Type: AU fanfiction
* แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *
Tell the world
that we finally got it all right
I choose you
I will become yours
and you will become mine
I choose you
*****
Chapter 4
นิวท์มาถึงคาเฟ่เดอะเมซในวันรุ่งขึ้นตอนเวลาสิบเอ็ดโมงใกล้เที่ยง…แอบแปลกใจไม่น้อยตอนที่มองผ่านหน้าร้านเข้าไปแล้วพบว่าไม่มีลูกค้านั่งอยู่ในนั้นเลย
คำเฉลยให้รู้ถึงสาเหตุคือป้ายหน้าร้านที่โดนพลิกให้คำว่า ‘ปิด’ เด่นหรา…นิวท์เลยได้แต่จดๆ จ้องๆ อยู่ตรงประตู ลังเลว่าจะทำอย่างไรดี…เพราะวันนี้เขานัดว่าจะเอาหนังสือไปให้อัลบี้ที่ห้องสมุดของเจ้าตัว หากหนังสือทั้งหมดก็ได้ถูกฝากไว้ที่ด้านในตัวร้านกาแฟแห่งนี้
จะเอาไงดีล่ะเนี่ย…
คุณคอลัมนิสต์คิดตรองอย่างเริ่มปวดหัวนิดๆ…เขาไม่รู้จะติดต่อมินโฮได้อย่างไร และครั้นจะให้ยืนแกร่วรอตรงนี้ก็ดูไม่มีประโยชน์…เพราะร้านปิดย่อมหมายความว่าคนเป็นเจ้าของร้านจะไม่แวะเข้ามาอยู่แล้ว
หากตอนที่ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าหรือจะโทรบอกอัลบี้ดีว่าวันนี้คงเข้าไปไม่ได้แล้วอยู่นั่นเองที่ทางแก้ปัญหาปรากฏขึ้น…ร่างคุ้นตาของคุณบาริสต้าหมายเลขหนึ่งหยัดตัวขึ้นมาจากการก้มหาอะไรสักอย่างที่พื้นด้านหลังเคาเตอร์ สบตาเข้ากับนิวท์อย่างจังเมื่อหันหน้ามาทางประตูร้าน
ถึงจะยังประหลาดใจสุดขีดอยู่…ชายหนุ่มผมสีคาราเมลก็คลี่ยิ้มทันทีโดยอัตโนมัติ ยกมือขึ้นโบกทักทายนิดๆ ด้วยแก้เกี้ยว…เพราะไม่รู้จะทำอะไรอื่นได้มากกว่านั้นในเวลาที่ยืนห่างแสนห่างแล้วก็มีกำแพงกระจกกั้นอยู่แบบนี้
มินโฮพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำทัก…ก่อนจะกวักมือเป็นเชิงบอกว่าถ้าอยากเข้าก็เข้ามาได้เลย ทำให้นิวท์ผลักประตูเข้าไป…กลิ่นหอมจางของกาแฟที่ยังคงอวลในตัวร้านแม้ว่าจะไม่มีลูกค้าเลยลอยมาทักทาย
“หวัดดี” เขาเดินไปจนถึงหน้าเคาเตอร์แล้วค่อยเริ่มต้นบทสนทนา “ทำไมวันนี้ปิดร้านล่ะ?”
เพราะวันอาทิตย์ที่แล้วที่เขามา เดอะเมซก็เปิดขาย จึงไม่น่าจะมีเหตุอะไรให้วันอาทิตย์เหมือนอย่างปัจจุบันนี้พลิกมาปิดทำการเสียเฉยๆ…แล้วอีกอย่างที่แปลกไปวันนี้ก็คือบาริสต้าหมายเลขสองของร้านไปอยู่ไหนเสียก็ไม่รู้
มินโฮยักไหล่ตามนิสัยก่อนตอบ “ไม่ได้มีอะไรหรอก…วันนี้โรงเรียนของชัคมีแข่งกีฬาน่ะ โทมัสเลยขอลาไปเชียร์ แล้วฉันก็กะว่าจะเช็คๆ ตรงครัวของร้านอยู่แล้ว…เลยคิดว่าปิดร้านทั้งวันเลยดีกว่า”
“อ๋อ…” นิวท์พยักหน้า…เขาเคยได้คุยกับโทมัสและรู้แล้วชัคคือน้องชายวัยประถมของเจ้าตัว ซึ่งถึงจะไม่ได้แสดงออกมากมาย…นิวท์ก็รู้ว่าโทมัสสนิทกับน้องชายมากเลยทีเดียว “แล้ว…ครัวโอเคใช่มั้ย? ไม่มีอะไรต้องซ่อมใช่มั้ย?”
“เท่าที่ดูๆ ก็ยังโอเคอยู่นะ” มินโฮตอบสั้นๆ ตรงประเด็นอย่างทุกที…ก่อนจะทอดสายตามองเขา “ว่าแต่…นี่นายไม่รู้ใช่มั้ยเนี่ยว่าวันนี้ร้านปิดน่ะ?”
นิวท์อยากพูดเย้ากลับไปเหลือเกินว่าในเมื่ออีกฝ่ายไม่เคยขอหรือให้เบอร์เลย ตนจะมีใครคอยติดต่อมาบอกข่าวได้ล่ะ…แต่นั่นเป็นอะไรที่ล้ำเส้นของการล้อเล่นอันปลอดภัยมากเกินไปนัก เพราะแค่คิดเฉยๆ เองในหัว…หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นผิดจังหวะแบบตลกๆ เสียแล้ว
“ไม่ ฉันไม่รู้เลย…” ชายหนุ่มผมสีคาราเมลแอบกระแอมกระไอ ก่อนจะเสริม “เพราะนี่ฉันนัดเพื่อนไว้ว่าจะเอาหนังสือเข้าไปให้ที่ห้องสมุดไง…เลยกะจะแวะเข้ามาซื้อกาแฟแล้วเอาหนังสือไปด้วยเลยเนี่ย”
เพิ่งนึกได้ว่าร้านไม่เปิดขายเอาก็ตอนพูดออกไปแล้ว นิวท์เลยแก้ประโยคก่อนหน้าด้วยการเอ่ยเสริม “แต่นายปิดร้านนี่นะ งั้นก็ไม่เป็นไร…แล้วนี่หนังสือ—”
มินโฮเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจประโยคเสริมนี้เท่าไหร่นัก…เพราะคุณบาริสต้าถามแทรกขึ้นมา การเสียมารยาทที่ไม่ได้ทำให้ขัดหูเท่าไหร่ด้วยน้ำเสียงทุ้มเรียบนิ่งแต่ไม่เย็นชานั่น
“นายอยากกินกาแฟอะไรล่ะ?”
นิวท์กระพริบตาปริบๆ นิดหน่อยกับคำถามปุบปับ แต่ก็ตอบโดยดีเพราะไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิด…เมนูที่เก้าของร้านเดอะเมซแห่งนี้ “แฟรปปูชิโน…ทำไมเหรอ?”
“หนังสือนายอยู่ตรงโน้นน่ะ” มินโฮพยักเพยิดไปทางมุมร้าน…ถุงพลาสติกสองใบวางแอบอยู่ข้างกระถางต้นไม้ “นายพอจะมีถุงผ้ามาใส่มั้ยน่ะ…เพราะถ้าถือไปแบบนั้นมันเหมือนถุงขยะเลยล่ะ”
นิวท์กลอกตาพร้อมพูดอย่างสุภาพเกินจำเป็นเพื่อเสียดสีว่าตนมีถุงผ้าไหมชั้นเลิศเตรียมมากับตัวอยู่แล้ว ประโยคที่ทำให้มินโฮขำหึหึออกมาสั้นๆ…ก่อนที่ชายหนุ่มผมสีคาราเมลจะเดินไปหยิบถุงหนังสือทั้งสองใบขึ้นวางบนโต๊ะ ง่วนกับการจัดเรียงหนังสือทั้งหมดมาใส่ในถุงผ้าดิบสองใบของตัวเองจนไม่ได้สังเกตเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นรอบตัว
นั่นจึงทำให้เมื่อตอนที่ถูกเรียกแล้วเงยหน้าขึ้น…นิวท์จึงประหลาดใจนักที่ได้พบแก้วพลาสติกใสที่โดนคุณบาริสต้ายื่นมาให้ สีน้ำตาลอ่อนของกาแฟมีเกล็ดน้ำแข็งละเอียดยิบผสมผสานอยู่…แยกชั้นให้เห็นริ้วขาวของนมสดที่ปะปนในตัวเครื่องดื่ม วิปครีมเป็นชั้นมีผงเครื่องเทศโรยอยู่ด้านบนเล็กน้อย…สีขาวสะอาดของเนื้อครีมตัดกับหลอดพลาสติกสีส้มสดใสนัก
“เอ้า…จะนั่งมองให้มันละลายเล่นๆ หรือไง?” เหมือนจะดุ…แต่มินโฮกลับกำลังยิ้มขันๆ อยู่ แกล้งเลิกคิ้วอย่างกวนๆ ตบท้าย “…ฉันนึกว่านายพูดว่าจะกินแฟรปปูชิโนนะนิวท์”
ชายหนุ่มผมสีคาราเมลยังคงมีสีหน้าประหลาดใจอยู่ แต่ก็ขมวดคิ้วใส่คำแซะของเขา…ครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งตอนที่แกล้งดึงกึ่งกระชากเอาถ้วยพลาสติกไป กิริยาที่ทำให้มือเรียวขาวนั่นจับซ้อนลงมาบนมือของเขา…ความไม่ได้ตั้งใจชั่ววินาที
แล้วเมื่อมือว่าง เขาก็เสจิบแฟรปปูชิโนถ้วยของตัวเองบ้าง…แต่มินโฮไม่ค่อยแน่ใจว่ารสหวานๆ ที่กำลังรับรู้นั้นมาจากแค่กาแฟของตัวเอง
นิวท์ไม่รีรอที่จะเริ่มชิมเครื่องดื่มในถ้วยของตัวเอง…ก่อนที่ดวงตาโตสีน้ำตาลคู่นั้นจะเบิกกว้างกว่าเดิม ถามออกมาทันที “เฮ้ๆ…นี่มันพัมป์กิ้นสไปซ์นี่??”
