมาย แต่แค่จับมือน่าจะรู้สึกถึงความรูเสึกทุกๆอย่างจากอีกคนแล้ว //พิมพ์เองงงเอง 5555
    ยังไงก็…. จะรอซื้อเล่มนี้อย่างใจจดใจจ่อนะคะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ #ไปคว้าริชลีมาให้ได้ก่อนเถอะลูก
    ♥ จะติดตามผลงานพี่ทิพย์ตลอดไป ถ้ายะงอยู่ในสายตะวันตกนะคะ;0; //แต่ไม่น่าออกง่ายๆ เราโดนฟิคพี่สะกดจิตไปแล้ว♥

    Like

  7. โอยยยยยยยยยยยยยยย น่ารักกกกกกกกกกกก มาก
    เถียงหรือว่าจีบกันอยู่นี่ อีริคหึงแฮงค์ซะด้วย “นั่น”
    ชาร์ลเอะอะไรก็หน้าแดง เดี่ยวให้อีริคจับฟัดสักทีเลย

    “ก็…ก็เราตกลงกันไว้นี่ว่าจะกลับด้วยกัน…” อีกคนก็อุส่ารอ
    อีกคนกลับมาก็เอาดอกไม้มาฝาก มันไรกันเนี่ย ^_^
    แล้วที่เกี่ยวมือกันไม่ปล่อย มันคืออะไร

    รอเล่มเลยคะ

    Like

  8. น้องก็คิดว่ามันเป็นช่อดอกไม้เจ้าสาวค่ะะะะ
    คือบับบบบบ กระโดดรับช่อดอกไม้สุดตัว
    อ่าว อะไรนะ ยังไม่เเต่งหรอ??
    ไม่เป็นไรค่ะ น้องยอมสละเลือดเนื้อเป็นสินสอดให้พี่ๆนะคะฟฟฟฟฟฟฟ
    บร้าบร้าบร้าจับมืออะไรกันเนี่ย
    ตอนนี้น้องเขินจนบิดไปหมดล่ะค่ะ
    แบบว่าถ้าเป็นผ้าก็แห้งแบบไม่ต้องตากค่ะฟฟฟฟฟฟ
    บร้าบร้าเชริคทำลายชีวิตชรั้นนนนนนร

    Like

  9. โอ่ยยยยยยย แงรรรรร
    ต้องขอโทษด้วยจริงๆ
    คือแอบอ่านมานานมากแล้ว แต่นี่จะไม่ทนน ขอแอบคอมเมนท์ให้เบาๆ(?)
    คืออะไรคือความหวานในความเชอะๆแบบนี้คะ? //กรีดร้องเสียสติอยู่หน้าคอมคนเดียว
    อ่านแล้วเขิน ฟหด้เา่สวหสก่ฟา้่ดฟ จนไม่รู้จะพิมอะไร
    จะรอติดตามต่อไปนะคะ ส่งหัวใจให้รัวๆ ♥♥♥♥

    Like

  10. เดี๋ยวนะ เราขอตั้งสติก่อน ฟฟฟฟฟฟ
    ตอนอีริคหึงแบบนาย นายยยยเก็บอาการบ้างนาย เขารู้กันทั้งโลกแล้วค่ะนาย ฟฟฟฟ
    ตอนซื้อดอกไม้มาให้นี่ก็โอ๊ยซึนไม่เขาเรื่อง บอกว่าให้ก็ให้สิ โถ่ววววว
    ส่วนประโยค “ไม่มีคนอื่นเคยทำแบบนี้ก็ดีแล้ว” นี่ก็ฟฟฟฟมากค่ะ ไม่รอดค่ะ ทำไมอีริคถึงเป็นผู้ชายที่ชวนให้ละลายแบบนี้คะ?
    ปล. มีอีกเรื่องนึกที่เราอยากบอกพี่ทิพคือ เราร้องไห้อะ คือเรื่องมันหวานมากๆจนไม่น่าจะมีไอ้บ้าที่ไหนร้องไห้ได้ แต่คือเราร้องไห้เพราะฉากจับมือตอนสุดท้าย พี่ทิพเขียนได้ดีมาก ดีจนเราอินเราก็เลยนึกถึงแฟนเก่าเราขึ้นมา มันฟิลลิ่งนี้จริงๆ น้ำตาไหลเลย ไหลมาสิบกว่านาทีแล้ว พี่เก่งมากจริงๆ เขียนต่อไปเรื่อยๆนะคะ ทุกคู่เลย เราจะติดตามแน่ๆค่ะ 🙂

