[The Maze Runner Fic][MiNewt] Before the 14th Cup (4)

 

 

Before the 14th Cup
The Maze Runner fanfiction by Tippuri~ii * 

 

 

 

 

 

Pairing:  Minho x Newt
Fandom: The Maze Runner

Type: AU fanfiction

 

 

 

 * แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

 

 

 

************************************

 

 

TALK:

 

 

เอาทอล์คมาไว้ข้างบน เพราะอยากจะบอกอะไรไว้ก่อนค่ะ

 

 

— 1–

 

ทิพย์เริ่มต้นเขียนฟิคเมซรันเนอร์จากหนัง เพราะงั้น คาแรคเตอร์และหน้าตาก็จะอิงตามหนังหมดเลยค่ะ
แต่ตอนนี้ได้อ่านหนังสือแล้ว และได้พบว่า…นิสัยตัวละครไม่เหมือนกันเลยค่ะฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
เพราะงั้นเลยอยากบอกไว้ก่อนว่า ฟิคเรื่องนี้ based on ฉบับหนังนะคะ มินโฮเป็นโอปป้าสุดคูล และนิวท์ตัวบางน่ากด(ไม่ได้สะกดคำว่ากอดผิด) นะคะนะ

 

 

— 2 —

 

โควทเปิดบททั้งสองบทที่ผ่านมา มาจากเพลง I choose you ของ Sara Bareilles ค่ะ ใครสนใจจะหาฟังก็ตามนี้เลยนะคะ >> https://www.youtube.com/watch?v=ooiLP_zqnFs

 

 

แค่นี้ล่ะค่ะ เอนจอยรีดดิ้งค่ะ ❤

 

 

ทิพย์เอง

 

 

************************************

 

Tell the world

that we finally got it all right

I choose you

I will become yours

and you will become mine

I choose you

 

 

 

*****

Chapter 4

 

 

 

 
นิวท์มาถึงคาเฟ่เดอะเมซในวันรุ่งขึ้นตอนเวลาสิบเอ็ดโมงใกล้เที่ยง…แอบแปลกใจไม่น้อยตอนที่มองผ่านหน้าร้านเข้าไปแล้วพบว่าไม่มีลูกค้านั่งอยู่ในนั้นเลย

 

 

 

 

คำเฉลยให้รู้ถึงสาเหตุคือป้ายหน้าร้านที่โดนพลิกให้คำว่า ‘ปิด’ เด่นหรา…นิวท์เลยได้แต่จดๆ จ้องๆ อยู่ตรงประตู ลังเลว่าจะทำอย่างไรดี…เพราะวันนี้เขานัดว่าจะเอาหนังสือไปให้อัลบี้ที่ห้องสมุดของเจ้าตัว หากหนังสือทั้งหมดก็ได้ถูกฝากไว้ที่ด้านในตัวร้านกาแฟแห่งนี้

 

 

 

 

จะเอาไงดีล่ะเนี่ย…

 

 

 

 

คุณคอลัมนิสต์คิดตรองอย่างเริ่มปวดหัวนิดๆ…เขาไม่รู้จะติดต่อมินโฮได้อย่างไร และครั้นจะให้ยืนแกร่วรอตรงนี้ก็ดูไม่มีประโยชน์…เพราะร้านปิดย่อมหมายความว่าคนเป็นเจ้าของร้านจะไม่แวะเข้ามาอยู่แล้ว

 

 

 

 

หากตอนที่ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าหรือจะโทรบอกอัลบี้ดีว่าวันนี้คงเข้าไปไม่ได้แล้วอยู่นั่นเองที่ทางแก้ปัญหาปรากฏขึ้น…ร่างคุ้นตาของคุณบาริสต้าหมายเลขหนึ่งหยัดตัวขึ้นมาจากการก้มหาอะไรสักอย่างที่พื้นด้านหลังเคาเตอร์ สบตาเข้ากับนิวท์อย่างจังเมื่อหันหน้ามาทางประตูร้าน

 

 

 

 

ถึงจะยังประหลาดใจสุดขีดอยู่…ชายหนุ่มผมสีคาราเมลก็คลี่ยิ้มทันทีโดยอัตโนมัติ ยกมือขึ้นโบกทักทายนิดๆ ด้วยแก้เกี้ยว…เพราะไม่รู้จะทำอะไรอื่นได้มากกว่านั้นในเวลาที่ยืนห่างแสนห่างแล้วก็มีกำแพงกระจกกั้นอยู่แบบนี้

 

 

 

 

มินโฮพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำทัก…ก่อนจะกวักมือเป็นเชิงบอกว่าถ้าอยากเข้าก็เข้ามาได้เลย ทำให้นิวท์ผลักประตูเข้าไป…กลิ่นหอมจางของกาแฟที่ยังคงอวลในตัวร้านแม้ว่าจะไม่มีลูกค้าเลยลอยมาทักทาย

 

 

 

 

“หวัดดี” เขาเดินไปจนถึงหน้าเคาเตอร์แล้วค่อยเริ่มต้นบทสนทนา “ทำไมวันนี้ปิดร้านล่ะ?”

 

 

 

 

เพราะวันอาทิตย์ที่แล้วที่เขามา เดอะเมซก็เปิดขาย จึงไม่น่าจะมีเหตุอะไรให้วันอาทิตย์เหมือนอย่างปัจจุบันนี้พลิกมาปิดทำการเสียเฉยๆ…แล้วอีกอย่างที่แปลกไปวันนี้ก็คือบาริสต้าหมายเลขสองของร้านไปอยู่ไหนเสียก็ไม่รู้

 

 

 

 

มินโฮยักไหล่ตามนิสัยก่อนตอบ “ไม่ได้มีอะไรหรอก…วันนี้โรงเรียนของชัคมีแข่งกีฬาน่ะ โทมัสเลยขอลาไปเชียร์ แล้วฉันก็กะว่าจะเช็คๆ ตรงครัวของร้านอยู่แล้ว…เลยคิดว่าปิดร้านทั้งวันเลยดีกว่า”

 

 

 

 

“อ๋อ…” นิวท์พยักหน้า…เขาเคยได้คุยกับโทมัสและรู้แล้วชัคคือน้องชายวัยประถมของเจ้าตัว ซึ่งถึงจะไม่ได้แสดงออกมากมาย…นิวท์ก็รู้ว่าโทมัสสนิทกับน้องชายมากเลยทีเดียว “แล้ว…ครัวโอเคใช่มั้ย? ไม่มีอะไรต้องซ่อมใช่มั้ย?”

 

 

 

 

“เท่าที่ดูๆ ก็ยังโอเคอยู่นะ” มินโฮตอบสั้นๆ ตรงประเด็นอย่างทุกที…ก่อนจะทอดสายตามองเขา “ว่าแต่…นี่นายไม่รู้ใช่มั้ยเนี่ยว่าวันนี้ร้านปิดน่ะ?”

 

 

 

 

นิวท์อยากพูดเย้ากลับไปเหลือเกินว่าในเมื่ออีกฝ่ายไม่เคยขอหรือให้เบอร์เลย ตนจะมีใครคอยติดต่อมาบอกข่าวได้ล่ะ…แต่นั่นเป็นอะไรที่ล้ำเส้นของการล้อเล่นอันปลอดภัยมากเกินไปนัก เพราะแค่คิดเฉยๆ เองในหัว…หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นผิดจังหวะแบบตลกๆ เสียแล้ว

 

 

 

 

“ไม่ ฉันไม่รู้เลย…” ชายหนุ่มผมสีคาราเมลแอบกระแอมกระไอ ก่อนจะเสริม “เพราะนี่ฉันนัดเพื่อนไว้ว่าจะเอาหนังสือเข้าไปให้ที่ห้องสมุดไง…เลยกะจะแวะเข้ามาซื้อกาแฟแล้วเอาหนังสือไปด้วยเลยเนี่ย”

 

 

 

 

เพิ่งนึกได้ว่าร้านไม่เปิดขายเอาก็ตอนพูดออกไปแล้ว นิวท์เลยแก้ประโยคก่อนหน้าด้วยการเอ่ยเสริม “แต่นายปิดร้านนี่นะ งั้นก็ไม่เป็นไร…แล้วนี่หนังสือ—”

 

 

 

 

มินโฮเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจประโยคเสริมนี้เท่าไหร่นัก…เพราะคุณบาริสต้าถามแทรกขึ้นมา การเสียมารยาทที่ไม่ได้ทำให้ขัดหูเท่าไหร่ด้วยน้ำเสียงทุ้มเรียบนิ่งแต่ไม่เย็นชานั่น

 

 

 

 

“นายอยากกินกาแฟอะไรล่ะ?”

 

 

 

 

นิวท์กระพริบตาปริบๆ นิดหน่อยกับคำถามปุบปับ แต่ก็ตอบโดยดีเพราะไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิด…เมนูที่เก้าของร้านเดอะเมซแห่งนี้ “แฟรปปูชิโน…ทำไมเหรอ?”

 

 

 

 

“หนังสือนายอยู่ตรงโน้นน่ะ” มินโฮพยักเพยิดไปทางมุมร้าน…ถุงพลาสติกสองใบวางแอบอยู่ข้างกระถางต้นไม้ “นายพอจะมีถุงผ้ามาใส่มั้ยน่ะ…เพราะถ้าถือไปแบบนั้นมันเหมือนถุงขยะเลยล่ะ”

 

 

 

 

นิวท์กลอกตาพร้อมพูดอย่างสุภาพเกินจำเป็นเพื่อเสียดสีว่าตนมีถุงผ้าไหมชั้นเลิศเตรียมมากับตัวอยู่แล้ว ประโยคที่ทำให้มินโฮขำหึหึออกมาสั้นๆ…ก่อนที่ชายหนุ่มผมสีคาราเมลจะเดินไปหยิบถุงหนังสือทั้งสองใบขึ้นวางบนโต๊ะ ง่วนกับการจัดเรียงหนังสือทั้งหมดมาใส่ในถุงผ้าดิบสองใบของตัวเองจนไม่ได้สังเกตเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นรอบตัว

 

 

 

 

นั่นจึงทำให้เมื่อตอนที่ถูกเรียกแล้วเงยหน้าขึ้น…นิวท์จึงประหลาดใจนักที่ได้พบแก้วพลาสติกใสที่โดนคุณบาริสต้ายื่นมาให้ สีน้ำตาลอ่อนของกาแฟมีเกล็ดน้ำแข็งละเอียดยิบผสมผสานอยู่…แยกชั้นให้เห็นริ้วขาวของนมสดที่ปะปนในตัวเครื่องดื่ม วิปครีมเป็นชั้นมีผงเครื่องเทศโรยอยู่ด้านบนเล็กน้อย…สีขาวสะอาดของเนื้อครีมตัดกับหลอดพลาสติกสีส้มสดใสนัก

 

 

 

 

“เอ้า…จะนั่งมองให้มันละลายเล่นๆ หรือไง?” เหมือนจะดุ…แต่มินโฮกลับกำลังยิ้มขันๆ อยู่ แกล้งเลิกคิ้วอย่างกวนๆ ตบท้าย “…ฉันนึกว่านายพูดว่าจะกินแฟรปปูชิโนนะนิวท์”

 

 

 

 

ชายหนุ่มผมสีคาราเมลยังคงมีสีหน้าประหลาดใจอยู่ แต่ก็ขมวดคิ้วใส่คำแซะของเขา…ครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งตอนที่แกล้งดึงกึ่งกระชากเอาถ้วยพลาสติกไป กิริยาที่ทำให้มือเรียวขาวนั่นจับซ้อนลงมาบนมือของเขา…ความไม่ได้ตั้งใจชั่ววินาที

 

 

 

 

แล้วเมื่อมือว่าง เขาก็เสจิบแฟรปปูชิโนถ้วยของตัวเองบ้าง…แต่มินโฮไม่ค่อยแน่ใจว่ารสหวานๆ ที่กำลังรับรู้นั้นมาจากแค่กาแฟของตัวเอง

 

 

 

 

นิวท์ไม่รีรอที่จะเริ่มชิมเครื่องดื่มในถ้วยของตัวเอง…ก่อนที่ดวงตาโตสีน้ำตาลคู่นั้นจะเบิกกว้างกว่าเดิม ถามออกมาทันที “เฮ้ๆ…นี่มันพัมป์กิ้นสไปซ์นี่??”