มินโฮยักไหล่ ให้เหตุผลที่ไม่ได้เรื่องเลย “ก็นายไม่ได้พูดว่าอยากกินแฟรปปูชิโนอะไรเองนี่”
แล้วในเมื่อไม่ได้พูด ก็ไม่ผิดอะไรนี่นะที่เขาจะทำเมนูพิเศษให้อีกฝ่ายน่ะ…
นิวท์กลอกตา…แต่การที่เจ้าตัวดูดกาแฟปั่นจากหลอดอึกๆ ต่อก็ทำให้คุณเจ้าของร้านรู้ชัดเจนว่านี่การตัดสินใจของตนนั้นเป็นอะไรที่ถูกต้องที่สุด
ถึงจะได้ทั้งแฟรปปูชิโนและหนังสือแล้ว…แต่ชายหนุ่มผมสีคาราเมลก็ยังไม่ได้รีบออกจากร้านไปอย่างที่ควร นิวท์รอจนมินโฮเช็คความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล็อคประตูหน้า…ร่างโปร่งบางดูเก้งก้างน่าเอ็นดูชอบกลเวลาที่มีถุงใบใหญ่โตคล้องบ่าอยู่ข้างละใบอย่างนี้ ถุงผ้าที่โดนขยับให้เหวี่ยงไปมานิดหน่อยทุกเวลาที่เจ้าตัวยกถ้วยกาแฟปั่นในมือขึ้นมาจิบ
“แล้ว…” มินโฮเกริ่นเมื่อเก็บกุญแจเข้ากระเป๋าแจ็คเก็ตแล้ว “…นายจะไปยังไงต่อล่ะ?”
“ห้องสมุดเพื่อนฉันอยู่แถวซีวิกเซ็นเตอร์น่ะ” นิวท์พูด “ก็คงเรียกแท็กซี่ไปจากตรงนี้นี่แหละ”
เป็นหนุ่มเกาหลีบ้างแล้วที่ได้แต่กระพริบตาปริบๆ…มองอีกฝ่ายด้วยความเหลือจะเชื่อ แล้วพูดถามหยั่งเชิง “เอ่อ…นี่นายรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้เราอยู่ที่บรูคลิน?”
“รู้สิ” นิวท์เองก็มองเขาตอบอย่างงงๆ พอกัน “บ้านฉันก็อยู่ใกล้ๆ ห้องสมุดนั่นนะ…ถนนเมดิสันน่ะ ฉันก็นั่งแท็กซี่มาที่นี่ทุก—เอ่อ…ตลอดนะ…”
คุณคอลัมนิสต์ยั้งตัวเองทันก่อนจะเผลอหลุดปากไปว่าตนตั้งใจมาที่เดอะเมซนี่ทุกวัน…และโล่งใจที่อีกฝ่ายดูจะไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้รู้เลยว่าที่มินโฮเงียบไปก็เพราะกำลังกลั้นความอยากถอนหายใจใส่เจ้ามนุษย์แดนอังกฤษที่ผลาญเงินไปกับค่าแท็กซี่แค่เพื่อกาแฟหนึ่งถ้วยต่อวันตรงหน้าตนอยู่
“โอเค…นายอยู่แถวเมดิสัน แล้วก็นั่งแท็กซี่มาบรูคลินตลอด” หนุ่มเกาหลีถอนหายใจ เลิกคิ้ว “…นายอยู่นิวยอร์กมานานแค่ไหนแล้วน่ะนิวท์? เคยรู้บ้างมั้ยว่าพวกเราก็มีบัสกับรถใต้ดินนะ?”
“ฉันอยู่ที่นี่มาจะสองปีแล้วเถอะ” นิวท์โต้ ก่อนจะเลี่ยงไปมองพื้น “ฉันแค่…ไม่ได้ออกไปไหนเท่าไหร่…”
มินโฮมองผิวขาวเข้าขั้นซีดแบบคนไม่ค่อยออกแดดนั่นแล้วก็แอบถอนหายใจกับตัวเอง …ก็เห็นได้ชัดอยู่ล่ะนะ
“โอเคๆ…” หนุ่มเกาหลีพยักหน้าในที่สุด “งั้นนี่นายจะไปเลยเหรอ? เพราะถ้ายัง…เอ่อ…”
ประโยคหลังนี้หลุดตามมาอย่างเป็นธรรมชาติจนเกินไป…ทำให้คนพูดต้องรีบตะครุบมันไว้กลางอากาศเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาจไม่เหมาะสมนักที่จะเอ่ยออกไป
แต่นิวท์ก็ได้ยินไปแล้วเรียบร้อย…ชายหนุ่มผมสีคาราเมลเลิกคิ้วนิดๆ เป็นเชิงบอกว่าพูดต่อให้จบสิ
มินโฮเลยยักไหล่ในใจว่าเป็นไงเป็นกัน แล้วก็เอ่ยต่อ
“ก็นี่มันจะเที่ยงแล้ว…ถ้านายยังไม่ได้จะรีบไปห้องสมุดเลย…” ประโยคถูกคั่นด้วยการยักไหล่จริงๆ บ้าง “…เราไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ยล่ะ มื้อกลางวันน่ะ”
นิวท์พยายามจะไม่ยิ้มดีใจออกมา เสทำเป็นพูดช้าๆ “ก็…ก็ได้นะ แต่เราจะไปที่ไหนได้ล่ะ…”
มินโฮพยายามถอนหายใจหน่ายๆ ออกมาให้เบาที่สุด…กลอกตานิดๆ ตอนเอื้อมมือมาหยิบเอาถุงหนังสือไปถือให้ถุงหนึ่ง
“ช้าไปสองปี…แต่ยินดีต้อนรับสู่บรูคลินนะนิวท์”
**
สวนเอ็มไพร์-ฟัลตันเฟอร์รีคือส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะบรูคลินบริดจ์ จุดขายของมันคือทางเดินที่ทอดยาวเลียบริมน้ำ…ทำให้นอกจากบรรยากาศเขียวขจีของตัวสวนแล้ว ทางเดินนี้ยังได้มอบภาพทิวทัศน์ของแม่น้ำอีสต์ สะพานบรูคลิน สะพานแมนฮัตตัน และเมืองแมนฮัตตันส่วนล่างให้กับผู้มาเยือนอีกด้วย นั่นจึงทำให้การแวะมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่เป็นทางเลือกที่ไม่เคยผิดเสมอในวันแดดดีแบบนี้
แต่ถึงจะเป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว…ทั้งนิวท์กับมินโฮต่างก็ไม่มีใครหิวเป็นจริงเป็นจังสักเท่าไหร่ พวกเขาเลยตกลงกันว่าจะเริ่มมองหารถขายอาหารสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่เป็นระยะๆ ริมทางเดินตอนที่สองฝ่ายจัดการแฟรปปูชิโนของตัวเองจนหมดก่อน…แล้วก็ค่อยๆ เดินสบายๆ ไปตามทางเดินเลียบริมแม่น้ำ
แดดอุ่น…แต่สายลมเย็นชื้นก็พัดโชยตลอดเวลา บอกให้รู้ถึงเวลาสิ้นปีที่กำลังจะมาถึงแล้ว แม่น้ำสีน้ำเงินเข้มสะท้อนวิววาวกับประกายแดดที่ตกกระทบ…ไอฉ่ำๆ กับเสียงคลื่นซัดทำให้รู้สึกเหมือนสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในมหานครอันวุ่นวายอย่างนิวยอร์กเลย ความรู้สึกที่ทำให้นิวท์ยิ่งอยากสูดลมหายใจลึกๆ…เก็บทุกรายละเอียดไว้ให้มากที่สุดในความทรงจำ
“ทำอะไรน่ะ? สังเคราะห์แสงอยู่เหรอ?”
ดวงตาสีน้ำตาลเปิดลืมขึ้นมามองคนหน้านิ่งที่ตอนนี้ตนได้ค้นพบแล้วว่ากวนประสาทได้ใจอยู่ไม่น้อยเลย ก่อนจะแกล้งขมวดคิ้ว “แค่เพราะฉันติดหนี้กาแฟนาย ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้นายล้อฉันแบบนี้นะมินโฮ”
“โอเค…ขอโทษครับคุณลูกค้า” หนุ่มเกาหลีหัวเราะหึหึ ก่อนจะถามต่อสบายๆ “นายบอกว่าอยู่ที่นี่มาจะสองปีแล้วเหรอ? ทำไมย้ายมาจากอังกฤษล่ะ?”
“สำเนียงฉันชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?” นิวท์ถาม ก่อนจะหัวเราะพร้อมส่ายหน้าแบบยอมแพ้ตอนโดนมินโฮเลิกคิ้วใส่ “โอเค…ฉันย้ายมาเพราะงานน่ะ แล้วก็เพราะอยากเปลี่ยนที่ด้วยล่ะ”
คลื่นความตระหนกพัดผ่านนิวท์ไปเล็กน้อยตอนที่เพิ่งตระหนักได้ว่านี่เป็นหัวข้อสนทนาที่จะนำพาไปสู่การพูดถึงอาชีพของตัวเองได้ง่ายแค่ไหน…ความตระหนกที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึก แต่นิวท์พบว่าเขาอยากจะให้ทุกสิ่งที่กำลังจะเกิด – หรืออาจเกิดขึ้นไปแล้ว – ตอนนี้ไม่มีการบอกถึงสาเหตุจริงที่ตนแวะเวียนไปที่คาเฟ่เดอะเมซทุกวันเข้ามาเกี่ยวข้อง
และโชคก็ดูเข้าข้าง…เพราะมินโฮไม่ได้ถามอะไรต่อ ชายหนุ่มผมดำแค่พยักหน้ารับรู้ แล้วก็เปลี่ยนมาเล่าเรื่องของตัวเองบ้างเมื่อโดนถาม…ปัดให้ประเด็นเรื่องหน้าที่การงานโดนลืมไปอย่างน่าโล่งใจ
“จริงๆ นะ” นิวท์ยังคงยืนยันในไอเดียของตัวเอง “นายน่าจะทำพวกบัตรสมาชิกนะ…ร้านนายคนมากินเยอะจะตาย”
“บัตรสมาชิก?” มินโฮทวนคำขันๆ “ร้านฉันขายกาแฟขายขนมอยู่แค่นั้น…จะมีโปรโมชั่นอะไรให้ลูกค้าสมาชิกได้หา?”