    Like

  11. ให้ช่อดอกไม้นี่ซ้อมขอแต่งงานหรือเปล่าคะคุณฉลามหุหุน่ารักมากๆๆค่า

    Like

  12. กรี๊ดดดดด กรี๊ดดดดดด กรี๊ดดดดดดด ทำไมมันน่ารักฟรุ้งฟริ้งเกินบรรยายขยายนี้คะ โอ๊ย อ่านแล้วไร้คำพูดมีแต่ปฏิกิริยาเคี้ยวผ้าเช็ดหน้าอย่างก้าวร้าว
    สนุกมากๆเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะไรท์เตอร์ เชียร์คู่นี้สุดใน

    Like

  13. อ๊ายยย เจอตอนนี้นี่ตายอย่างสงบ เค้ารู้หัวใจตัวเองกันแล้วใช่ไหมคะแม่ ตอนอีริคหึงน่ารักอ่ะ ชาร์ลส์ก็ตอบว่าแฮงค์แค่รุ่นน้อง แกสองคนทำเหมือนกับแกเป็นแฟนกันแล้ว รึเป็นอยู่ ? กร่ากกกก อีริคนี่โคตรโรแมนซ์จริงๆ ซึนอ่ะซึนทั้งคู่

    Like

  14. ขอคอมเม้นท์รวบยอดเลยนะคะ ขอสารภาพก่อนเลยว่าชอบคู่นี้มาไม่นานมาก แล้วก็พึ่งคิดจะหาฟิคอ่านจริงจังเลยพึ่งมาเจอฟิคเรื่องนี้กับบล็อกนี้ค่ะ

    ชอบบรรยากาศของคู่นี้มากเลย ฟิคนี้สื่อมันออกมาได้ดีมากเลยค่ะ ถึงจะมีบททะเลาะกันแต่อ่านแล้วยังรู้สึกอบอุ่นหัวใจแบบบอกไม่ถูก

    ทั้งพล็อตเรื่อง การบรรยาย การดำเนินเรื่องชอบมาเลยค่ะ มีเอกลักษณ์แล้วก็ชวนให้ติดตามต่อมาด

    เสื้อคาดิแนะนี่โมเอะพ้อยท์ของคุณชาร์ลส์เลยนะคะมิสเตอร์เลนเชอร์! /เชียร์ฝั่งคลาสสิกแบบสุดๆ

    คนเขาออกจะน่ารัก ดูตาสีฟ้านั่นสิคะ จ้องแล้วอ่อนระทวยยยยยยยย

    ฮือออออ ใครๆก็ดูออกนะคะว่าสองคนจีบ(?)กันอยู่ แล้วตอนนี้ก็เชียร์ให้สำเร็จด้วยค่ะ 5555

    ป.ล.อ่านเรื่องนี้แล้วอยากไปลองอ่านนิยายของคุณเจน ออสเตนเลยค่ะ
    ป.ล.ล.รออ่านอยู่นะคะ รวมเล่มก็จะอุดหนุนค่ะ!

    Like

  15. พี่ทิพย์ขาาาาาาา
    นี่มันหวานมากกกกกกกก คือไม่ได้หวานจ๋าๆ แต่มันตลบอบอวลไปทั่วทั้งนิวยอร์กเลยสำหรับความหวานเรื่อยๆแบบทั้งสองคนนี้
    ใกล้จบแล้ว โฮฮฮฮฮ รวมเล่มเมื่อไรก็จะรอค่ะ ><

    Like

  16. แงงงงงงงงงงงง เขินมากเลยค่ะฉากดอกไม้ โอยยยย///ลงไปกลิ้งกับพื้น
    อ่านเรื่องนี้มาเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็จะหกโมงเช้าแล้วค่ะ ถถถถถถถถถถ

    Like

  17. มัน…..มัน…….มันปริ่มมากอ่ะพี่ทิพย์ แง ชอบอ่ะ รออัพนะคะ ><

    Like

    • พี่เห็นคอมเม้นน้องทุกอันเลยนะคะ ขอรวบตอบในนี้เน้อ
      ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาอ่าน ดีใจที่ชอบงานนะคะ ><
      ดีใจด้วยที่เจอคนชิปเชริค ฮืออออ /////
      เรื่องนี้จริงๆพี่เขียนจบแล้วค่ะ คงได้รวมเล่มตอนที่ว่างจัดการ ฮี่ๆ

      Like

  18. ดีงามมากเลยค่ะพี่ทิพ >^< ฮืออออออ

    Like

  19. โอยยยย

    คือมารอบเดียวเลยยยย

    ดาเมจจัดเต็ม!!><

    ชอบความละมุน นุ่มนิ่ม เป็นเชริคที่อ่านแล้วอมยิ้มได้ทั้งเรื่องจริงๆ เขินนนนน

    Like

Leave a comment