 

 

 

 

มินโฮยักไหล่ ให้เหตุผลที่ไม่ได้เรื่องเลย “ก็นายไม่ได้พูดว่าอยากกินแฟรปปูชิโนอะไรเองนี่”

 

 

 

 

แล้วในเมื่อไม่ได้พูด ก็ไม่ผิดอะไรนี่นะที่เขาจะทำเมนูพิเศษให้อีกฝ่ายน่ะ…

 

 

 

 

นิวท์กลอกตา…แต่การที่เจ้าตัวดูดกาแฟปั่นจากหลอดอึกๆ ต่อก็ทำให้คุณเจ้าของร้านรู้ชัดเจนว่านี่การตัดสินใจของตนนั้นเป็นอะไรที่ถูกต้องที่สุด

 

 

 

 

ถึงจะได้ทั้งแฟรปปูชิโนและหนังสือแล้ว…แต่ชายหนุ่มผมสีคาราเมลก็ยังไม่ได้รีบออกจากร้านไปอย่างที่ควร นิวท์รอจนมินโฮเช็คความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล็อคประตูหน้า…ร่างโปร่งบางดูเก้งก้างน่าเอ็นดูชอบกลเวลาที่มีถุงใบใหญ่โตคล้องบ่าอยู่ข้างละใบอย่างนี้ ถุงผ้าที่โดนขยับให้เหวี่ยงไปมานิดหน่อยทุกเวลาที่เจ้าตัวยกถ้วยกาแฟปั่นในมือขึ้นมาจิบ

 

 

 

 

“แล้ว…” มินโฮเกริ่นเมื่อเก็บกุญแจเข้ากระเป๋าแจ็คเก็ตแล้ว “…นายจะไปยังไงต่อล่ะ?”

 

 

 

 

“ห้องสมุดเพื่อนฉันอยู่แถวซีวิกเซ็นเตอร์น่ะ” นิวท์พูด “ก็คงเรียกแท็กซี่ไปจากตรงนี้นี่แหละ”

 

 

 

 

เป็นหนุ่มเกาหลีบ้างแล้วที่ได้แต่กระพริบตาปริบๆ…มองอีกฝ่ายด้วยความเหลือจะเชื่อ แล้วพูดถามหยั่งเชิง “เอ่อ…นี่นายรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้เราอยู่ที่บรูคลิน?”

 

 

 

 

“รู้สิ” นิวท์เองก็มองเขาตอบอย่างงงๆ พอกัน “บ้านฉันก็อยู่ใกล้ๆ ห้องสมุดนั่นนะ…ถนนเมดิสันน่ะ ฉันก็นั่งแท็กซี่มาที่นี่ทุก—เอ่อ…ตลอดนะ…”

 

 

 

 

คุณคอลัมนิสต์ยั้งตัวเองทันก่อนจะเผลอหลุดปากไปว่าตนตั้งใจมาที่เดอะเมซนี่ทุกวัน…และโล่งใจที่อีกฝ่ายดูจะไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้รู้เลยว่าที่มินโฮเงียบไปก็เพราะกำลังกลั้นความอยากถอนหายใจใส่เจ้ามนุษย์แดนอังกฤษที่ผลาญเงินไปกับค่าแท็กซี่แค่เพื่อกาแฟหนึ่งถ้วยต่อวันตรงหน้าตนอยู่

 

 

 

 

“โอเค…นายอยู่แถวเมดิสัน แล้วก็นั่งแท็กซี่มาบรูคลินตลอด” หนุ่มเกาหลีถอนหายใจ เลิกคิ้ว “…นายอยู่นิวยอร์กมานานแค่ไหนแล้วน่ะนิวท์? เคยรู้บ้างมั้ยว่าพวกเราก็มีบัสกับรถใต้ดินนะ?”

 

 

 

 

“ฉันอยู่ที่นี่มาจะสองปีแล้วเถอะ” นิวท์โต้ ก่อนจะเลี่ยงไปมองพื้น “ฉันแค่…ไม่ได้ออกไปไหนเท่าไหร่…”

 

 

 

 

มินโฮมองผิวขาวเข้าขั้นซีดแบบคนไม่ค่อยออกแดดนั่นแล้วก็แอบถอนหายใจกับตัวเอง …ก็เห็นได้ชัดอยู่ล่ะนะ

 

 

 

 

“โอเคๆ…” หนุ่มเกาหลีพยักหน้าในที่สุด “งั้นนี่นายจะไปเลยเหรอ? เพราะถ้ายัง…เอ่อ…”

 

 

 

 

ประโยคหลังนี้หลุดตามมาอย่างเป็นธรรมชาติจนเกินไป…ทำให้คนพูดต้องรีบตะครุบมันไว้กลางอากาศเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาจไม่เหมาะสมนักที่จะเอ่ยออกไป

 

 

 

 

แต่นิวท์ก็ได้ยินไปแล้วเรียบร้อย…ชายหนุ่มผมสีคาราเมลเลิกคิ้วนิดๆ เป็นเชิงบอกว่าพูดต่อให้จบสิ

 

 

 

 

มินโฮเลยยักไหล่ในใจว่าเป็นไงเป็นกัน แล้วก็เอ่ยต่อ

 

 

 

 

“ก็นี่มันจะเที่ยงแล้ว…ถ้านายยังไม่ได้จะรีบไปห้องสมุดเลย…” ประโยคถูกคั่นด้วยการยักไหล่จริงๆ บ้าง “…เราไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ยล่ะ มื้อกลางวันน่ะ”

 

 

 

 

นิวท์พยายามจะไม่ยิ้มดีใจออกมา เสทำเป็นพูดช้าๆ “ก็…ก็ได้นะ แต่เราจะไปที่ไหนได้ล่ะ…”

 

 

 

 

มินโฮพยายามถอนหายใจหน่ายๆ ออกมาให้เบาที่สุด…กลอกตานิดๆ ตอนเอื้อมมือมาหยิบเอาถุงหนังสือไปถือให้ถุงหนึ่ง

 

 

 

 

“ช้าไปสองปี…แต่ยินดีต้อนรับสู่บรูคลินนะนิวท์”

 

 

 

 

 

**

 

 

สวนเอ็มไพร์-ฟัลตันเฟอร์รีคือส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะบรูคลินบริดจ์ จุดขายของมันคือทางเดินที่ทอดยาวเลียบริมน้ำ…ทำให้นอกจากบรรยากาศเขียวขจีของตัวสวนแล้ว ทางเดินนี้ยังได้มอบภาพทิวทัศน์ของแม่น้ำอีสต์ สะพานบรูคลิน สะพานแมนฮัตตัน และเมืองแมนฮัตตันส่วนล่างให้กับผู้มาเยือนอีกด้วย นั่นจึงทำให้การแวะมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่เป็นทางเลือกที่ไม่เคยผิดเสมอในวันแดดดีแบบนี้

 

 

 

 

แต่ถึงจะเป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว…ทั้งนิวท์กับมินโฮต่างก็ไม่มีใครหิวเป็นจริงเป็นจังสักเท่าไหร่ พวกเขาเลยตกลงกันว่าจะเริ่มมองหารถขายอาหารสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่เป็นระยะๆ ริมทางเดินตอนที่สองฝ่ายจัดการแฟรปปูชิโนของตัวเองจนหมดก่อน…แล้วก็ค่อยๆ เดินสบายๆ ไปตามทางเดินเลียบริมแม่น้ำ

 

 

 

 

แดดอุ่น…แต่สายลมเย็นชื้นก็พัดโชยตลอดเวลา บอกให้รู้ถึงเวลาสิ้นปีที่กำลังจะมาถึงแล้ว แม่น้ำสีน้ำเงินเข้มสะท้อนวิววาวกับประกายแดดที่ตกกระทบ…ไอฉ่ำๆ กับเสียงคลื่นซัดทำให้รู้สึกเหมือนสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในมหานครอันวุ่นวายอย่างนิวยอร์กเลย ความรู้สึกที่ทำให้นิวท์ยิ่งอยากสูดลมหายใจลึกๆ…เก็บทุกรายละเอียดไว้ให้มากที่สุดในความทรงจำ

 

 

 

 

“ทำอะไรน่ะ? สังเคราะห์แสงอยู่เหรอ?”

 

 

 

 

ดวงตาสีน้ำตาลเปิดลืมขึ้นมามองคนหน้านิ่งที่ตอนนี้ตนได้ค้นพบแล้วว่ากวนประสาทได้ใจอยู่ไม่น้อยเลย ก่อนจะแกล้งขมวดคิ้ว “แค่เพราะฉันติดหนี้กาแฟนาย ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้นายล้อฉันแบบนี้นะมินโฮ”

 

 

 

 

“โอเค…ขอโทษครับคุณลูกค้า” หนุ่มเกาหลีหัวเราะหึหึ ก่อนจะถามต่อสบายๆ “นายบอกว่าอยู่ที่นี่มาจะสองปีแล้วเหรอ? ทำไมย้ายมาจากอังกฤษล่ะ?”