นิวท์ยักไหล่…พยายามที่จะดูดน้ำแข็งที่ยังไม่ละลายในถ้วยแฟรปปูชิโนของตัวเองพร้อมคิด ก่อนจะเสนอ
“แจกถุงผ้าสิ” เขย่าถุงหนังสือบนไหล่ตัวเองประกอบเสียด้วย “ได้แถมของแล้วก็ยังโปรโมทร้านในตัว…นึกภาพว่านี่เป็นถุงร้านนายสิ อย่างน้อยๆ ตอนนี้คนที่เดินผ่านเราก็จะได้เห็นชื่อร้านนายแล้วนะ”
มินโฮส่ายหน้าแต่ก็อดขำไม่ได้ ก่อนจะโยนถ้วยกาแฟที่หมดแล้วของตัวเองลงถังขยะเมื่อเดินผ่าน…เรียกคนข้างตัวไว้ด้วย
“เฮ้ นิวท์” พยักเพยิดนิดๆ “ทิ้งถ้วยเลยสิ…หมดแล้วนี่”
“ไม่เป็นไรหรอก…” อีกฝ่ายยกถ้วยขึ้น เขย่าให้น้ำแข็งก้อนที่ใหญ่เกินละลายทันส่งเสียงกลุกๆ “…ยังเหลืออยู่เลย”
มินโฮกลอกตา ก่อนจะเอื้อมไป…อีกฝ่ายไม่ได้รั้งห้ามเอาไว้ตอนที่เขาหยิบถ้วยจากมือของเจ้าตัวไปทิ้งลงขยะให้
“เหลืออยู่แค่นั้นน่ะเขาเรียกว่าหมดแล้ว” คุณบาริสต้าแก้ให้ ก่อนจะเผลอพูดออกไป “ถ้าอยากกินอีกเดี๋ยววันพรุ่งนี้ฉันทำให้ใหม่…โอเคมั้ย?”
“ไม่ล่ะ—” นิวท์ปฏิเสธทันควันแล้วก็หยุดพูดกลางคัน พยายามหาประโยคต่อไปอย่างรีบด่วน “คือ…พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้สิ ค่อยว่ากันก็ได้…”
มินโฮแอบรู้สึกหน่วงๆ ในใจชอบกลตั้งแต่ที่ได้ฟังคำปฏิเสธทันควันนั่นแล้ว…และการตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้นี้ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย จากบทสนทนาที่มีกันมานั้น…เขาละเว้นที่จะจับโอกาสการถามถึงงานของนิวท์ทุกครั้ง เพราะรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดูจะไม่อยากเล่าชอบกล…แล้วถ้าตัดสินจากการที่เจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดลงลึกเองด้วย มินโฮก็คิดว่าชายหนุ่มผมสีคาราเมลอาจจะต้องการให้เขาไม่รู้…เพราะอย่างไรเสีย นิวท์ก็กำลังให้คะแนนเครื่องดื่มและร้านของเขาอยู่…การบอกความจริงย่อมหมายถึงเปิดเผยถึงจุดประสงค์ ซึ่งจะตามมาด้วยเนื้องานที่อาจเสียไปของเจ้าตัว
แต่ให้ตายเถอะ…เขาไม่ได้แคร์เรื่องคะแนนที่จะได้ด้วยซ้ำ…
มินโฮอยากส่งเสียงฮื่อๆ อย่างงุ่นง่านออกมานัก…ชั่งน้ำหนักในใจว่าจะบอกๆ นิวท์ไปสักทีดีไหมว่าตนรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ความไม่แน่นอนของผลจากการกระทำก็รั้งเขาไว้…ลังเลจนสุดท้ายโอกาสเลยผ่านไป นิวท์เปลี่ยนประเด็นมาถามถึงมื้อกลางวันของพวกเขาแทนเสียแล้ว
“เลือกเอาเลย” มินโฮชี้ไปทางร้านรถแวนมากมายที่เปิดขายของอยู่โดยรอบบริเวณ “อยากกินอะไรล่ะ?”
อาหารที่ขายอยู่แถวนั้นล้วนแต่เป็นเมนูง่ายๆ อย่างเบอเกอร์หรือฮอตด็อก…แต่คงเป็นเพราะสัญชาติญาณตามอาชีพ นิวท์ก็ตาดีพอที่จะมองเห็นรถแวนสีเหลืองเพ้นท์ลายจุดหลากสีตรงมุมหนึ่งเข้าจนได้
“พานินีไส้เบคอนชีสกับลูกพีชย่าง?” มินโฮอ่านป้าย เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่านิตยสารเดอะเกลดนี่เปิดให้แนะนำอาหารประเภทไหน “เอาจริงเหรอ?”
นิวท์ยักไหล่ “ก็น่าสนใจที่สุดเท่าที่มีแล้วล่ะ…ว่าไงล่ะ?”
เป็นไงก็เป็นกันล่ะวะ… หนุ่มเกาหลีขี้เกียจมาเรื่องมากเพราะก็หิวขึ้นมาแล้ว …เพราะถ้ามีเบคอน อะไรๆ ก็ไม่น่าเลวร้ายมากหรอก
แต่ผลปรากฏคือสิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นอะไรที่อยู่คนละทางจากคำว่าเลวร้ายสักปีแสงหนึ่งได้…ขนมปังของแซนด์วิชสไตล์อิตาเลียนนี้กรอบนอกนุ่มในและหอมกรุ่นด้วยกลิ่นน้ำมันมะกอก เข้ากันเป็นอย่างดีกับชีสที่ถูกอบจนละลายและเบคอนเกรียมๆ…ฮันนี่มัสตาร์ดที่ถูกทาบนขนมปังทำให้ไม่เลี่ยนเกินไป และที่ไม่น่าเชื่อที่สุดก็คือเนื้อพีชสีเหลืองทอง…สิ่งที่ฟังดูผิดที่ผิดทางในเมนู หากกลับมอบรสหวานอมเปรี้ยวอันลงตัวกับส่วนผสมทุกอย่างได้เสียอย่างนั้น
นั่นจึงทำให้มินโฮถึงกับต้องพยักหน้าหงึกๆ ซ้ำๆ เมื่อนิวท์เลิกคิ้วมาให้แทนการเอ่ยปากถามว่าเป็นไงบ้าง…กิริยาที่ส่งผลให้อีกฝ่ายเกือบหลุดหัวเราะออกมาทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวปานินีแก้มตุ่ยเองอยู่
ทั้งสองย้ายจากม้านั่งบนสนามหญ้ากลับมาที่ทางเดินเลียบแม่น้ำดังเดิมเมื่อทิ้งถาดกระดาษใส่แซนด์วิชเรียบร้อยแล้ว…แดดยามบ่ายดูจะสาดจ้ากว่าตอนเที่ยง แต่ไอเย็นจากแม่น้ำและสายลมใบไม้ร่วงก็เจือจางให้มันกลายเป็นความอบอุ่นที่กำลังพอดีไปได้
“แล้ว…” มินโฮพูดขึ้น “…จากตรงนี้นายจะไปซีวิกเซ็นเตอร์เลยใช่มั้ย? ต้องหาแท็กซี่สินะ?”
“อืม…” นิวท์ส่งเสียงตอบเพื่อประวิงเวลาคิด…เพราะเขาแทบลืมไปแล้วว่าวันนี้ตนตั้งใจจะออกมาทำอะไร อาการหลงลืมอันเป็นผลข้างเคียงมาจากการอยากให้เวลาตรงนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ…และนิวท์ไม่ชอบเลยที่ตัวเองคิดหวังอะไรแบบนี้ “ก็…ก็คงงั้นแหละ…”
มินโฮพยักหน้าพร้อมพูดว่าโอเค…ก่อนที่ทั้งคู่จะออกเดินต่อเพื่อไปยังจุดเชื่อมต่อไปตรงสะพานบรูคลิน บนทางเดินริมน้ำมีรถจักรยานขายของกินเล่นหลากหลายอย่างเรียงราย…และหนุ่มเกาหลีก็เรียกให้นิวท์หยุดเมื่อเดินผ่านรถไอศกรีม
“นายอายุกี่ขวบแล้วนะมินโฮ?” ชายหนุ่มผมสีคาราเมลแกล้งถาม แต่ก็พังมาดตัวเองด้วยประโยคต่อมาที่เอ่ยกับคนขาย “เอารสมิ้นต์ช็อกโกแล็ตชิปอีกด้วยครับ”
มินโฮแกล้งส่งเสียงเฮอะดังๆ…ก่อนจะควานหาธนบัตรในกระเป๋าเงิน การกระทำที่ทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั่นเบิกกว้าง ร้องห้ามเสียงหลง
“เฮ้ๆๆๆ! จะทำอะไรน่ะ?!” นิวท์เอามือดันกระเป๋าของเขาให้พ้นไป “หยุดเลยนะ…ไอติมนี่ฉันเลี้ยงเอง”
“อะไรของนายหา??” มินโฮพยายามจะยกกระเป๋าขึ้นมาใหม่ แต่มือก็โดนดันอีก “ฉันโตพอจะมีเงินซื้อไอติมกินเองแล้วนะถ้านายไม่รู้…หยุดนะเฮ้ย”
“นาย-แหละ-หยุด” ชายหนุ่มผมสีคาราเมลเอาปลายนิ้วดีดๆ ข้อนิ้วของเขาให้ขยับมาเปิดกระเป๋าเงินไม่ได้ “ถือว่า…แทนค่ากาแฟ…เมื่อเช้า…”
รอยดีดนี่ไม่เจ็บอะไร แต่น่ารำคาญเอาเรื่องเลยทีเดียว “ฉันปิดร้านไม่ขายกาแฟวันนี้…เพราะงั้นนั่นถือว่าให้ฟรีแล้วเหอะ”
“แต่ฉันโตพอจะมีเงินซื้อกาแฟกินเองแล้วนะถ้านายไม่รู้” นิวท์เอาประโยคของเขามาโต้สวน “เก็บกระเป๋าเงินนั่นไปซะ”
มินโฮกลอกตาก่อนจะยอมทำตามโดยดี…ยืนมองอีกฝ่ายจ่ายเงินให้คนขาย แล้วทั้งสองก็ได้ยืนงงกันทั้งคู่เมื่อเห็นว่าไอศกรีมที่ได้มานั้นเป็นสองลูกบนโคนเดียวแทนที่จะเป็นลูกเดียวบนแต่ละโคนซะงั้น
“เอ่อ…” นิวท์กระพริบตาปริบๆ “นี่สั่งสองโคนนะครับ ไม่ใช่สองลูก”
“อ้าว…” สาวน้อยคนขายกระพริบตาบ้าง ก่อนจะพูดเสียงแหยๆ “ก็คุณลูกค้าบอกว่าขออีกลูก…”
นิวท์คิดทวนคำพูดของตัวเอง แล้วก็พบว่ามันตีความได้แบบนี้จริงๆ เสียด้วย และขณะที่กำลังคิดอยู่นั่นเองว่าจะทำอย่างไรดี…มินโฮก็พูดแทรกขึ้นมา
“ช่างมันเหอะ” หนุ่มเกาหลียักไหล่ตามนิสัย “แบ่งกันกินก็แล้วกัน…ไปกันเถอะ”
นิวท์เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยแล้วเดินออกมา…และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อก็คือพวกเขาต้องคอยขยับถุงหนังสือที่ถืออยู่ไปๆ มาๆ เพื่อรับส่งไอศกรีมโคนให้กันและกัน
“มิ้นต์กับช็อกโกแล็ตนี่ดีที่สุดเลยให้ตาย…” มินโฮพูดขึ้นหลังงับไอศกรีมคำใหญ่ไป ยื่นโคนกลับมาให้เขา “เอ้า…”
นิวท์พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมรับโคน “ใช่เลย…ขนาดช็อกโกแล็ตร้อนฉันยังชอบแบบใส่มิ้นต์เลยล่ะ”
“งั้นเตรียมเสียเงินให้ร้านฉันอีกได้เลย” มินโฮยิ้มหึหึ “เพราะนั่นก็มีในเมนูด้วยล่ะ…ช็อกโกแล็ตร้อนรสมิ้นต์น่ะ”
นิวท์แค่หัวเราะเออออไปด้วย…และก็ขอบคุณสวรรค์ที่ตอนนี้พวกเขามาถึงจุดสิ้นสุดของตัวสวนแล้ว นั่นหมายความว่าเวลาที่มีให้กันวันนี้จะจบลงได้โดยไม่มีการบอกเล่าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือเหตุผลที่แวะเวียนไปที่คาเฟ่ใดๆ อีกแล้ว
แต่น่าแปลกนัก…เพราะความโล่งใจกลับไม่ได้มีน้ำหนักเท่าความวูบโหวงของการตระหนักรู้ว่าตนจะต้องแยกจากมินโฮเลยสักนิด
“โอเค…” ชายหนุ่มพยายามไล่ความคิดไร้สาระนี้ออกไป “งั้น…ก็เจอกันพรุ่งนี้นะ”
มินโฮมองมือขาวๆ ที่ยื่นมารอรับถุงหนังสือจากบ่าตนไป…สมองทำงานได้อย่างมากมายจนไม่น่าเชื่อในเสี้ยววินาที มันไตร่ตรอง…ชั่งน้ำหนักของการพูดและการไม่พูดสิ่งที่ต้องการ…ตระหนักถึงเวลาที่กำลังทิ้งตัว ตัวแปรที่ช่วยให้การตัดสินใจบ้าบิ่นกลายเป็นเรื่องไม่ยากเย็นเลย
เพราะยังไงวันนี้ทั้งวันก็เกิดจากการตัดสินใจบ้าบิ่นอยู่แล้วล้วนๆ นี่นา…
“จากตรงนี้ไปซีวิกเซ็นเตอร์มันไม่ไกลหรอก” เขาเลยพูดออกไป “ถ้านายโอเค…ฉันเดินไปกับนายก็ได้นะ”
นิวท์เงียบไป และนั่นก็เป็นสัญญาณให้มินโฮเดาว่าเขาได้เสนอสิ่งที่ไม่เป็นที่ต้องการออกไปเสียแล้ว…จึงยักไหล่แล้วพูดแก้เสริมอย่างที่รู้ตัวว่าต้องทำ
“แต่ถ้านายจะเรียกแท็กซี่ก็ได้—”
“เอาสิ”
นี่เป็นการพูดแทรกที่เสียมารยาทชะมัด…แต่ในนาทีนี้ การเสียมารยาทนี้กลับเป็นอะไรที่เขาไม่เคยรู้สึกดีใจที่ได้ยินขนาดนี้มาก่อนเลย
มินโฮพยายามจะกลั้นรอยยิ้มของตัวเองแล้ว…แต่เมื่อเห็นว่านิวท์มีสีแดงจางๆ ระบายบนผิวแก้ม เขาก็ยอมแพ้แล้วหัวเราะเบาๆ ออกมา
**
ห้องสมุดของเพื่อนนิวท์ที่ชื่ออัลบี้คนนี้เป็นอาคารเดี่ยวๆ สีขาวที่ครอบครองพื้นที่ริมถนนไว้…และถึงแม้ว่าใบของต้นไม้ริมรายทางจะแปรเปลี่ยนเป็นเฉดสีเหลืองอมน้ำตาลทองหมดแล้ว มันก็ยังไม่ได้ปลิดปลิวไปจนหมด…มอบร่มเงาบังแดดยามบ่ายคล้อยให้กับเหล่าคนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
มินโฮเองก็หยุดเดินเมื่อคนข้างตัวหยุดลงตรงฟุตบาธหน้าทางเข้าอาคาร…ยิ้มบางๆ ตอบให้ตอนที่อีกฝ่ายหันมา
“ก็…ถึงแล้วล่ะ” นิวท์เสขยับหูถุงผ้านิดหน่อย “ขอบใจนะที่ช่วยมากับฉัน”
“ไม่เป็นไรหรอก…ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย” ความเป็นทางการนี้ตัดกับบทสนทนาสนิทสนมของทั้งวันที่ผ่านมานัก และความน่ากระอักกระอ่วนใจนี้ก็ทำให้มินโฮอดขำไม่ได้ “…ขอบคุณที่แนะนำแซนด์วิชแล้วก็เลี้ยงไอติมฉันนะ”
นิวท์ยิ้มบ้าง รอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาสีน้ำตาลนั่นพริบพราวราวมีประกายแดดแฝงอยู่ “ขอบคุณที่เลี้ยงกาแฟฉันเหมือนกัน…เป็นพัมป์กิ้นสไปซ์แฟรปปูชิโนที่อร่อยมากเลยล่ะ”
คำชมนี้ทำให้ตะกอนความวูบโหวงในใจของมินโฮหมุนวนขึ้นมาอีกครั้ง…เขาได้แต่เสหัวเราะ พูดเสียงเบาลงกว่าที่เคย
“ถ้านายชอบ วันพรุ่งนี้ก็สั่งใหม่สิ แล้วเดี๋ยวฉันทำให้อีก…ดีไหม?”
ประโยคนี้และแววตาในดวงตาสีดำคู่นั้นทำให้วูบหนึ่งนิวท์ตระหนกขึ้นมา…เพราะมันดูเว้าวอนเกินกว่าจะเป็นแค่คำเสนอแนะทั่วไป ราวกับมินโฮกำลังร้องขอให้เขาพิจารณามาตรการการทำงานของตัวเองใหม่…เรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ตัดสินจากการที่อีกฝ่ายไม่รู้สักนิดว่านิวท์เป็นใคร
“ร้านนายมีกาแฟตั้งหลายอย่างออกนะ” เขาพยายามปกปิดหัวใจที่เต้นรัวเพราะความตระหนกของตัวเองด้วยการหัวเราะ คำโกหกที่ไม่แนบเนียนเลย “…ขอฉันลองเรื่อยๆ ดีกว่า ฉันชอบลองอะไรใหม่ๆ น่ะ”
นิ่มนวล…หากก็เป็นคำบ่ายเบี่ยงอยู่ดี และนั่นก็ทำให้มินโฮรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆ
“แต่ถ้านายลองทุกอย่างรวดเดียว…สุดท้ายมันก็จะไม่เหลืออะไรใหม่ๆ น่ะสิ…” เขาแทบกระซิบแล้ว…เนิบช้าหากแตกพร่า “ลองสั่งอะไรซ้ำๆ บ้างสิ…จะได้ทำให้ลิสต์จบช้าลงบ้างไง…”
ไม่เป็นที่สังเกตได้เลย…หากร่างหนานั่นก็ก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด ความใกล้ที่คล้ายคลึงกับวันที่นั่งทำทะเบียนหนังสือด้วยกันบนโซฟา เพียงแค่วันนี้…ความใกล้ชิดนี่ดูมากมายกว่าเดิมเพราะพวกเขากำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่
ใกล้เสียจนวูบหนึ่งนิวท์คิดว่ามินโฮอาจจะแตะมือลงมาบนข้างแก้มของเขา…หรือสัมผัสอื่นใดที่มากกว่าแค่นั้น
หวั่นไหวผสานคาดหวัง…นิวท์ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองก็ขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเช่นกัน
หากช่วงนาทีที่เหมือนเวลาหยุดลงก็หายวับไปด้วยเสียงดังตุ้บ…หนังสือเล่มหนึ่งหล่นลงจากปากถุงผ้าที่อ้าค้าง ทำให้มินโฮถอยออกไปขณะที่นิวท์ก้มลงไปเก็บหนังสือ
“เอ่อ…”
และตอนที่เขาหยัดตัวตรงเพื่อจะกล่าวอะไรใหม่อีกครั้ง ก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
“นิวท์! มาแล้วทำไมไม่เข้ามา— โอ…โทษทีๆ…”
อัลบี้ชะงักไปเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว…ก่อนจะยิ้มอย่างมีอัธยาศัยให้มินโฮ ทำมือเป็นเชิงบอกว่างั้นก็ตามสบายเลย…ก่อนจะผลุบกลับเข้าไปในตัวอาคาร
“งั้น…” ชายหนุ่มผมดำยิ้มบางๆ มาให้…ความอ่อนโยนที่ดูเศร้าอย่างอธิบายไม่ได้ “…เดี๋ยวฉันไปก่อนละกัน”
“โอเค…” นิวท์รับถุงหนังสือมา ใจหนักหน่วงอย่างแปลกประหลาด “พรุ่งนี้เจอกันนะ…มินโฮ”
คุณบาริสต้าพยักหน้าเบาๆ…ตอบด้วยประโยคเดียวกัน “พรุ่งนี้เจอกัน…นิวท์”
แม้ว่าร่างของอีกฝ่ายจะเดินลับไปแล้ว…แม้ว่าเขาจะเดินเข้ามาด้านในห้องสมุดแล้ว…แม้ว่าถุงหนังสือจะโดนวางลงบนโต๊ะและเขาทิ้งตัวลงนั่งแล้ว…นิวท์ก็พบว่าน้ำหนักในใจตนยังคงไม่บางเบาลงเลย ซ้ำร้าย…ภาพแววตาและถ้อยคำทั้งหมดยังทำให้มันทิ้งตัวลงมามากกว่าเก่าเสียด้วย
“ขอบใจนะเพื่อน” อัลบี้พูดหลังจากถ่ายหนังสือทั้งหมดออกมาแล้วพับถุงผ้าคืนให้เขา ก่อนจะทัก “เป็นอะไรน่ะ…ทำไมหน้ายุ่งเชียว? ทะเลาะกับแฟนเหรอ?”