 

 

 

 

“สำเนียงฉันชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?” นิวท์ถาม ก่อนจะหัวเราะพร้อมส่ายหน้าแบบยอมแพ้ตอนโดนมินโฮเลิกคิ้วใส่ “โอเค…ฉันย้ายมาเพราะงานน่ะ แล้วก็เพราะอยากเปลี่ยนที่ด้วยล่ะ”

 

 

 

 

คลื่นความตระหนกพัดผ่านนิวท์ไปเล็กน้อยตอนที่เพิ่งตระหนักได้ว่านี่เป็นหัวข้อสนทนาที่จะนำพาไปสู่การพูดถึงอาชีพของตัวเองได้ง่ายแค่ไหน…ความตระหนกที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึก แต่นิวท์พบว่าเขาอยากจะให้ทุกสิ่งที่กำลังจะเกิด – หรืออาจเกิดขึ้นไปแล้ว – ตอนนี้ไม่มีการบอกถึงสาเหตุจริงที่ตนแวะเวียนไปที่คาเฟ่เดอะเมซทุกวันเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

 

 

 

และโชคก็ดูเข้าข้าง…เพราะมินโฮไม่ได้ถามอะไรต่อ ชายหนุ่มผมดำแค่พยักหน้ารับรู้ แล้วก็เปลี่ยนมาเล่าเรื่องของตัวเองบ้างเมื่อโดนถาม…ปัดให้ประเด็นเรื่องหน้าที่การงานโดนลืมไปอย่างน่าโล่งใจ

 

 

 

 

“จริงๆ นะ” นิวท์ยังคงยืนยันในไอเดียของตัวเอง “นายน่าจะทำพวกบัตรสมาชิกนะ…ร้านนายคนมากินเยอะจะตาย”

 

 

 

 

“บัตรสมาชิก?” มินโฮทวนคำขันๆ “ร้านฉันขายกาแฟขายขนมอยู่แค่นั้น…จะมีโปรโมชั่นอะไรให้ลูกค้าสมาชิกได้หา?”

 

 

 

 

นิวท์ยักไหล่…พยายามที่จะดูดน้ำแข็งที่ยังไม่ละลายในถ้วยแฟรปปูชิโนของตัวเองพร้อมคิด ก่อนจะเสนอ

 

 

 

 

“แจกถุงผ้าสิ” เขย่าถุงหนังสือบนไหล่ตัวเองประกอบเสียด้วย “ได้แถมของแล้วก็ยังโปรโมทร้านในตัว…นึกภาพว่านี่เป็นถุงร้านนายสิ อย่างน้อยๆ ตอนนี้คนที่เดินผ่านเราก็จะได้เห็นชื่อร้านนายแล้วนะ”

 

 

 

 

มินโฮส่ายหน้าแต่ก็อดขำไม่ได้ ก่อนจะโยนถ้วยกาแฟที่หมดแล้วของตัวเองลงถังขยะเมื่อเดินผ่าน…เรียกคนข้างตัวไว้ด้วย

 

 

 

 

“เฮ้ นิวท์” พยักเพยิดนิดๆ “ทิ้งถ้วยเลยสิ…หมดแล้วนี่”

 

 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก…” อีกฝ่ายยกถ้วยขึ้น เขย่าให้น้ำแข็งก้อนที่ใหญ่เกินละลายทันส่งเสียงกลุกๆ “…ยังเหลืออยู่เลย”

 

 

 

 

มินโฮกลอกตา ก่อนจะเอื้อมไป…อีกฝ่ายไม่ได้รั้งห้ามเอาไว้ตอนที่เขาหยิบถ้วยจากมือของเจ้าตัวไปทิ้งลงขยะให้

 

 

 

 

“เหลืออยู่แค่นั้นน่ะเขาเรียกว่าหมดแล้ว” คุณบาริสต้าแก้ให้ ก่อนจะเผลอพูดออกไป “ถ้าอยากกินอีกเดี๋ยววันพรุ่งนี้ฉันทำให้ใหม่…โอเคมั้ย?”

 

 

 

 

“ไม่ล่ะ—” นิวท์ปฏิเสธทันควันแล้วก็หยุดพูดกลางคัน พยายามหาประโยคต่อไปอย่างรีบด่วน “คือ…พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้สิ ค่อยว่ากันก็ได้…”

 

 

 

 

มินโฮแอบรู้สึกหน่วงๆ ในใจชอบกลตั้งแต่ที่ได้ฟังคำปฏิเสธทันควันนั่นแล้ว…และการตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้นี้ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย จากบทสนทนาที่มีกันมานั้น…เขาละเว้นที่จะจับโอกาสการถามถึงงานของนิวท์ทุกครั้ง เพราะรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดูจะไม่อยากเล่าชอบกล…แล้วถ้าตัดสินจากการที่เจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดลงลึกเองด้วย มินโฮก็คิดว่าชายหนุ่มผมสีคาราเมลอาจจะต้องการให้เขาไม่รู้…เพราะอย่างไรเสีย นิวท์ก็กำลังให้คะแนนเครื่องดื่มและร้านของเขาอยู่…การบอกความจริงย่อมหมายถึงเปิดเผยถึงจุดประสงค์ ซึ่งจะตามมาด้วยเนื้องานที่อาจเสียไปของเจ้าตัว

           

 

 

 

แต่ให้ตายเถอะ…เขาไม่ได้แคร์เรื่องคะแนนที่จะได้ด้วยซ้ำ…

 

 

 

 

มินโฮอยากส่งเสียงฮื่อๆ อย่างงุ่นง่านออกมานัก…ชั่งน้ำหนักในใจว่าจะบอกๆ นิวท์ไปสักทีดีไหมว่าตนรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ความไม่แน่นอนของผลจากการกระทำก็รั้งเขาไว้…ลังเลจนสุดท้ายโอกาสเลยผ่านไป นิวท์เปลี่ยนประเด็นมาถามถึงมื้อกลางวันของพวกเขาแทนเสียแล้ว

 

 

 

 

“เลือกเอาเลย” มินโฮชี้ไปทางร้านรถแวนมากมายที่เปิดขายของอยู่โดยรอบบริเวณ “อยากกินอะไรล่ะ?”

 

 

 

 

อาหารที่ขายอยู่แถวนั้นล้วนแต่เป็นเมนูง่ายๆ อย่างเบอเกอร์หรือฮอตด็อก…แต่คงเป็นเพราะสัญชาติญาณตามอาชีพ นิวท์ก็ตาดีพอที่จะมองเห็นรถแวนสีเหลืองเพ้นท์ลายจุดหลากสีตรงมุมหนึ่งเข้าจนได้

 

 

 

 

“พานินีไส้เบคอนชีสกับลูกพีชย่าง?” มินโฮอ่านป้าย เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่านิตยสารเดอะเกลดนี่เปิดให้แนะนำอาหารประเภทไหน “เอาจริงเหรอ?”

 

 

 

 

นิวท์ยักไหล่ “ก็น่าสนใจที่สุดเท่าที่มีแล้วล่ะ…ว่าไงล่ะ?”

 

 

 

 

เป็นไงก็เป็นกันล่ะวะ… หนุ่มเกาหลีขี้เกียจมาเรื่องมากเพราะก็หิวขึ้นมาแล้ว …เพราะถ้ามีเบคอน อะไรๆ ก็ไม่น่าเลวร้ายมากหรอก

 

 

 

 

แต่ผลปรากฏคือสิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นอะไรที่อยู่คนละทางจากคำว่าเลวร้ายสักปีแสงหนึ่งได้…ขนมปังของแซนด์วิชสไตล์อิตาเลียนนี้กรอบนอกนุ่มในและหอมกรุ่นด้วยกลิ่นน้ำมันมะกอก เข้ากันเป็นอย่างดีกับชีสที่ถูกอบจนละลายและเบคอนเกรียมๆ…ฮันนี่มัสตาร์ดที่ถูกทาบนขนมปังทำให้ไม่เลี่ยนเกินไป และที่ไม่น่าเชื่อที่สุดก็คือเนื้อพีชสีเหลืองทอง…สิ่งที่ฟังดูผิดที่ผิดทางในเมนู หากกลับมอบรสหวานอมเปรี้ยวอันลงตัวกับส่วนผสมทุกอย่างได้เสียอย่างนั้น

 

 

 

 

นั่นจึงทำให้มินโฮถึงกับต้องพยักหน้าหงึกๆ ซ้ำๆ เมื่อนิวท์เลิกคิ้วมาให้แทนการเอ่ยปากถามว่าเป็นไงบ้าง…กิริยาที่ส่งผลให้อีกฝ่ายเกือบหลุดหัวเราะออกมาทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวปานินีแก้มตุ่ยเองอยู่

 

 

 

 

ทั้งสองย้ายจากม้านั่งบนสนามหญ้ากลับมาที่ทางเดินเลียบแม่น้ำดังเดิมเมื่อทิ้งถาดกระดาษใส่แซนด์วิชเรียบร้อยแล้ว…แดดยามบ่ายดูจะสาดจ้ากว่าตอนเที่ยง แต่ไอเย็นจากแม่น้ำและสายลมใบไม้ร่วงก็เจือจางให้มันกลายเป็นความอบอุ่นที่กำลังพอดีไปได้

 

 

 

 

“แล้ว…” มินโฮพูดขึ้น “…จากตรงนี้นายจะไปซีวิกเซ็นเตอร์เลยใช่มั้ย? ต้องหาแท็กซี่สินะ?”

 

 

 

 

“อืม…” นิวท์ส่งเสียงตอบเพื่อประวิงเวลาคิด…เพราะเขาแทบลืมไปแล้วว่าวันนี้ตนตั้งใจจะออกมาทำอะไร อาการหลงลืมอันเป็นผลข้างเคียงมาจากการอยากให้เวลาตรงนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ…และนิวท์ไม่ชอบเลยที่ตัวเองคิดหวังอะไรแบบนี้ “ก็…ก็คงงั้นแหละ…”

 

 

 

 

มินโฮพยักหน้าพร้อมพูดว่าโอเค…ก่อนที่ทั้งคู่จะออกเดินต่อเพื่อไปยังจุดเชื่อมต่อไปตรงสะพานบรูคลิน บนทางเดินริมน้ำมีรถจักรยานขายของกินเล่นหลากหลายอย่างเรียงราย…และหนุ่มเกาหลีก็เรียกให้นิวท์หยุดเมื่อเดินผ่านรถไอศกรีม

 

 

 

 

“นายอายุกี่ขวบแล้วนะมินโฮ?” ชายหนุ่มผมสีคาราเมลแกล้งถาม แต่ก็พังมาดตัวเองด้วยประโยคต่อมาที่เอ่ยกับคนขาย “เอารสมิ้นต์ช็อกโกแล็ตชิปอีกด้วยครับ”

 

 

 

 

มินโฮแกล้งส่งเสียงเฮอะดังๆ…ก่อนจะควานหาธนบัตรในกระเป๋าเงิน การกระทำที่ทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั่นเบิกกว้าง ร้องห้ามเสียงหลง

 

 

 

 

 

“เฮ้ๆๆๆ! จะทำอะไรน่ะ?!” นิวท์เอามือดันกระเป๋าของเขาให้พ้นไป “หยุดเลยนะ…ไอติมนี่ฉันเลี้ยงเอง”

 

 

 

 

“อะไรของนายหา??” มินโฮพยายามจะยกกระเป๋าขึ้นมาใหม่ แต่มือก็โดนดันอีก “ฉันโตพอจะมีเงินซื้อไอติมกินเองแล้วนะถ้านายไม่รู้…หยุดนะเฮ้ย”

 

 

 

 

“นาย-แหละ-หยุด” ชายหนุ่มผมสีคาราเมลเอาปลายนิ้วดีดๆ ข้อนิ้วของเขาให้ขยับมาเปิดกระเป๋าเงินไม่ได้ “ถือว่า…แทนค่ากาแฟ…เมื่อเช้า…”

 

 

 

 

รอยดีดนี่ไม่เจ็บอะไร แต่น่ารำคาญเอาเรื่องเลยทีเดียว “ฉันปิดร้านไม่ขายกาแฟวันนี้…เพราะงั้นนั่นถือว่าให้ฟรีแล้วเหอะ”

 

 

 

 

“แต่ฉันโตพอจะมีเงินซื้อกาแฟกินเองแล้วนะถ้านายไม่รู้” นิวท์เอาประโยคของเขามาโต้สวน “เก็บกระเป๋าเงินนั่นไปซะ”

 

 

 

 

มินโฮกลอกตาก่อนจะยอมทำตามโดยดี…ยืนมองอีกฝ่ายจ่ายเงินให้คนขาย แล้วทั้งสองก็ได้ยืนงงกันทั้งคู่เมื่อเห็นว่าไอศกรีมที่ได้มานั้นเป็นสองลูกบนโคนเดียวแทนที่จะเป็นลูกเดียวบนแต่ละโคนซะงั้น

 

 

 

 

“เอ่อ…” นิวท์กระพริบตาปริบๆ “นี่สั่งสองโคนนะครับ ไม่ใช่สองลูก”

 

 

 

 

“อ้าว…” สาวน้อยคนขายกระพริบตาบ้าง ก่อนจะพูดเสียงแหยๆ “ก็คุณลูกค้าบอกว่าขออีกลูก…”

 

 

 

 

นิวท์คิดทวนคำพูดของตัวเอง แล้วก็พบว่ามันตีความได้แบบนี้จริงๆ เสียด้วย และขณะที่กำลังคิดอยู่นั่นเองว่าจะทำอย่างไรดี…มินโฮก็พูดแทรกขึ้นมา

 

 

 

 

“ช่างมันเหอะ” หนุ่มเกาหลียักไหล่ตามนิสัย “แบ่งกันกินก็แล้วกัน…ไปกันเถอะ”

 

 

 

 

นิวท์เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยแล้วเดินออกมา…และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อก็คือพวกเขาต้องคอยขยับถุงหนังสือที่ถืออยู่ไปๆ มาๆ เพื่อรับส่งไอศกรีมโคนให้กันและกัน

 

 

 

 

“มิ้นต์กับช็อกโกแล็ตนี่ดีที่สุดเลยให้ตาย…” มินโฮพูดขึ้นหลังงับไอศกรีมคำใหญ่ไป ยื่นโคนกลับมาให้เขา “เอ้า…”

 

 

 

 

นิวท์พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมรับโคน “ใช่เลย…ขนาดช็อกโกแล็ตร้อนฉันยังชอบแบบใส่มิ้นต์เลยล่ะ”

 

 

 

 

“งั้นเตรียมเสียเงินให้ร้านฉันอีกได้เลย” มินโฮยิ้มหึหึ “เพราะนั่นก็มีในเมนูด้วยล่ะ…ช็อกโกแล็ตร้อนรสมิ้นต์น่ะ”

 

 

 

 

นิวท์แค่หัวเราะเออออไปด้วย…และก็ขอบคุณสวรรค์ที่ตอนนี้พวกเขามาถึงจุดสิ้นสุดของตัวสวนแล้ว นั่นหมายความว่าเวลาที่มีให้กันวันนี้จะจบลงได้โดยไม่มีการบอกเล่าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือเหตุผลที่แวะเวียนไปที่คาเฟ่ใดๆ อีกแล้ว

 

 

 

 

แต่น่าแปลกนัก…เพราะความโล่งใจกลับไม่ได้มีน้ำหนักเท่าความวูบโหวงของการตระหนักรู้ว่าตนจะต้องแยกจากมินโฮเลยสักนิด

 

 

 

 

“โอเค…” ชายหนุ่มพยายามไล่ความคิดไร้สาระนี้ออกไป “งั้น…ก็เจอกันพรุ่งนี้นะ”

 

 

 

 

มินโฮมองมือขาวๆ ที่ยื่นมารอรับถุงหนังสือจากบ่าตนไป…สมองทำงานได้อย่างมากมายจนไม่น่าเชื่อในเสี้ยววินาที มันไตร่ตรอง…ชั่งน้ำหนักของการพูดและการไม่พูดสิ่งที่ต้องการ…ตระหนักถึงเวลาที่กำลังทิ้งตัว ตัวแปรที่ช่วยให้การตัดสินใจบ้าบิ่นกลายเป็นเรื่องไม่ยากเย็นเลย

           

 

 

 

เพราะยังไงวันนี้ทั้งวันก็เกิดจากการตัดสินใจบ้าบิ่นอยู่แล้วล้วนๆ นี่นา…

 

 

 

 

“จากตรงนี้ไปซีวิกเซ็นเตอร์มันไม่ไกลหรอก” เขาเลยพูดออกไป “ถ้านายโอเค…ฉันเดินไปกับนายก็ได้นะ”

 

 

 

 

นิวท์เงียบไป และนั่นก็เป็นสัญญาณให้มินโฮเดาว่าเขาได้เสนอสิ่งที่ไม่เป็นที่ต้องการออกไปเสียแล้ว…จึงยักไหล่แล้วพูดแก้เสริมอย่างที่รู้ตัวว่าต้องทำ

 

 

 

 

“แต่ถ้านายจะเรียกแท็กซี่ก็ได้—”

 

 

 

 

“เอาสิ”

 

 

 

 

นี่เป็นการพูดแทรกที่เสียมารยาทชะมัด…แต่ในนาทีนี้ การเสียมารยาทนี้กลับเป็นอะไรที่เขาไม่เคยรู้สึกดีใจที่ได้ยินขนาดนี้มาก่อนเลย

 

 

 

 

มินโฮพยายามจะกลั้นรอยยิ้มของตัวเองแล้ว…แต่เมื่อเห็นว่านิวท์มีสีแดงจางๆ ระบายบนผิวแก้ม เขาก็ยอมแพ้แล้วหัวเราะเบาๆ ออกมา

 

 

 

 

 

 

**

 

 

ห้องสมุดของเพื่อนนิวท์ที่ชื่ออัลบี้คนนี้เป็นอาคารเดี่ยวๆ สีขาวที่ครอบครองพื้นที่ริมถนนไว้…และถึงแม้ว่าใบของต้นไม้ริมรายทางจะแปรเปลี่ยนเป็นเฉดสีเหลืองอมน้ำตาลทองหมดแล้ว มันก็ยังไม่ได้ปลิดปลิวไปจนหมด…มอบร่มเงาบังแดดยามบ่ายคล้อยให้กับเหล่าคนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

 

 

 

 

มินโฮเองก็หยุดเดินเมื่อคนข้างตัวหยุดลงตรงฟุตบาธหน้าทางเข้าอาคาร…ยิ้มบางๆ ตอบให้ตอนที่อีกฝ่ายหันมา

 

 

 

 

“ก็…ถึงแล้วล่ะ” นิวท์เสขยับหูถุงผ้านิดหน่อย “ขอบใจนะที่ช่วยมากับฉัน”

 

 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก…ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย” ความเป็นทางการนี้ตัดกับบทสนทนาสนิทสนมของทั้งวันที่ผ่านมานัก และความน่ากระอักกระอ่วนใจนี้ก็ทำให้มินโฮอดขำไม่ได้ “…ขอบคุณที่แนะนำแซนด์วิชแล้วก็เลี้ยงไอติมฉันนะ”

 

 

 

 

นิวท์ยิ้มบ้าง รอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาสีน้ำตาลนั่นพริบพราวราวมีประกายแดดแฝงอยู่ “ขอบคุณที่เลี้ยงกาแฟฉันเหมือนกัน…เป็นพัมป์กิ้นสไปซ์แฟรปปูชิโนที่อร่อยมากเลยล่ะ”

 

 

 

 

คำชมนี้ทำให้ตะกอนความวูบโหวงในใจของมินโฮหมุนวนขึ้นมาอีกครั้ง…เขาได้แต่เสหัวเราะ พูดเสียงเบาลงกว่าที่เคย

 

 

 

 

“ถ้านายชอบ วันพรุ่งนี้ก็สั่งใหม่สิ แล้วเดี๋ยวฉันทำให้อีก…ดีไหม?”

 

 

 

 

ประโยคนี้และแววตาในดวงตาสีดำคู่นั้นทำให้วูบหนึ่งนิวท์ตระหนกขึ้นมา…เพราะมันดูเว้าวอนเกินกว่าจะเป็นแค่คำเสนอแนะทั่วไป ราวกับมินโฮกำลังร้องขอให้เขาพิจารณามาตรการการทำงานของตัวเองใหม่…เรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ตัดสินจากการที่อีกฝ่ายไม่รู้สักนิดว่านิวท์เป็นใคร

 

 

 

 

“ร้านนายมีกาแฟตั้งหลายอย่างออกนะ” เขาพยายามปกปิดหัวใจที่เต้นรัวเพราะความตระหนกของตัวเองด้วยการหัวเราะ คำโกหกที่ไม่แนบเนียนเลย “…ขอฉันลองเรื่อยๆ ดีกว่า ฉันชอบลองอะไรใหม่ๆ น่ะ”

 

 

 

 

นิ่มนวล…หากก็เป็นคำบ่ายเบี่ยงอยู่ดี และนั่นก็ทำให้มินโฮรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆ

 

 

 

 

“แต่ถ้านายลองทุกอย่างรวดเดียว…สุดท้ายมันก็จะไม่เหลืออะไรใหม่ๆ น่ะสิ…” เขาแทบกระซิบแล้ว…เนิบช้าหากแตกพร่า “ลองสั่งอะไรซ้ำๆ บ้างสิ…จะได้ทำให้ลิสต์จบช้าลงบ้างไง…”

 

 

 

 

ไม่เป็นที่สังเกตได้เลย…หากร่างหนานั่นก็ก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด ความใกล้ที่คล้ายคลึงกับวันที่นั่งทำทะเบียนหนังสือด้วยกันบนโซฟา เพียงแค่วันนี้…ความใกล้ชิดนี่ดูมากมายกว่าเดิมเพราะพวกเขากำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่

 

 

 

 

ใกล้เสียจนวูบหนึ่งนิวท์คิดว่ามินโฮอาจจะแตะมือลงมาบนข้างแก้มของเขา…หรือสัมผัสอื่นใดที่มากกว่าแค่นั้น

 

 

 

 

หวั่นไหวผสานคาดหวัง…นิวท์ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองก็ขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเช่นกัน

 

 

 

 