นิวท์คว้าโพสต์อิทแถวนั้นปาใส่…การโจมตีที่ไร้ผลเพราะแผ่นกระดาษสีแสบตานั้นม้วนปลิวและตกแปะลงบนพื้นตั้งแต่แรก “มินโฮไม่ใช่แฟนฉัน”
“อ้าว…จริงเหรอ?” คนฟังตาโตพร้อมเลิกคิ้ว “แล้วใครที่ไหนจะยอมเสียเวลาวันหยุดมาช่วยนายขนหนังสือหา? ถ้าไม่ใช่แฟน…ฉันว่าเขาก็อาจจะอยากเป็—”
“อย่า อัลบี้” ชายหนุ่มผมสีคาราเมลชี้นิ้วเป็นเชิงเตือน “อย่าพูดออกมาเชียวนะ”
ถ้อยคำชวนหาเรื่อง…แต่แววตาก็ร้องขอให้หยุดประเด็นนี้เสียที นั่นจึงทำให้เพื่อนสนิทยอมหยุด เริ่มต้นแยกหนังสือเป็นกองๆ ตามหมวดหมู่…สายตาทอดไปทางคนที่นั่งพิงพนักเก้าอี้และแหงนเงยศีรษะขึ้นมองเพดานเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่ก็ตามนิสัยห่วงใยคนอื่นเสมอ…สุดท้าย อัลบี้ก็อดติงออกมาไม่ได้
“นายจะบอกว่าตัวเองโอเคก็ตามใจนะ” ยักไหล่เล็กน้อยอย่างที่บอกให้รู้ว่าตนไม่เชื่อคำพูดนี้ของนิวท์ “แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรให้นายคิด และนายไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย…งั้นนี่นายมาเป็นบ้าอะไรอยู่ล่ะ?”
นิวท์ถอนหายใจเฮือกโต ไม่ยอมพูดอธิบายอะไรอยู่ดี เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ตระหนักได้ชัดเจน…ว่ามันเป็นความคิดอันไร้สาระและเป็นไปไม่ได้แค่ไหนที่จะหวังให้มีกาแฟถ้วยที่สิบห้าอยู่ในรายการที่มีเครื่องดื่มแค่เพียงสิบสี่ชนิดเท่านั้น
tbc.
*********************************************************
note:
– สูตร Bacon, Cheese and Peach Paninis ที่ทิพย์ก็อปมาเขียนอย่างเลือดเย็นค่ะ555 >> http://iowagirleats.com/2012/07/18/bacon-cheese-peach-paninis/
– ที่ที่สองหนุ่มไปเดท(?)กันคือ Empire-Fulton Ferry State Park (http://nysparks.com/parks/132/details.aspx)ค่ะ เป็นส่วนหนึ่งของ Brooklyn Bridge Park…ซึ่งสวนนี้ เป็นที่ถ่ายทำของซีนใน The Amazing Spider-Man 2 ที่แฮร์รี่กับปีเตอร์ไปพูดคุยรำลึกความหลังกันค่ะ บรรยากาศสวยสดใสมาก /////
สวัสดีค่ะทุกคน >v<
บทที่สี่แล้วววว บทนี้มีแค่ถ้วยเดียว…เพราะงั้นเรายังเหลือเวลาอยู่ด้วยกันกับเรื่องนี้อีก 5 ถ้วยนะคะ แฮ่กๆๆๆๆ
เป็นบทที่ทำให้ทิพย์เปิดแผนที่ฝั่งบรูคลินแบบสุดติ่งเลยค่ะแงงงงง เพราะที่ผ่านมา เวลาเขียนถึงนิวยอร์กนี่เขียนถึงแต่ฝั่ง Upper West Side ทั้งนั้นเลยค่ะฟฟฟฟ แต่พอคราวนี้กะให้อยู่ย่านไม่ในเมืองมาก ออกมาห่างๆดาวน์ทาวน์บ้าง เลยได้นั่งสำรวจโลเคชั่นของบรูคลินกันอย่างเมามันเลย TvT
บทนี้…มินโฮกับนิวท์ว่าไงไม่รู้ แต่คนเขียนขอนับเป็นเดทนะคะฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ สองหนุ่มถือหนังสือเดินหนุงหนิงด้วยกันแฮ่กๆๆๆๆๆ ไว้ตอนได้เป็นแฟนกัน นิวท์อาจแจกถุงผ้าใยข้าวโพดไรงี้ก้ากกกกก ขอขอบคุณน้องวิวกับน้องนัทที่นั่งฝอยกันเรื่องของแถมร้านกาแฟในทวิตค่ะ แต่ตุ๊กตาโศกานี่งบไม่ถึง แถมไม่ได้นะคะ ติดลิขสิทธิ์จากวิคเค็ด ถถถถถถถถถถถถถถถ
หนุ่มๆยังคงสับสนกับหัวใจตัวเอง แล้วเดี๋ยวมาดูกันค่ะว่าจะกล้ายอมรับกันได้ทันก่อนกาแฟถ้วยที่ 14 มั้ย…ขอขอบคุณทุกคนเป็นรอบที่หมื่นล้านที่ให้ความเอ็นดูกับฟิคเรื่องนี้ ขอขอบคุณทั้งคอมเม้นผ่านบล็อก เมนชั่น/แท็กฟิคในทวิต แล้วก็การส่ง ask เข้ามาทาง ask.fm/tippuri นะคะ…เป็นกำลังใจที่น่ารักเสมอเลย ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
อีกห้าถ้วยค่ะ อีกห้าถ้วยยยยยยย
ทิพย์เอง
นี่มันเดทททททททททททททททททททททททท
โอยยยยยยย รู้สึกหน่วงๆตาม แถมยังงุ่นง่านแปลกๆ เลิกซึนเลิกเก๊กเถอะนะะะะะะะะะะคุณคอลัมนิสต์ คุณบาริสต้า
นิวท์ยังคงสติลคิ้วววววววท์ โอปป้าก็ยังเป็นโอปป้าสุดคูลเช่นเดิม (แต่คงต้องเปลี่ยนเป็นโอปป้าสุดคูลที่กวนประสาทอย่างร้ายกาจ 555) อยากเห็นโมเม้นกินไอศครีมโคนเดียวกันจังเลยค่ะะะ ทั้งสองคนไม่เขินแต่เราเขินนะะะะะะะะะะ
ยังคงเป็นฟิคที่อ่านแล้วหรุ่นกลิ่นกาแฟเหมือนเดิมเลยค่ะ ถึงแม้ตอนนี้จะเปลี่ยนโลเกชันก็ตาม
เป็นกำลังใจ และรอกาแฟถ้วยต่อไปนะคะ
ป.ล.อยากเห็นชัคในงานกีฬาจังเลยน้าาาาา
LikeLiked by 1 person
ถ้ารีบเลิกเก๊กเดี๋ยวฟคจะจบก่อนสิบสี่ถ้วยค่ะ— #อุ๊ย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ค่ะ เราก็อยากเห็นน้องชัคแข่งกีฬาค่ะฮือออออ T/////T
LikeLike
อ่านแล้วความรู้สึกพี่เป็นอย่างนี้
น่ารัก
น่ารักว่ะเฮ้ย
เอ๊ย ตรงนี้ก็น่ารัก
แม่ง หน่วงๆ ว่ะ
ฮื้อออออ หน่วงโคตร อปป้าอ้ะ!
ประมาณนี้ << น้องทิพย์บอก "อ่านไม่รู้เรื่องเฟ้ย!"