หากช่วงนาทีที่เหมือนเวลาหยุดลงก็หายวับไปด้วยเสียงดังตุ้บ…หนังสือเล่มหนึ่งหล่นลงจากปากถุงผ้าที่อ้าค้าง ทำให้มินโฮถอยออกไปขณะที่นิวท์ก้มลงไปเก็บหนังสือ

 

 

 

 

“เอ่อ…”

 

 

 

 

และตอนที่เขาหยัดตัวตรงเพื่อจะกล่าวอะไรใหม่อีกครั้ง ก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง

 

 

 

 

“นิวท์! มาแล้วทำไมไม่เข้ามา— โอ…โทษทีๆ…”

 

 

 

 

อัลบี้ชะงักไปเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว…ก่อนจะยิ้มอย่างมีอัธยาศัยให้มินโฮ ทำมือเป็นเชิงบอกว่างั้นก็ตามสบายเลย…ก่อนจะผลุบกลับเข้าไปในตัวอาคาร

 

 

 

 

“งั้น…” ชายหนุ่มผมดำยิ้มบางๆ มาให้…ความอ่อนโยนที่ดูเศร้าอย่างอธิบายไม่ได้ “…เดี๋ยวฉันไปก่อนละกัน”

 

 

 

 

“โอเค…” นิวท์รับถุงหนังสือมา ใจหนักหน่วงอย่างแปลกประหลาด “พรุ่งนี้เจอกันนะ…มินโฮ”

 

 

 

 

คุณบาริสต้าพยักหน้าเบาๆ…ตอบด้วยประโยคเดียวกัน “พรุ่งนี้เจอกัน…นิวท์”

 

 

 

 

แม้ว่าร่างของอีกฝ่ายจะเดินลับไปแล้ว…แม้ว่าเขาจะเดินเข้ามาด้านในห้องสมุดแล้ว…แม้ว่าถุงหนังสือจะโดนวางลงบนโต๊ะและเขาทิ้งตัวลงนั่งแล้ว…นิวท์ก็พบว่าน้ำหนักในใจตนยังคงไม่บางเบาลงเลย ซ้ำร้าย…ภาพแววตาและถ้อยคำทั้งหมดยังทำให้มันทิ้งตัวลงมามากกว่าเก่าเสียด้วย

 

 

 

 

“ขอบใจนะเพื่อน” อัลบี้พูดหลังจากถ่ายหนังสือทั้งหมดออกมาแล้วพับถุงผ้าคืนให้เขา ก่อนจะทัก “เป็นอะไรน่ะ…ทำไมหน้ายุ่งเชียว? ทะเลาะกับแฟนเหรอ?”

 

 

 

 

นิวท์คว้าโพสต์อิทแถวนั้นปาใส่…การโจมตีที่ไร้ผลเพราะแผ่นกระดาษสีแสบตานั้นม้วนปลิวและตกแปะลงบนพื้นตั้งแต่แรก “มินโฮไม่ใช่แฟนฉัน”

 

 

 

 

“อ้าว…จริงเหรอ?” คนฟังตาโตพร้อมเลิกคิ้ว “แล้วใครที่ไหนจะยอมเสียเวลาวันหยุดมาช่วยนายขนหนังสือหา? ถ้าไม่ใช่แฟน…ฉันว่าเขาก็อาจจะอยากเป็—”

 

 

 

 

“อย่า อัลบี้” ชายหนุ่มผมสีคาราเมลชี้นิ้วเป็นเชิงเตือน “อย่าพูดออกมาเชียวนะ”

 

 

 

 

ถ้อยคำชวนหาเรื่อง…แต่แววตาก็ร้องขอให้หยุดประเด็นนี้เสียที นั่นจึงทำให้เพื่อนสนิทยอมหยุด เริ่มต้นแยกหนังสือเป็นกองๆ ตามหมวดหมู่…สายตาทอดไปทางคนที่นั่งพิงพนักเก้าอี้และแหงนเงยศีรษะขึ้นมองเพดานเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

 

 

 

 

แต่ก็ตามนิสัยห่วงใยคนอื่นเสมอ…สุดท้าย อัลบี้ก็อดติงออกมาไม่ได้

 

 

 

 

“นายจะบอกว่าตัวเองโอเคก็ตามใจนะ” ยักไหล่เล็กน้อยอย่างที่บอกให้รู้ว่าตนไม่เชื่อคำพูดนี้ของนิวท์ “แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรให้นายคิด และนายไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย…งั้นนี่นายมาเป็นบ้าอะไรอยู่ล่ะ?”

 

 

 

 

นิวท์ถอนหายใจเฮือกโต ไม่ยอมพูดอธิบายอะไรอยู่ดี เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ตระหนักได้ชัดเจน…ว่ามันเป็นความคิดอันไร้สาระและเป็นไปไม่ได้แค่ไหนที่จะหวังให้มีกาแฟถ้วยที่สิบห้าอยู่ในรายการที่มีเครื่องดื่มแค่เพียงสิบสี่ชนิดเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

tbc.

 

*********************************************************

 

note:

 

– สูตร Bacon, Cheese and Peach Paninis ที่ทิพย์ก็อปมาเขียนอย่างเลือดเย็นค่ะ555 >> http://iowagirleats.com/2012/07/18/bacon-cheese-peach-paninis/

 

– ที่ที่สองหนุ่มไปเดท(?)กันคือ Empire-Fulton Ferry State Park (http://nysparks.com/parks/132/details.aspx)ค่ะ เป็นส่วนหนึ่งของ Brooklyn Bridge Park…ซึ่งสวนนี้ เป็นที่ถ่ายทำของซีนใน The Amazing Spider-Man 2 ที่แฮร์รี่กับปีเตอร์ไปพูดคุยรำลึกความหลังกันค่ะ บรรยากาศสวยสดใสมาก /////

 

78

 

 

 

สวัสดีค่ะทุกคน >v<

 

 

บทที่สี่แล้วววว บทนี้มีแค่ถ้วยเดียว…เพราะงั้นเรายังเหลือเวลาอยู่ด้วยกันกับเรื่องนี้อีก 5 ถ้วยนะคะ แฮ่กๆๆๆๆ

 

 

เป็นบทที่ทำให้ทิพย์เปิดแผนที่ฝั่งบรูคลินแบบสุดติ่งเลยค่ะแงงงงง เพราะที่ผ่านมา เวลาเขียนถึงนิวยอร์กนี่เขียนถึงแต่ฝั่ง Upper West Side ทั้งนั้นเลยค่ะฟฟฟฟ แต่พอคราวนี้กะให้อยู่ย่านไม่ในเมืองมาก ออกมาห่างๆดาวน์ทาวน์บ้าง เลยได้นั่งสำรวจโลเคชั่นของบรูคลินกันอย่างเมามันเลย TvT

 

 

บทนี้…มินโฮกับนิวท์ว่าไงไม่รู้ แต่คนเขียนขอนับเป็นเดทนะคะฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ สองหนุ่มถือหนังสือเดินหนุงหนิงด้วยกันแฮ่กๆๆๆๆๆ ไว้ตอนได้เป็นแฟนกัน นิวท์อาจแจกถุงผ้าใยข้าวโพดไรงี้ก้ากกกกก ขอขอบคุณน้องวิวกับน้องนัทที่นั่งฝอยกันเรื่องของแถมร้านกาแฟในทวิตค่ะ แต่ตุ๊กตาโศกานี่งบไม่ถึง แถมไม่ได้นะคะ ติดลิขสิทธิ์จากวิคเค็ด ถถถถถถถถถถถถถถถ

 

 

หนุ่มๆยังคงสับสนกับหัวใจตัวเอง แล้วเดี๋ยวมาดูกันค่ะว่าจะกล้ายอมรับกันได้ทันก่อนกาแฟถ้วยที่ 14 มั้ย…ขอขอบคุณทุกคนเป็นรอบที่หมื่นล้านที่ให้ความเอ็นดูกับฟิคเรื่องนี้ ขอขอบคุณทั้งคอมเม้นผ่านบล็อก เมนชั่น/แท็กฟิคในทวิต แล้วก็การส่ง ask เข้ามาทาง ask.fm/tippuri นะคะ…เป็นกำลังใจที่น่ารักเสมอเลย ขอบคุณมากจริงๆค่ะ

 

 

อีกห้าถ้วยค่ะ อีกห้าถ้วยยยยยยย

 

 

 

ทิพย์เอง

 

 

53 responses to “[The Maze Runner Fic][MiNewt] Before the 14th Cup (4)

  1. นี่มันเดทททททททททททททททททททททททท
    โอยยยยยยย รู้สึกหน่วงๆตาม แถมยังงุ่นง่านแปลกๆ เลิกซึนเลิกเก๊กเถอะนะะะะะะะะะะคุณคอลัมนิสต์ คุณบาริสต้า
    นิวท์ยังคงสติลคิ้วววววววท์ โอปป้าก็ยังเป็นโอปป้าสุดคูลเช่นเดิม (แต่คงต้องเปลี่ยนเป็นโอปป้าสุดคูลที่กวนประสาทอย่างร้ายกาจ 555) อยากเห็นโมเม้นกินไอศครีมโคนเดียวกันจังเลยค่ะะะ ทั้งสองคนไม่เขินแต่เราเขินนะะะะะะะะะะ
    ยังคงเป็นฟิคที่อ่านแล้วหรุ่นกลิ่นกาแฟเหมือนเดิมเลยค่ะ ถึงแม้ตอนนี้จะเปลี่ยนโลเกชันก็ตาม

    เป็นกำลังใจ และรอกาแฟถ้วยต่อไปนะคะ

    ป.ล.อยากเห็นชัคในงานกีฬาจังเลยน้าาาาา

    Liked by 1 person

    • ถ้ารีบเลิกเก๊กเดี๋ยวฟคจะจบก่อนสิบสี่ถ้วยค่ะ— #อุ๊ย
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ค่ะ เราก็อยากเห็นน้องชัคแข่งกีฬาค่ะฮือออออ T/////T

      Like

  2. อ่านแล้วความรู้สึกพี่เป็นอย่างนี้

    น่ารัก

    น่ารักว่ะเฮ้ย

    เอ๊ย ตรงนี้ก็น่ารัก

    แม่ง หน่วงๆ ว่ะ

    ฮื้อออออ หน่วงโคตร อปป้าอ้ะ!

    ประมาณนี้ << น้องทิพย์บอก "อ่านไม่รู้เรื่องเฟ้ย!"

    คือตรงช่วงแรกมันน่ารักมากเลย กิ๊บก๊าวมาก ตอนที่ไปกินมื้อเที่ยงกันนี่น่ารักมาก อปป้าเคี้ยวตุ้ยๆ นี่แบบ อื้อออออ แก้มกลมๆ แหงๆ 555

    แต่พอมาถึงช่วงหน้าห้องสมุดมันแบบ หน่วงมาก มันเว้าวอนอะ อปป้าเว้าวอนอ้ะ! // นอนตาย // คือเข้าใจนิวท์นะ ที่ก็ยังขีดเส้นบางๆ อยู่เพราะงาน แต่แบบ อปป้าเว้าวอนอ้ะ! // นึกเป็นเสียงแบบอปป้าที่ไม่ใช่กีฮง

    เลิฟตอนนี้มาก รวมเล่มเหอะ

    Liked by 1 person

    • น้องยังยืนยันคำเดิมว่าประโยคทิ้งท้ายของพี่เอโหดสัสมากค่ะถถถถถ
      และตอนนี้น้องปิดข่าวสารของกีฮงออกจากชีวิตแล้วค่ะ ไม่งั้นไม่อาจดูมินโฮด้วยใจเป็นสุขได้ TxT
      เรื่องนี้ ถ้าได้รวมเล่มจริงนี่น้องกรี๊ดค่ะแงงงงงง

      Liked by 1 person

  3. ไอติมโคนเดียวกัน อ๊ากกกกก ชอบมาก คนขายช่างรู้ใจจริงๆ

    อัลบี้ นายห้ามคิดกับนิวท์เกินเพื่อนนะ ถึงออฟฟิเชียลจะบอกว่านิวท์คู่นายก็เถอะ

    โอ๊ยยย อยากให้มีถ้วยที่ 15 16 17

    รอตอนต่อไปนะ

    Liked by 1 person

    • เราปล่อยเบลอ อฟช อย่างเลือดเย็นค่ะบอกเลย5555
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ

      Like

  4. นี่สองคนนี้เขาเดทกันเหรอ??… เดินในสวน…กินมื้อกลางวัน… กินไอติม…
    นี่มันเดทแล้วนะ… นี่มันเดทแล้วววววววววววววววววว
    สุดๆค่ะ ทั้งหวานๆน่ารักๆ ทั้งสับสนด้วย
    รอตอนต่อไปอยู่นะคะ ติดตามเสมอค่ะ

    Liked by 1 person

    • สองคนเขาไม่รู้ตัว แต่คนอ่านคนเขียนนับว่าเดทแล้วค่ะ ฮาาาา
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ค่ะ

      Like

  5. อ่านฟิคนี้ทีไรอยากกินกาแฟทุกทีเลยค่ะ 5555555555 /ก็พูดไป…

    ฮืออออ ฟิคนี้มันดีงามมมมม อ่านแล้วเขินค่ะ เดท นี่มันเดททท อยากแปลงร่างเป็นหนังสือสักเล่มหรือไม่ก็ถุงผ้าใยข้าวโพ— ไม่สิ นี่มันถุงผ้าไหม เอาเป็นว่า อยากเป็นอะไรก็ตามที่ทำให้ส่องสองคนนี้ได้ค่ะ ไปเป็นคนขายพานินีก็ได้ค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ /อิจฉานางเบา ๆ

    อีกอย่าง ฟิคนี้ทำเอาอยากไปนิวยอร์กเลยค่ะ โฮ ตามรอยฟิค 55555555 ขอพิกัดร้านเดอะเมซด้วยค่ะ จะไปสมัครเป็นพนักงานร้าน /เจ้าของร้านบอกไม่รับแล้วฟฟฟฟฟฟฟ

    นิวท์ลองเมนูซ้ำ ๆ กันสักสองสามวันก็ดีนะ ลิสต์จะได้จบช้าลงนะคะนะ อย่างที่มินโฮบอก ว่าแต่ สองคนนี้ไม่ใช่แฟนกันเหรอคะ อ้าว นี่คิดมาตั้งแต่ตอนสองว่าคบกันแล้—- /ไม่ใช่ อัลบี้มาเหนือมาก มองปุ๊บรู้ทันที 5555555555 ขำตรงบอกว่า ถ้าไม่ได้เป็นเขาคงอยากเป็น ฮาาาาาา

    ลุ้นกันต่อไปค่ะ ว่าสุดท้ายฝ่ายไหนจะความแตก(?)ก่อนกัน ฟฟฟฟฟฟ

    ป.ล. พี่จะเอามุกถุงผ้าใยข้าวโพดที่ฉันปลูกเองนั่นไปใส่จริง ๆ เหรอคะ 5555555555555 /ขำลั่น

    Liked by 1 person

    • ถ้าพี่เป็นมินโฮ พี่จะถามไปเลยว่าจะสั่งอะไร coffee, tea, or me—- //หยุดนะ
      อัลบี้เป็นมนุษย์พี่ใหญ่ที่มองทุกอย่างทะลุหมดค่ะฟฟฟฟ
      ขอบคุณน้องวิวอีกครั้งนะคะที่ทำให้พี่ได้ไอเดียถุงใยข้าวโพดที่ฉันปลูกเองนะถถถถถถถถถ

      Liked by 1 person

      • ……พี่คะ รู้สึกผิดจัง แวบแรกวิวอ่านเป็นไอเดียถุงยางข้าวโพด 555555555555 orz

        Like

  6. คุณพระ
    ก่อนอื่นเลยขอขอบพระคุณร้านกาแฟของพี่ทิพย์ เป็นแรงบันดาลใจให้เค้าวาดรูปส่งครู ถึงจะไม่เหมือนเป๊ะก็เถอะ แต่แรงใจนี่มาจากฟิคพี่ทิพย์ล้วนๆคะ //เต้นอนาคอนด้าแบบกรีฟเวอร์
    แง้งงงงงงง;w; รีบๆจีบนิวท์แบบเนียนๆสิคะ เหลืออีกไม่กี่แก้วเอง ไหนละเบอร์โทร ที่ติดต่อละแกร๊
    บรรยากาศมุ้งมิ้งน่ารักอ่ะ มาเดทกันชิวๆอะแก กินไอติมโคนเดียวกันด้วยนะแกรรรร เขินแทนโว่ย-/////-

    Liked by 1 person

    • ;/////; วาดส่งครูเลยเหรอคะะะะ โอ้ย อยากเห็นจุง…. -///////-
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ

      Liked by 1 person

  7. บรรยากาศอุ่นๆหวานๆเคล้าความหน่วงเล็กๆ…
    คุณทิพย์บรรยายได้น่ากินมากค่ะ นึกภาพตามแล้วน้ำลายสอ 55555
    มินโฮกับนิวท์ก็มุ้งมิ้ง ยิ่งฉากหน้าหอสมุดนั่น >/////__<

    Liked by 1 person

    • ขอสารภาพค่ะว่าเราอยากกินเมนูนี้เอง แงงงงง
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ ><

      Like

      • 5555 เยี่ยมค่ะ เห็นอย่างนี้ตัวเราไม่เคยเห็นยังอยากกินเลย คือ ในมโนนี่พอนึกแล้วน้ำลายสอเลยค่ะ(ฮา)

        Like

  8. แฮ่กกกกกกด โง้ยยยยเดททททททอ้ากกกกก ฟหกด่าสวฝ่หาดสห พี่ทิพย์ขาาาาา ไม่ทลลลลล
    555555555555 เขิลลลลลล กรีดร้องอย่างโศกา
    อยากจะบินไป NY เลอออ ถถถถถถถ
    แอบหน่วงเบาๆ อิอิ เมื่อไหร่จะยอมรับใจตัวเองน้อนิวท์
    อยากให้มีอินฟินิตี้ถ้วยเลยค่ะ /พี่ตบ 55555
    ดิ้นๆๆๆ >< 😍😍😍

    Liked by 1 person

    • ถ้ามีอินฟินิตี้ถ้วยคนเขียนจะไม่มีมุกพอเขียนนะข๊ะ—- //เสียงโดนดูด
      อยากไป nyc เหมือนกันค่ะพอเขียนถึงมากๆเข้า *เคี้ยวแกลบอย่างเพ้อฝัน*
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ ><

      Liked by 1 person

  9. นุ้งนิวท์ ขนาดอัลบี้เขายังสังเกตได้เลยนะลูก รู้ตัวเร็วๆสิ แงงงงงงงงง

    เป็นร้านกาแฟที่อยากให้มีอยู่จริงบนโลกนี้มากเลยค่ะพี่ทิพย์ ดูละมุลอบอุ่นมากเลย ;—-;
    อปป้าเป็นผู้ชายที่หล่อและนุ่มนวลมากค่ะแงงงง เมนูจะหมดอยู่แล้วนะพี่ชายย พยายามเข้าาาาา
    ฟิคสนุกมากค่ะพี่ สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

    Liked by 1 person

    • พี่ก็อยากให้มีจริงค่ะฮืออออ จะพุ่งไปนิวยอร์กเลยฟฟฟฟฟฟ
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ค่ะ
      เมนูจะหมดแล้ว รอลุ้นกันต่อไปนะคะ ><

      Liked by 1 person

  10. อะไรคืิอหนังสือหล่นฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ว้อท?
    เห้ยแบบ… ไอ้เราก็คิดว่าจะมีฉากคิสซีน หนังสือเจ้ากรรมดันมาร่วงซะงั้น ไหนจะอัลบี้อีก!
    สองคนนี้เขาควรจะลืมเรื่องกาแฟแล้วตกลงเป็นแฟนกันให้จบๆ ไปนะคะ
    แต่พอมาคิดอีกทีก็ไม่อยากให้จบ ถถถถถถ
    หว๊านหวาน กาแฟหวานโดยไม่ต้องใส่น้ำตาล สวนสาธารณะหวานจนมดขึ้น
    อะไรจะหวานเท่าฟิคพี่ทิพย์ได้? -ไม่มี
    นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราเป็นบ้าหน้าคอมค่า555

    Liked by 1 person

    • ขอบคุณนะคะน้องพิมพ์สำหรับทุกคอมเมนต์
      ทั้งในเรื่องนี้แล้วก็เรื่องสถาปนิกเลย พี่อ่านแล้วชื่นใจมากค่ะ T////T
      น้องพิมพ์อ่านฟิคพี่แล้วเขินแค่ไหน พี่ก็ดีใจที่ได้อ่านคอมเมนต์น้องพิมพ์มากแค่นั้นล่ะค่ะ
      แล้วเดี๋ยวรอดูต่อไปนะคะว่าเรื่องนี้จะลงเอยยังไง U///U

      Like

  11. อปป้าขราาาาา แงงงงงงง

    แอบสงสาร เห็นใจ เว้าวอนแทนอปป้าาาา
    โฮรวววว ทำไมนุ้งนิวท์ถึงใจร้ายเช่นนี้คะะะ
    ทำไมไม่ให้โอกาสอปป้าบ้างงงงง

    เปิดใจเถอะนะคะคนดี พลีสสสสส

    #เอาค้อนทุบกำแพงในใจนุ้งนิวท์รัวๆ #นี่มันคอมเม้นท์อะไร?! – -‘

    Liked by 1 person

    • นิวท์ศรีคนดีย์อยากจะเปิดใจจะแย่แล้วค่ะ
      อปป้าก็รอจะจีบ แต่แหม่ ไม่กล้ากันซะทีฟฟฟฟฟ
      รอลุ้นต่อไปค่ะ คนเขียนยังลุ้นด้วยเลยแงงงง TvT