คือตรงช่วงแรกมันน่ารักมากเลย กิ๊บก๊าวมาก ตอนที่ไปกินมื้อเที่ยงกันนี่น่ารักมาก อปป้าเคี้ยวตุ้ยๆ นี่แบบ อื้อออออ แก้มกลมๆ แหงๆ 555
แต่พอมาถึงช่วงหน้าห้องสมุดมันแบบ หน่วงมาก มันเว้าวอนอะ อปป้าเว้าวอนอ้ะ! // นอนตาย // คือเข้าใจนิวท์นะ ที่ก็ยังขีดเส้นบางๆ อยู่เพราะงาน แต่แบบ อปป้าเว้าวอนอ้ะ! // นึกเป็นเสียงแบบอปป้าที่ไม่ใช่กีฮง
เลิฟตอนนี้มาก รวมเล่มเหอะ
LikeLiked by 1 person
น้องยังยืนยันคำเดิมว่าประโยคทิ้งท้ายของพี่เอโหดสัสมากค่ะถถถถถ
และตอนนี้น้องปิดข่าวสารของกีฮงออกจากชีวิตแล้วค่ะ ไม่งั้นไม่อาจดูมินโฮด้วยใจเป็นสุขได้ TxT
เรื่องนี้ ถ้าได้รวมเล่มจริงนี่น้องกรี๊ดค่ะแงงงงงง
LikeLiked by 1 person
เราจะรอ~
LikeLike
ไอติมโคนเดียวกัน อ๊ากกกกก ชอบมาก คนขายช่างรู้ใจจริงๆ
อัลบี้ นายห้ามคิดกับนิวท์เกินเพื่อนนะ ถึงออฟฟิเชียลจะบอกว่านิวท์คู่นายก็เถอะ
โอ๊ยยย อยากให้มีถ้วยที่ 15 16 17
รอตอนต่อไปนะ
LikeLiked by 1 person
เราปล่อยเบลอ อฟช อย่างเลือดเย็นค่ะบอกเลย5555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ
LikeLike
นี่สองคนนี้เขาเดทกันเหรอ??… เดินในสวน…กินมื้อกลางวัน… กินไอติม…
นี่มันเดทแล้วนะ… นี่มันเดทแล้วววววววววววววววววว
สุดๆค่ะ ทั้งหวานๆน่ารักๆ ทั้งสับสนด้วย
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ ติดตามเสมอค่ะ
LikeLiked by 1 person
สองคนเขาไม่รู้ตัว แต่คนอ่านคนเขียนนับว่าเดทแล้วค่ะ ฮาาาา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ค่ะ
LikeLike
อ่านฟิคนี้ทีไรอยากกินกาแฟทุกทีเลยค่ะ 5555555555 /ก็พูดไป…
ฮืออออ ฟิคนี้มันดีงามมมมม อ่านแล้วเขินค่ะ เดท นี่มันเดททท อยากแปลงร่างเป็นหนังสือสักเล่มหรือไม่ก็ถุงผ้าใยข้าวโพ— ไม่สิ นี่มันถุงผ้าไหม เอาเป็นว่า อยากเป็นอะไรก็ตามที่ทำให้ส่องสองคนนี้ได้ค่ะ ไปเป็นคนขายพานินีก็ได้ค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ /อิจฉานางเบา ๆ
อีกอย่าง ฟิคนี้ทำเอาอยากไปนิวยอร์กเลยค่ะ โฮ ตามรอยฟิค 55555555 ขอพิกัดร้านเดอะเมซด้วยค่ะ จะไปสมัครเป็นพนักงานร้าน /เจ้าของร้านบอกไม่รับแล้วฟฟฟฟฟฟฟ
นิวท์ลองเมนูซ้ำ ๆ กันสักสองสามวันก็ดีนะ ลิสต์จะได้จบช้าลงนะคะนะ อย่างที่มินโฮบอก ว่าแต่ สองคนนี้ไม่ใช่แฟนกันเหรอคะ อ้าว นี่คิดมาตั้งแต่ตอนสองว่าคบกันแล้—- /ไม่ใช่ อัลบี้มาเหนือมาก มองปุ๊บรู้ทันที 5555555555 ขำตรงบอกว่า ถ้าไม่ได้เป็นเขาคงอยากเป็น ฮาาาาาา
ลุ้นกันต่อไปค่ะ ว่าสุดท้ายฝ่ายไหนจะความแตก(?)ก่อนกัน ฟฟฟฟฟฟ
ป.ล. พี่จะเอามุกถุงผ้าใยข้าวโพดที่ฉันปลูกเองนั่นไปใส่จริง ๆ เหรอคะ 5555555555555 /ขำลั่น
LikeLiked by 1 person
ถ้าพี่เป็นมินโฮ พี่จะถามไปเลยว่าจะสั่งอะไร coffee, tea, or me—- //หยุดนะ
อัลบี้เป็นมนุษย์พี่ใหญ่ที่มองทุกอย่างทะลุหมดค่ะฟฟฟฟ
ขอบคุณน้องวิวอีกครั้งนะคะที่ทำให้พี่ได้ไอเดียถุงใยข้าวโพดที่ฉันปลูกเองนะถถถถถถถถถ
LikeLiked by 1 person
……พี่คะ รู้สึกผิดจัง แวบแรกวิวอ่านเป็นไอเดียถุงยางข้าวโพด 555555555555 orz
LikeLike
คุณพระ
ก่อนอื่นเลยขอขอบพระคุณร้านกาแฟของพี่ทิพย์ เป็นแรงบันดาลใจให้เค้าวาดรูปส่งครู ถึงจะไม่เหมือนเป๊ะก็เถอะ แต่แรงใจนี่มาจากฟิคพี่ทิพย์ล้วนๆคะ //เต้นอนาคอนด้าแบบกรีฟเวอร์
แง้งงงงงงง;w; รีบๆจีบนิวท์แบบเนียนๆสิคะ เหลืออีกไม่กี่แก้วเอง ไหนละเบอร์โทร ที่ติดต่อละแกร๊
บรรยากาศมุ้งมิ้งน่ารักอ่ะ มาเดทกันชิวๆอะแก กินไอติมโคนเดียวกันด้วยนะแกรรรร เขินแทนโว่ย-/////-
LikeLiked by 1 person
;/////; วาดส่งครูเลยเหรอคะะะะ โอ้ย อยากเห็นจุง…. -///////-
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ
LikeLiked by 1 person
บรรยากาศอุ่นๆหวานๆเคล้าความหน่วงเล็กๆ…
คุณทิพย์บรรยายได้น่ากินมากค่ะ นึกภาพตามแล้วน้ำลายสอ 55555
มินโฮกับนิวท์ก็มุ้งมิ้ง ยิ่งฉากหน้าหอสมุดนั่น >/////__<
LikeLiked by 1 person
ขอสารภาพค่ะว่าเราอยากกินเมนูนี้เอง แงงงงง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ ><
LikeLike
5555 เยี่ยมค่ะ เห็นอย่างนี้ตัวเราไม่เคยเห็นยังอยากกินเลย คือ ในมโนนี่พอนึกแล้วน้ำลายสอเลยค่ะ(ฮา)
LikeLike
แฮ่กกกกกกด โง้ยยยยเดททททททอ้ากกกกก ฟหกด่าสวฝ่หาดสห พี่ทิพย์ขาาาาา ไม่ทลลลลล
555555555555 เขิลลลลลล กรีดร้องอย่างโศกา
อยากจะบินไป NY เลอออ ถถถถถถถ
แอบหน่วงเบาๆ อิอิ เมื่อไหร่จะยอมรับใจตัวเองน้อนิวท์
อยากให้มีอินฟินิตี้ถ้วยเลยค่ะ /พี่ตบ 55555
ดิ้นๆๆๆ >< 😍😍😍
LikeLiked by 1 person
ถ้ามีอินฟินิตี้ถ้วยคนเขียนจะไม่มีมุกพอเขียนนะข๊ะ—- //เสียงโดนดูด
อยากไป nyc เหมือนกันค่ะพอเขียนถึงมากๆเข้า *เคี้ยวแกลบอย่างเพ้อฝัน*
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ ><
LikeLiked by 1 person
นุ้งนิวท์ ขนาดอัลบี้เขายังสังเกตได้เลยนะลูก รู้ตัวเร็วๆสิ แงงงงงงงงง
เป็นร้านกาแฟที่อยากให้มีอยู่จริงบนโลกนี้มากเลยค่ะพี่ทิพย์ ดูละมุลอบอุ่นมากเลย ;—-;
อปป้าเป็นผู้ชายที่หล่อและนุ่มนวลมากค่ะแงงงง เมนูจะหมดอยู่แล้วนะพี่ชายย พยายามเข้าาาาา
ฟิคสนุกมากค่ะพี่ สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
LikeLiked by 1 person
พี่ก็อยากให้มีจริงค่ะฮืออออ จะพุ่งไปนิวยอร์กเลยฟฟฟฟฟฟ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ค่ะ
เมนูจะหมดแล้ว รอลุ้นกันต่อไปนะคะ ><
LikeLiked by 1 person
อะไรคืิอหนังสือหล่นฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ว้อท?
เห้ยแบบ… ไอ้เราก็คิดว่าจะมีฉากคิสซีน หนังสือเจ้ากรรมดันมาร่วงซะงั้น ไหนจะอัลบี้อีก!
สองคนนี้เขาควรจะลืมเรื่องกาแฟแล้วตกลงเป็นแฟนกันให้จบๆ ไปนะคะ
แต่พอมาคิดอีกทีก็ไม่อยากให้จบ ถถถถถถ
หว๊านหวาน กาแฟหวานโดยไม่ต้องใส่น้ำตาล สวนสาธารณะหวานจนมดขึ้น
อะไรจะหวานเท่าฟิคพี่ทิพย์ได้? -ไม่มี
นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราเป็นบ้าหน้าคอมค่า555
LikeLiked by 1 person
ขอบคุณนะคะน้องพิมพ์สำหรับทุกคอมเมนต์
ทั้งในเรื่องนี้แล้วก็เรื่องสถาปนิกเลย พี่อ่านแล้วชื่นใจมากค่ะ T////T
น้องพิมพ์อ่านฟิคพี่แล้วเขินแค่ไหน พี่ก็ดีใจที่ได้อ่านคอมเมนต์น้องพิมพ์มากแค่นั้นล่ะค่ะ
แล้วเดี๋ยวรอดูต่อไปนะคะว่าเรื่องนี้จะลงเอยยังไง U///U
LikeLike
อปป้าขราาาาา แงงงงงงง
แอบสงสาร เห็นใจ เว้าวอนแทนอปป้าาาา
โฮรวววว ทำไมนุ้งนิวท์ถึงใจร้ายเช่นนี้คะะะ
ทำไมไม่ให้โอกาสอปป้าบ้างงงงง
เปิดใจเถอะนะคะคนดี พลีสสสสส
#เอาค้อนทุบกำแพงในใจนุ้งนิวท์รัวๆ #นี่มันคอมเม้นท์อะไร?! – -‘
LikeLiked by 1 person
นิวท์ศรีคนดีย์อยากจะเปิดใจจะแย่แล้วค่ะ
อปป้าก็รอจะจีบ แต่แหม่ ไม่กล้ากันซะทีฟฟฟฟฟ
รอลุ้นต่อไปค่ะ คนเขียนยังลุ้นด้วยเลยแงงงง TvT
LikeLike
นี่มันเดทแบบออฟฟิเชี่ยลลลลลลลลลลลฟฟหดฟปเฟ้ห้ฒๆนกสสๆมก่สๆสผยหวสผฒหฒฟวดฒฟ้ฟ้ทหฝฟะหวแ