      Like

  12. นี่มันเดทแบบออฟฟิเชี่ยลลลลลลลลลลลฟฟหดฟปเฟ้ห้ฒๆนกสสๆมก่สๆสผยหวสผฒหฒฟวดฒฟ้ฟ้ทหฝฟะหวแ
    อ่านแล้วอยากกินแฟลปปูชิโน่ขึ้นมาเลยข่ะฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    ซีนที่มินโฮกินพานินีแล้วนิวท์ถามว่าเป็นไงนี่นึกภาพออกแล้วน่าเอ็นดูนักกกกกกกกกกกแงงงงฟหดกดฟดหดฟดฟดฟดกหดฟดดฟเฟเขิน ////////// แล้วอะไรคือการกินไอติมโคนเดียวกันนนนนนนน ไม่ใช่แฟนทำไม่ได้นะคะฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    ฉากหน่วงนี่หน่วงจริงๆพี่ทิพย์โอ่ยยยยยยอยากจับมินโฮกะนิวท์ใส่meme นาวคิส นาววววววววคิสสสสสสสสสส

    ช่วงจบตอนอยากจะวิ่งไปเดอะเมซแล้วเขียนลิสต์เพิ่มเป็นสามสิบถ้วยฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ อปป้าสู้วๆนะ ;////;

    Liked by 1 person

    • เขากินไอติมโคนเดียวเพราะคนเขียนแม่มลำเอียงข่ะ—- //อุบอิบ
      อปป้าเคี้ยวพานินีตุ้ยๆไม่ห่วงหล่อเลยฟฟฟฟ นิวท์ก็มองขำๆ //////
      พี่ก็อยากถีบให้นาวคิสค่ะแงงงง รอลุ้นต่อปัยยยยย

      Like

  13. นี่มันเดทชัดๆเลยค่ะฟฟฟฟฟฟฟฟ
    หวานค่ะ แบบช็อกโกแลตเลยคือมันอมขมนิดๆ
    แต่มันก็คือหวานค่ะแงงงงงง
    โถ่อินางเอ้ยยยยย คือบั่บๆๆๆ รู้ตัวได้ละนะว่าเขาชอบเอ็งอยู่ถถถถถถ
    ต่างคนต่างสับสน แงงงงงง นี่เมันอะไรกันนนนนน
    นิวท์เอ็งไปสั่งเมนูแรกอีกรอบก็ได้นะ ถือว่าป้าขอแฮ่กๆๆๆๆๆ
    อัลบี้นี่ผู้ชี้ทางสึดค่ะ ปรบมือออออ
    ส่วนน้องนี่ขอลาไปตามหาสติที่หายไปก่อนค่ะ อ่านฟิคพี่ทิพย์ทีไรนี่สติหลุดทุกทีฟฟฟฟฟฟฟฟ

    Liked by 1 person

    • หวานอมขมค่ะ รอจีบกันต่อปัยยยย
      แต่เหลืออีกไม่กี่ถ้วยแล้ว จะได้ลงเอยกันแล้วล่ะค่ะ เพราะคนเขียนต้องรันเรื่องให้จบ— (ฮาาา)

      Liked by 1 person

  14. โฮรวววววว เป็นเดทที่อบอุ่นมุ้งมิ้งมากเลยฮืออ *บีบถ้วยกาแฟเละคามือ*
    นี่ถ้าไม่ใช่แฟนก็จีบกันอยู่ชัดๆ มดมันไม่ขึ้นกาแฟหรอกนะเฮ้ยแงแงแงงงง
    มินโฮ คิดเมนูเพิ่มด่วนๆ ไม่ก็จีบให้จบไปเลยฮือ ;____; //เห้ยงั้นฟิคก็จบน่ะสิงั้นไม่ต้องถถถ
    เม้นต์แบบเมาๆ เมากาแฟใส่น้ำตาลของสองคนนี้แหล่วo<—<

    Liked by 1 person

    • พวกเขาไม่รู้ตัวหรอกค่ะ แต่คนอ่านและคนเขียนรู้ดีว่าเขาเดทกันอยู่ว์–
      เหลืออีกไม่กี่ถ้วย ต้องรีบจีบให้ติดแล้วล่ะค่ะฟฟฟฟ
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ

      Like

  15. โอ๋ยยยย ทั้งหวานทั้งหน่วงในตอนนี้ หวานก็หวานจนเขินตาม พอหน่วงทีก็วูบไปกับทั้งสองคนเลยค่ะ อื้ออออออออ เอาใจช่วยความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่ะ ;////////////;)

    Liked by 1 person

    • เข้าช่วง bitter-sweet แล้วค่ะฮรุ่มมมม ใกล้จะจบแล้วฟฟฟฟ
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ ><

      Like

  16. เพิ่มลิสส์กาแฟกันเหอะ มินโฮ~
    พาสนี้หนุ่มๆเดทกันน่ารักเนาะ เหมือนทัวร์ตระเวนกิน #ผิด
    อยากว๊าปตัวเองไปเป็นสาวน้อยขายไอติม
    เดี๋ยวหนูแถมให้สามลูกเลยค่ะ จะได้กินด้วยกันนานๆ
    ขอบคุณอัลบี้มากที่ตั้งประเด็นขึ้นมา
    หวังว่าความรู้สึกของทั้งคู่จะตรงกันเร็วๆ
    ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ

    Liked by 1 person

    • พี่จะแถมไอติม แล้วก็เรือนหอให้เลยค่ะแงงงง
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ

      Like

  17. โอ้ว์.. จัน..
    พี่รู้ไหมว่าชุ้นเปิดเรื่องนี้มารออ่านทุกวันนเลยนะ
    และวันนี้มันก็มาถึง.. วันที่ความฝันของชุ้นมันเป็นจริง!!!!!!! ฟหกด่าสว กร๊ดดดดดดดดดดด
    เดี๋ยวคอยดูนะมินโฮ วันไหนล็อคประตูไม่ดีแล้วจะเดินไปเพิ่มเมนูร้านกาแฟของเธอเอง กี๊สสสส
    ตอนนี้มันหวาน
    หวาน
    และขม
    เฮือกกกก อ่านแล้วเสียพลังงานค่ะ
    และ
    หิวเวลาที่มองมินโฮกินแซนด์วิช.. อ๋า…. อ๋า..
    อ๋าา… บรรยายได้น่าอร่อยมากเลย เค้าหิวนะ เค้าหิว อ๊ากกก /กรีดร้องงงง/

    และนิวท์
    ลูก..
    โอ๊ยยยยย นิวท์ชอบมินโฮแล้วชิมิ อย่านะ อย่า อย่าพูดอะไรออกมาที่ทำให้มโนเค้าสลายยยย อ๊ากกกกกกกกกก
    มินนิวท์น่ารักที่สุดในสามโลกเลยค่ะ
    แม้ว่าตอนนี้จะดราม่านิดๆ.. ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออออออ ไม่นิดแหละ ไม่นิดเลยยยยยยยยยยยยยยย //ล้มโต๊ะใส่
    รออ่านต่อนะคะ T_________________________T

    Liked by 1 person

    • รออ่านทุกวันเลยเหรอคะ แงงงง เขิน //// 5555
      เหลืออีกห้าถ้วย สองหนุ่มต้องรีบรู้ใจตัวเองได้แล้วนะะะะ //ลุ้นเหมือนไม่ใช่คนเขียน
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ค่ะ ><

      Like

  18. นี่มันเดทจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    แต่ละคนแนะนำอีกคนในสิ่งที่ตัวเองชอบ นี่มันเดทจริงๆใช่มั้ยยยยยย
    ตอนนี้ทั้งหวาน ทั้งขมในตอนเดียวกันเลย

    ชอบตอนกินไอติมจากโคนเดียวกัน ไม่รู้เพราะอะไร แต่รู้สึกถึงความมุ้งมิ้งใกล้ชิด
    จริงๆถ้าคนไม่ชอบกันเค้าไม่ยอมกินโคนเดียวกันจริงมั้ย? งื้ออออออออออออออออออออ

    ฉากหน้าห้องสมุดอัลบี้ -///////////-
    อีกนิดเดียว อีกนิดเดียววววววววว ฮึ้ยยยยยยย

    Liked by 1 person

    • ใช่ค่ะ ที่เขายอมกินโคนเดียวกันก็เพราะเขาชอบกันไงคะ—- //ซุบซิบ
      อีกไม่กี่ถ้วยแล้วค่ะ >__< ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ

      Like

  19. เรื่องมันลื่นไหลจริงๆค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ตอนนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นตอนที่เนิบๆดีจริงๆ แต่มีการพัฒนาด้านความรู้สึกของทั้งคู่แบบเห็นชัดจริงๆ ชอบตรงนี้แหละ เพราะมันดูเถรตรงดี ไม่เร่งรีบหรือว่าช้าจนเกินไป แอบขำตอนกินไอติม ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ มันแบบ มันใช่ #มันฟินนั่นเอง

    เราว่าสองคนนี้นี่มีโมเมนต์ที่เหมือนจะง่าย แต่มันก็ไม่ง่ายอ่ะ ชอบที่พี่ทิพย์สื่อออกมาแบบนี้ มันทำให้รู้สึกความรักมันไม่ง่ายเวอร์เกินไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่นาน ฟิคนี้เป็นฟิคที่อ่านแล้วอดโยงกับชีวิตจริงไม่ได้เลย เพราะเนื้อเรื่องและพล็อตที่พี่ทิพย์เขียนบรรยายมามันจริงมากๆ การบรรยายความสัมพันธุ์ไม่หวือหวา หรือพระนางใจง่ายอะไรแบบนี้ มันดูเป็นคาแรกเตอร์ของตัวละครนั้นๆโดยที่ไม่ได้แต่งสีอะไรเพิ่ม….และที่สำคัญคือมันเป็นรูปแบบความสัมพันธุ์ที่ใช้ระยะเวลาตามความจริง

    ขอแอบบอกว่าเราประทับใจฉากที่บรรยายสวนสาธารณะที่สองคนนี้ไปเดินเล่นกันมากเลย บรรยายได้ละเอียดมากๆแต่ก็ไม่ยาวยืดเย้อไป จริงๆต้องบอกว่าพี่ทิพย์จัดการประโยคให้ดูสั้นอ่านไม่เบื่อได้ใจมากๆเลย ปกติแล้วไอ้พวกท่อนบรรยายสถานที่อะไรเทือกนี้มักจะบรรยายฟาดไปซะ5บรรทัดติดกันอัพๆ 10 กว่าๆก็มี ซึ่งบอกตามตรงเลยว่าแค่เห็นจำนวนบรรทัดเราก็เหนือยแล้ว โฮฮฮฮฮฮ แต่ฟิคพี่ทิพย์นี่คือมองปุ๊บก็สะดุดตาเลย มันมีขนาดพองามอ่ะ อาจเป็นเพราะพี่ทิพย์แบ่งวรรคตอนดีด้วย เราเลยชอบมากเลย อ่านสบายตาดี และก็ไม่ปวดตาเพราะตัวหนังสือที่มากเกินไป (ทั้งๆที่ตอนนี้มีตัวหนังสือเยอะมากๆนะ)