อ่านแล้วอยากกินแฟลปปูชิโน่ขึ้นมาเลยข่ะฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
ซีนที่มินโฮกินพานินีแล้วนิวท์ถามว่าเป็นไงนี่นึกภาพออกแล้วน่าเอ็นดูนักกกกกกกกกกกแงงงงฟหดกดฟดหดฟดฟดฟดกหดฟดดฟเฟเขิน ////////// แล้วอะไรคือการกินไอติมโคนเดียวกันนนนนนนน ไม่ใช่แฟนทำไม่ได้นะคะฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
ฉากหน่วงนี่หน่วงจริงๆพี่ทิพย์โอ่ยยยยยยอยากจับมินโฮกะนิวท์ใส่meme นาวคิส นาววววววววคิสสสสสสสสสส
ช่วงจบตอนอยากจะวิ่งไปเดอะเมซแล้วเขียนลิสต์เพิ่มเป็นสามสิบถ้วยฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ อปป้าสู้วๆนะ ;////;
LikeLiked by 1 person
เขากินไอติมโคนเดียวเพราะคนเขียนแม่มลำเอียงข่ะ—- //อุบอิบ
อปป้าเคี้ยวพานินีตุ้ยๆไม่ห่วงหล่อเลยฟฟฟฟ นิวท์ก็มองขำๆ //////
พี่ก็อยากถีบให้นาวคิสค่ะแงงงง รอลุ้นต่อปัยยยยย
LikeLike
นี่มันเดทชัดๆเลยค่ะฟฟฟฟฟฟฟฟ
หวานค่ะ แบบช็อกโกแลตเลยคือมันอมขมนิดๆ
แต่มันก็คือหวานค่ะแงงงงงง
โถ่อินางเอ้ยยยยย คือบั่บๆๆๆ รู้ตัวได้ละนะว่าเขาชอบเอ็งอยู่ถถถถถถ
ต่างคนต่างสับสน แงงงงงง นี่เมันอะไรกันนนนนน
นิวท์เอ็งไปสั่งเมนูแรกอีกรอบก็ได้นะ ถือว่าป้าขอแฮ่กๆๆๆๆๆ
อัลบี้นี่ผู้ชี้ทางสึดค่ะ ปรบมือออออ
ส่วนน้องนี่ขอลาไปตามหาสติที่หายไปก่อนค่ะ อ่านฟิคพี่ทิพย์ทีไรนี่สติหลุดทุกทีฟฟฟฟฟฟฟฟ
LikeLiked by 1 person
หวานอมขมค่ะ รอจีบกันต่อปัยยยย
แต่เหลืออีกไม่กี่ถ้วยแล้ว จะได้ลงเอยกันแล้วล่ะค่ะ เพราะคนเขียนต้องรันเรื่องให้จบ— (ฮาาา)
LikeLiked by 1 person
โฮรวววววว เป็นเดทที่อบอุ่นมุ้งมิ้งมากเลยฮืออ *บีบถ้วยกาแฟเละคามือ*
นี่ถ้าไม่ใช่แฟนก็จีบกันอยู่ชัดๆ มดมันไม่ขึ้นกาแฟหรอกนะเฮ้ยแงแงแงงงง
มินโฮ คิดเมนูเพิ่มด่วนๆ ไม่ก็จีบให้จบไปเลยฮือ ;____; //เห้ยงั้นฟิคก็จบน่ะสิงั้นไม่ต้องถถถ
เม้นต์แบบเมาๆ เมากาแฟใส่น้ำตาลของสองคนนี้แหล่วo<—<
LikeLiked by 1 person
พวกเขาไม่รู้ตัวหรอกค่ะ แต่คนอ่านและคนเขียนรู้ดีว่าเขาเดทกันอยู่ว์–
เหลืออีกไม่กี่ถ้วย ต้องรีบจีบให้ติดแล้วล่ะค่ะฟฟฟฟ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ
LikeLike
โอ๋ยยยย ทั้งหวานทั้งหน่วงในตอนนี้ หวานก็หวานจนเขินตาม พอหน่วงทีก็วูบไปกับทั้งสองคนเลยค่ะ อื้ออออออออ เอาใจช่วยความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่ะ ;////////////;)
LikeLiked by 1 person
เข้าช่วง bitter-sweet แล้วค่ะฮรุ่มมมม ใกล้จะจบแล้วฟฟฟฟ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ ><
LikeLike
เพิ่มลิสส์กาแฟกันเหอะ มินโฮ~
พาสนี้หนุ่มๆเดทกันน่ารักเนาะ เหมือนทัวร์ตระเวนกิน #ผิด
อยากว๊าปตัวเองไปเป็นสาวน้อยขายไอติม
เดี๋ยวหนูแถมให้สามลูกเลยค่ะ จะได้กินด้วยกันนานๆ
ขอบคุณอัลบี้มากที่ตั้งประเด็นขึ้นมา
หวังว่าความรู้สึกของทั้งคู่จะตรงกันเร็วๆ
ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ
LikeLiked by 1 person
พี่จะแถมไอติม แล้วก็เรือนหอให้เลยค่ะแงงงง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ
LikeLike
โอ้ว์.. จัน..
พี่รู้ไหมว่าชุ้นเปิดเรื่องนี้มารออ่านทุกวันนเลยนะ
และวันนี้มันก็มาถึง.. วันที่ความฝันของชุ้นมันเป็นจริง!!!!!!! ฟหกด่าสว กร๊ดดดดดดดดดดด
เดี๋ยวคอยดูนะมินโฮ วันไหนล็อคประตูไม่ดีแล้วจะเดินไปเพิ่มเมนูร้านกาแฟของเธอเอง กี๊สสสส
ตอนนี้มันหวาน
หวาน
และขม
เฮือกกกก อ่านแล้วเสียพลังงานค่ะ
และ
หิวเวลาที่มองมินโฮกินแซนด์วิช.. อ๋า…. อ๋า..
อ๋าา… บรรยายได้น่าอร่อยมากเลย เค้าหิวนะ เค้าหิว อ๊ากกก /กรีดร้องงงง/
และนิวท์
ลูก..
โอ๊ยยยยย นิวท์ชอบมินโฮแล้วชิมิ อย่านะ อย่า อย่าพูดอะไรออกมาที่ทำให้มโนเค้าสลายยยย อ๊ากกกกกกกกกก
มินนิวท์น่ารักที่สุดในสามโลกเลยค่ะ
แม้ว่าตอนนี้จะดราม่านิดๆ.. ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออออออ ไม่นิดแหละ ไม่นิดเลยยยยยยยยยยยยยยย //ล้มโต๊ะใส่
รออ่านต่อนะคะ T_________________________T
LikeLiked by 1 person
รออ่านทุกวันเลยเหรอคะ แงงงง เขิน //// 5555
เหลืออีกห้าถ้วย สองหนุ่มต้องรีบรู้ใจตัวเองได้แล้วนะะะะ //ลุ้นเหมือนไม่ใช่คนเขียน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ค่ะ ><
LikeLike
นี่มันเดทจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ละคนแนะนำอีกคนในสิ่งที่ตัวเองชอบ นี่มันเดทจริงๆใช่มั้ยยยยยย
ตอนนี้ทั้งหวาน ทั้งขมในตอนเดียวกันเลย
ชอบตอนกินไอติมจากโคนเดียวกัน ไม่รู้เพราะอะไร แต่รู้สึกถึงความมุ้งมิ้งใกล้ชิด
จริงๆถ้าคนไม่ชอบกันเค้าไม่ยอมกินโคนเดียวกันจริงมั้ย? งื้ออออออออออออออออออออ
ฉากหน้าห้องสมุดอัลบี้ -///////////-
อีกนิดเดียว อีกนิดเดียววววววววว ฮึ้ยยยยยยย
LikeLiked by 1 person
ใช่ค่ะ ที่เขายอมกินโคนเดียวกันก็เพราะเขาชอบกันไงคะ—- //ซุบซิบ
อีกไม่กี่ถ้วยแล้วค่ะ >__< ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ
LikeLike
เรื่องมันลื่นไหลจริงๆค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ตอนนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นตอนที่เนิบๆดีจริงๆ แต่มีการพัฒนาด้านความรู้สึกของทั้งคู่แบบเห็นชัดจริงๆ ชอบตรงนี้แหละ เพราะมันดูเถรตรงดี ไม่เร่งรีบหรือว่าช้าจนเกินไป แอบขำตอนกินไอติม ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ มันแบบ มันใช่ #มันฟินนั่นเอง
เราว่าสองคนนี้นี่มีโมเมนต์ที่เหมือนจะง่าย แต่มันก็ไม่ง่ายอ่ะ ชอบที่พี่ทิพย์สื่อออกมาแบบนี้ มันทำให้รู้สึกความรักมันไม่ง่ายเวอร์เกินไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่นาน ฟิคนี้เป็นฟิคที่อ่านแล้วอดโยงกับชีวิตจริงไม่ได้เลย เพราะเนื้อเรื่องและพล็อตที่พี่ทิพย์เขียนบรรยายมามันจริงมากๆ การบรรยายความสัมพันธุ์ไม่หวือหวา หรือพระนางใจง่ายอะไรแบบนี้ มันดูเป็นคาแรกเตอร์ของตัวละครนั้นๆโดยที่ไม่ได้แต่งสีอะไรเพิ่ม….และที่สำคัญคือมันเป็นรูปแบบความสัมพันธุ์ที่ใช้ระยะเวลาตามความจริง
ขอแอบบอกว่าเราประทับใจฉากที่บรรยายสวนสาธารณะที่สองคนนี้ไปเดินเล่นกันมากเลย บรรยายได้ละเอียดมากๆแต่ก็ไม่ยาวยืดเย้อไป จริงๆต้องบอกว่าพี่ทิพย์จัดการประโยคให้ดูสั้นอ่านไม่เบื่อได้ใจมากๆเลย ปกติแล้วไอ้พวกท่อนบรรยายสถานที่อะไรเทือกนี้มักจะบรรยายฟาดไปซะ5บรรทัดติดกันอัพๆ 10 กว่าๆก็มี ซึ่งบอกตามตรงเลยว่าแค่เห็นจำนวนบรรทัดเราก็เหนือยแล้ว โฮฮฮฮฮฮ แต่ฟิคพี่ทิพย์นี่คือมองปุ๊บก็สะดุดตาเลย มันมีขนาดพองามอ่ะ อาจเป็นเพราะพี่ทิพย์แบ่งวรรคตอนดีด้วย เราเลยชอบมากเลย อ่านสบายตาดี และก็ไม่ปวดตาเพราะตัวหนังสือที่มากเกินไป (ทั้งๆที่ตอนนี้มีตัวหนังสือเยอะมากๆนะ)
ขอบคุณอีกรอบที่แชร์ฟิคนี้แบบสาธารณะให้เราอ่านนะค้า
รอคอยตอนต่อไปเสมอค่ะ 🙂
LikeLiked by 1 person
พี่ไม่ชอบบรรยายเยอะๆค่ะ ชอบให้มันคลีนๆ สั้นๆได้ใจความ
บางทียังแอบกลัวเลยว่าอธิบายน้อยไปไหม ฟังแบบนี้แล้วโล่งใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ;w;
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ 😀
LikeLiked by 1 person
หึ้ยยยย เจ้าหนังสือบ้า มาร่วงอะไรตอนสำคัญเนี่ยยยฟฟฟหฟหกฟก
เขินโคตรๆอะพี่ติ๊ปปป อยากจะเขย่าพี่แก้เขินซักล้านที O<-<
คือตอนนี้ทำเราทั้งอยากกินกาแฟ หิว(อ่านตอนห้าทุ่ม) เขิน แซด เฟล ลุ้น ทุกอย่างเอฟวรี่ติงจิงกะเบลมากหกหเดหวฟ โอ้ยยรออ รอออออออ อีกห้าถ้วยที่เหลือเอาไงดีคะสองหนุ่มฮือออ
LikeLiked by 1 person
ถ้าหนังสือไม่ร่วง มันจิจบเร็วก่อนสิบสี่ถ้วยสิก๊ะ—
อิอิอิอิ รอลุ้นต่อปัยยยย จะจบแล้วล่ะ orz
LikeLike
ชอบบรรยากาศของเรื่องตอนนี้มากเลยค่ะ
ดูหวานๆน่ารักแต่ก็มีเค้าความหม่นหมองเข้ามาด้วย
แลดูอึดอัดดีชอบกล
LikeLiked by 1 person
เพราะสับสนไงคะ มันเลยหวานๆขมๆชอบกล ><
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ค่ะ
LikeLike
คุณทิพย์คะะะะะะะะะะะะะะะะะะ //กรีดร้องโหยหวน
ตะกี้พลอยพิมพ์ยาวยืดเลยแต่มันไม่ติด ; ____ ; //นอนจมกองน้ำตา
ยังไงก็ยังยืนยันว่าชอบความสัมพันธ์ที่ค่อยๆถักทอขึ้นมาของคู่นี้จริงๆค่ะ มันน่ารักแล้วก็อุ่นๆในอกดีจริงๆ ชอบการเดินเล่นนี่ด้วย เป็นเดทที่เหมาะกับคู่เนิบนาบนี่จริงๆ
ชอบเวลาคุณทิพย์บรรยายบรรยากาศรอบตัวสองคนนี้จังค่ะ ทั้งสวนสวยๆ หรือมนต์วิเศษบางอย่างของฤดูใบไม้ร่วง รู้สึกเหมือนเราเองได้เห็นภาพๆนั้นที่คุณทิพย์บรรยายเลยค่ะ และขอกรีดร้องให้กับบรรดาอาหารที่คุณทิพย์หย่อนไว้รายทางในเรื่องค่ะ ฮืออออ ดูน่าอร่อยชวนท้องร้องมาก พัมป์กิ้นสไปซ์นี่ก็เป็นหนึ่งในเมนูที่พลอยอยากลองมาตลอดเลยค่ะ แต่ที่ไทยไม่มี ; ___ ; แงงง
กาแฟถ้วยนี้เป็นถ้วยแห่งความทรงจำและถ้วยแห่งการเปลี่ยนแปลงสินะคะ มันทั้งหวานทั้งหน่วงเจือๆกันไป เหมือนมินโฮพยายามจะก้าวผ่านความคลุมเครือนี่ แต่นิวท์เองกลับยังกล้าๆกลัวๆ ไหนจะเรื่องที่ยังปิดบังกันไว้อีก เวลามีเรื่องปิดบังคนที่เราสบายใจเวลาอยู่ด้วยนี่มันอึดอัดจริงๆ ; ___ ;
ยังคงลุ้นให้เกิดถ้วยที่สิบห้าและต่อๆไปสำหรับความสัมพันธ์ของคู่นี้ค่ะ
ตอนท้ายๆมินโฮเว้าวอนได้ชวนใจสั่นมากเลยค่ะ หนูนิวท์ทนใจแข็งขนาดนี้ได้ยังไงหนอออ นิวท์นี่มันนิวท์จริงๆเชียว ; ____ ;
LikeLike
นี่มันเดทนี่คะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
ช่วงแรกๆเขินมากเลยค่ะน่ารักมากกกกกเลยค่ะะะะะ
พี่ทิพย์เขียนให้เวลาเขาสองคนอยู่ด้วยกันแล้วดูผ่อนคลาย…
มันดูมีซัมติงตอนเขาอยู่ด้วยกัน หนูอธิบายไม่ถูกค่ะu.u
แต่ตอนที่มินโฮขอนิวท์ หนูรู้สึก…หายใจไม่ออกค่ะ รู้สึกเครียดแทนมินโฮเลยค่ะฮืออออออ
แบบ เลือกฉันแทนงานได้มั้ยแค่สักครั้งแงงงงงงงงงงงงงง้
หนูแนะนำค่ะ ให้มินโฮเพิ่มเมนูนะคะ
ไม่อยากให้จบเลยค่ะแงงงงงงงงงงงงงง
ชอบมากนะคะ<3
LikeLike
อ่านไปรอบเดียวยังมือไม้สั่นขนาดนี้ แบบอยากร้องโอดโอยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ไหวละค๊าาาาาาาาาาาาาาา มันให้ความรู้สึกawkwardสองแบบแตกต่างกันสุดๆอ่ะค่ะ โอ๊ยจะอธิบายยังไงดี คือตอนต้นเรื่องที่ร้านกาแฟจนถึงตอนทานไอศกรีมโคนเดียวกัน โคนเดียวกัน โคนเดียวกัน!!!! นี่เป็นawkwardที่ทำให้หัวใจเราพองโตมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่พอมีการพูดถึงลิสต์กาแฟก็หน่วง ยิ่งตอนอยู่หน้าห้องสมุดก่อนอัลบี้มาเจอนี่ไม่ไหวแล้วค่ะ!!!!!! มันawkwardแบบหน่วงสุดๆไปเลย โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย นี่ได้แต่ร้องโอดโอยจริงๆนะคะเนี่ยยยยยยยยยยย
มีความรู้สึกว่าตอนหน้าจะต้องมีดราม่าอะไรให้เราหน่วงแน่ๆเลย #คิดไปเอง รออ่านนะคะ
Pumpkin spice!! เดาว่าฉากในเรื่องต้องเป็นช่วงก่อนหรือหลังฮาโลวีนแน่นอน (น้องทิ พย์บอกก็ช่วงนี้นั่นแหล่ะค่า) Paniniก็น่าลองทำทานมากเลย น้องทิพย์ช่างมีพรสวรรค์ในการแอบจูงใจเรื่องเมนูอาหารเครื่องดื่มต่างๆในฟิคจริงๆเชียว 55555555
LikeLike
ก่อนอื่นขอสารภาพก่อนค่ะว่าแอบติ่งฟิคคุณทิพย์มานานแล้วค่ะ
ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เม้นฟิคเลยค่ะ
จากนี้จะไล่ตัวเองไปเม้นแล้วค่ะ–
กลับมาที่ฟิคนี้ ฮือออออ
คุณทิพย์บรรยายฟิคได้ละมุนมากค่ะ
อ่านแล้วเหมือนมีอะไรฟูๆอยู่ในอกเลย
ชอบบรรยากาศของคนสองคนนี้มากเลยค่ะ
ดูค่อยๆทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ
ถึงทั้งมินโฮกัยนิวท์จะไม่คิดว่านี่เป็นเดท
แต่คนอ่านคิดไปไกลลิบแล้วค่ะ
แอบรู้สึกว่าหนังสือไม่ควรหล่นลงมาค่ะ แง
ต่อจากนี้ส่วนใหญ่อาจเป็นคอมเม้นแบบกรีดร้องและแทบไม่มีสาระ ยังไงคุณทิพย์อย่ารำคาญกันนะคะ
ขอโทษและฝากตัวด้วยค่ะ
LikeLike
อ่านบทนี้รู้สึกเหมือนได้เดินทัวร์นิวยอร์คในบรรยากาศฟรุ้งฟริ้งค่ะ
(aka เกาะติดเดทแรกของผู้ชาย ฮิฮิฮิ ‘v’)
คำบรรยายของคุณทิพย์ทำให้ ภาพมา เสียงมา กลิ่นมา รสมา อารมณ์มาเต็ม โอ่ยยยยยยย ฟินเฟร่อส์
สงสัยจังว่าคุณทิพย์เรียนสายอาหารหรือมีพรสวรรค์ส่วนตัวในเรื่องของกินอะไรทำนองนี้หรือเปล่า เพราะว่าเมนูแต่ละอย่างที่เขียนถึงดูมีดีเทลที่หนักแน่นแบบคนที่รู้จริง และชวนให้กลืนน้ำลายตามเอื๊อกๆไม่หยุดเลย (//เสียตังค์ให้สตาร์บัคอีกแล้วข่าาาาา TwT)
การดิสคัสเรื่องโปรโมชั่นร้านกาแฟนั่น! ทำให้จินตนาการภาพบ่าวสาวคุยกันเรื่องของชำร่วยงานแต่ง!!! ,,>w<,, (ของชำร่วยเป็นถุงผ้าข่ะ เลิศข่ะ 5555555)
แต่ตอนท้ายเล่นทิ้งประเด็นไว้เหมือนจะนำเข้าดราม่านิดหน่อย…หรือเปล่านะคะ??
ยังไงเราก็จะตามติดจนกว่าจะถึงแก้วสุดท้ายแน่นอนค่ะ! ฮิ XD
LikeLike
เขาไม่รู้ตัวกันนะคะแต่คนเขียนและคนอ่านรู้ค่ะว่ามันคือเดทฟฟฟฟฟฟ
แล้วตอนนี้ทำเป็นคุยเรื่องของแจก หลังๆคงคุยเรื่องของชำร่วยงานแต่งจริงๆแหละค่ะถถถถ
ดราม่าหรือไม่ รอตอนที่ไหดองแตกนะคะฟฟฟฟฟ
LikeLike
หวังสุดใจว่าจะมินโฮจะคิดเมนูใหม่ขึ้นมาอีกหลายๆ เมนู ><
เขินทุกตอนที่ได้อ่าน หวานแหววแต่ก็แอบขมๆ มากสำหรับคู่นี้ในฟิกเรื่องนี้~~!!!
แอบหวังว่าสองคนนี้จะชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองเสียที ลุ้นจนหลังโก่งแทบหักแล้ว!!
LikeLike
โง้ยยยยยย หวีดไม่ถูกเลยค่ะ เอาเป็นว่าชอบมากๆๆๆๆเลยนะคะ ทุกอย่างที่สองคนทำให้กันมันลึกซึ้งมากจริงๆ อบอุ่น น่ารักไปหมดเลยยย ชอบตอนที่มินโฮบอกนิวท์ว่า ถึงจะช้าไปสองปี แต่ก็ต้อนรับสู่นิวยอร์คนะ ใจบางมากกกกก แล้วก็ทำลายความโรแมนติคด้วยการถามเขาว่าสังเคราะห์แสงอยู่เหรอ โอ้ย5555555
ส่วนพาร์ทอารมณ์นี่ก็เข้าใจในความสับสนของทั้งคู่นะคะ ด้วยหน้าที่การงานอาจทำให้สองคนสับสนไปบ้างว่าความสัมพันธ์ของตัวเองคือคนที่ตกหลุมรักกัน หรือนักวิจารณ์กับบาริสต้ากันแน่ เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่และคนแต่งนะคะ🙆🏻💓
LikeLike