    ขอบคุณอีกรอบที่แชร์ฟิคนี้แบบสาธารณะให้เราอ่านนะค้า
    รอคอยตอนต่อไปเสมอค่ะ 🙂

    Liked by 1 person

    • พี่ไม่ชอบบรรยายเยอะๆค่ะ ชอบให้มันคลีนๆ สั้นๆได้ใจความ
      บางทียังแอบกลัวเลยว่าอธิบายน้อยไปไหม ฟังแบบนี้แล้วโล่งใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ;w;
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ 😀

      Liked by 1 person

  20. หึ้ยยยย เจ้าหนังสือบ้า มาร่วงอะไรตอนสำคัญเนี่ยยยฟฟฟหฟหกฟก
    เขินโคตรๆอะพี่ติ๊ปปป อยากจะเขย่าพี่แก้เขินซักล้านที O<-<
    คือตอนนี้ทำเราทั้งอยากกินกาแฟ หิว(อ่านตอนห้าทุ่ม) เขิน แซด เฟล ลุ้น ทุกอย่างเอฟวรี่ติงจิงกะเบลมากหกหเดหวฟ โอ้ยยรออ รอออออออ อีกห้าถ้วยที่เหลือเอาไงดีคะสองหนุ่มฮือออ

    Liked by 1 person

    • ถ้าหนังสือไม่ร่วง มันจิจบเร็วก่อนสิบสี่ถ้วยสิก๊ะ—
      อิอิอิอิ รอลุ้นต่อปัยยยย จะจบแล้วล่ะ orz

      Like

  21. ชอบบรรยากาศของเรื่องตอนนี้มากเลยค่ะ
    ดูหวานๆน่ารักแต่ก็มีเค้าความหม่นหมองเข้ามาด้วย
    แลดูอึดอัดดีชอบกล

    Liked by 1 person

    • เพราะสับสนไงคะ มันเลยหวานๆขมๆชอบกล ><
      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ค่ะ

      Like

  22. คุณทิพย์คะะะะะะะะะะะะะะะะะะ //กรีดร้องโหยหวน
    ตะกี้พลอยพิมพ์ยาวยืดเลยแต่มันไม่ติด ; ____ ; //นอนจมกองน้ำตา

    ยังไงก็ยังยืนยันว่าชอบความสัมพันธ์ที่ค่อยๆถักทอขึ้นมาของคู่นี้จริงๆค่ะ มันน่ารักแล้วก็อุ่นๆในอกดีจริงๆ ชอบการเดินเล่นนี่ด้วย เป็นเดทที่เหมาะกับคู่เนิบนาบนี่จริงๆ

    ชอบเวลาคุณทิพย์บรรยายบรรยากาศรอบตัวสองคนนี้จังค่ะ ทั้งสวนสวยๆ หรือมนต์วิเศษบางอย่างของฤดูใบไม้ร่วง รู้สึกเหมือนเราเองได้เห็นภาพๆนั้นที่คุณทิพย์บรรยายเลยค่ะ และขอกรีดร้องให้กับบรรดาอาหารที่คุณทิพย์หย่อนไว้รายทางในเรื่องค่ะ ฮืออออ ดูน่าอร่อยชวนท้องร้องมาก พัมป์กิ้นสไปซ์นี่ก็เป็นหนึ่งในเมนูที่พลอยอยากลองมาตลอดเลยค่ะ แต่ที่ไทยไม่มี ; ___ ; แงงง

    กาแฟถ้วยนี้เป็นถ้วยแห่งความทรงจำและถ้วยแห่งการเปลี่ยนแปลงสินะคะ มันทั้งหวานทั้งหน่วงเจือๆกันไป เหมือนมินโฮพยายามจะก้าวผ่านความคลุมเครือนี่ แต่นิวท์เองกลับยังกล้าๆกลัวๆ ไหนจะเรื่องที่ยังปิดบังกันไว้อีก เวลามีเรื่องปิดบังคนที่เราสบายใจเวลาอยู่ด้วยนี่มันอึดอัดจริงๆ ; ___ ;

    ยังคงลุ้นให้เกิดถ้วยที่สิบห้าและต่อๆไปสำหรับความสัมพันธ์ของคู่นี้ค่ะ
    ตอนท้ายๆมินโฮเว้าวอนได้ชวนใจสั่นมากเลยค่ะ หนูนิวท์ทนใจแข็งขนาดนี้ได้ยังไงหนอออ นิวท์นี่มันนิวท์จริงๆเชียว ; ____ ;

    Like

  23. นี่มันเดทนี่คะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
    ช่วงแรกๆเขินมากเลยค่ะน่ารักมากกกกกเลยค่ะะะะะ
    พี่ทิพย์เขียนให้เวลาเขาสองคนอยู่ด้วยกันแล้วดูผ่อนคลาย…
    มันดูมีซัมติงตอนเขาอยู่ด้วยกัน หนูอธิบายไม่ถูกค่ะu.u
    แต่ตอนที่มินโฮขอนิวท์ หนูรู้สึก…หายใจไม่ออกค่ะ รู้สึกเครียดแทนมินโฮเลยค่ะฮืออออออ
    แบบ เลือกฉันแทนงานได้มั้ยแค่สักครั้งแงงงงงงงงงงงงงง้
    หนูแนะนำค่ะ ให้มินโฮเพิ่มเมนูนะคะ
    ไม่อยากให้จบเลยค่ะแงงงงงงงงงงงงงง
    ชอบมากนะคะ<3

    Like

  24. อ่านไปรอบเดียวยังมือไม้สั่นขนาดนี้ แบบอยากร้องโอดโอยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ไหวละค๊าาาาาาาาาาาาาาา มันให้ความรู้สึกawkwardสองแบบแตกต่างกันสุดๆอ่ะค่ะ โอ๊ยจะอธิบายยังไงดี คือตอนต้นเรื่องที่ร้านกาแฟจนถึงตอนทานไอศกรีมโคนเดียวกัน โคนเดียวกัน โคนเดียวกัน!!!! นี่เป็นawkwardที่ทำให้หัวใจเราพองโตมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่พอมีการพูดถึงลิสต์กาแฟก็หน่วง ยิ่งตอนอยู่หน้าห้องสมุดก่อนอัลบี้มาเจอนี่ไม่ไหวแล้วค่ะ!!!!!! มันawkwardแบบหน่วงสุดๆไปเลย โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย นี่ได้แต่ร้องโอดโอยจริงๆนะคะเนี่ยยยยยยยยยยย

    มีความรู้สึกว่าตอนหน้าจะต้องมีดราม่าอะไรให้เราหน่วงแน่ๆเลย #คิดไปเอง รออ่านนะคะ

    Pumpkin spice!! เดาว่าฉากในเรื่องต้องเป็นช่วงก่อนหรือหลังฮาโลวีนแน่นอน (น้องทิ พย์บอกก็ช่วงนี้นั่นแหล่ะค่า) Paniniก็น่าลองทำทานมากเลย น้องทิพย์ช่างมีพรสวรรค์ในการแอบจูงใจเรื่องเมนูอาหารเครื่องดื่มต่างๆในฟิคจริงๆเชียว 55555555

    Like

  25. ก่อนอื่นขอสารภาพก่อนค่ะว่าแอบติ่งฟิคคุณทิพย์มานานแล้วค่ะ
    ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เม้นฟิคเลยค่ะ
    จากนี้จะไล่ตัวเองไปเม้นแล้วค่ะ–
    กลับมาที่ฟิคนี้ ฮือออออ
    คุณทิพย์บรรยายฟิคได้ละมุนมากค่ะ
    อ่านแล้วเหมือนมีอะไรฟูๆอยู่ในอกเลย
    ชอบบรรยากาศของคนสองคนนี้มากเลยค่ะ
    ดูค่อยๆทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ
    ถึงทั้งมินโฮกัยนิวท์จะไม่คิดว่านี่เป็นเดท
    แต่คนอ่านคิดไปไกลลิบแล้วค่ะ
    แอบรู้สึกว่าหนังสือไม่ควรหล่นลงมาค่ะ แง
    ต่อจากนี้ส่วนใหญ่อาจเป็นคอมเม้นแบบกรีดร้องและแทบไม่มีสาระ ยังไงคุณทิพย์อย่ารำคาญกันนะคะ
    ขอโทษและฝากตัวด้วยค่ะ

    Like

  26. อ่านบทนี้รู้สึกเหมือนได้เดินทัวร์นิวยอร์คในบรรยากาศฟรุ้งฟริ้งค่ะ
    (aka เกาะติดเดทแรกของผู้ชาย ฮิฮิฮิ ‘v’)
    คำบรรยายของคุณทิพย์ทำให้ ภาพมา เสียงมา กลิ่นมา รสมา อารมณ์มาเต็ม โอ่ยยยยยยย ฟินเฟร่อส์
    สงสัยจังว่าคุณทิพย์เรียนสายอาหารหรือมีพรสวรรค์ส่วนตัวในเรื่องของกินอะไรทำนองนี้หรือเปล่า เพราะว่าเมนูแต่ละอย่างที่เขียนถึงดูมีดีเทลที่หนักแน่นแบบคนที่รู้จริง และชวนให้กลืนน้ำลายตามเอื๊อกๆไม่หยุดเลย (//เสียตังค์ให้สตาร์บัคอีกแล้วข่าาาาา TwT)
    การดิสคัสเรื่องโปรโมชั่นร้านกาแฟนั่น! ทำให้จินตนาการภาพบ่าวสาวคุยกันเรื่องของชำร่วยงานแต่ง!!! ,,>w<,, (ของชำร่วยเป็นถุงผ้าข่ะ เลิศข่ะ 5555555)
    แต่ตอนท้ายเล่นทิ้งประเด็นไว้เหมือนจะนำเข้าดราม่านิดหน่อย…หรือเปล่านะคะ??
    ยังไงเราก็จะตามติดจนกว่าจะถึงแก้วสุดท้ายแน่นอนค่ะ! ฮิ XD

    Like

    • เขาไม่รู้ตัวกันนะคะแต่คนเขียนและคนอ่านรู้ค่ะว่ามันคือเดทฟฟฟฟฟฟ
      แล้วตอนนี้ทำเป็นคุยเรื่องของแจก หลังๆคงคุยเรื่องของชำร่วยงานแต่งจริงๆแหละค่ะถถถถ
      ดราม่าหรือไม่ รอตอนที่ไหดองแตกนะคะฟฟฟฟฟ

      Like

  27. หวังสุดใจว่าจะมินโฮจะคิดเมนูใหม่ขึ้นมาอีกหลายๆ เมนู ><
    เขินทุกตอนที่ได้อ่าน หวานแหววแต่ก็แอบขมๆ มากสำหรับคู่นี้ในฟิกเรื่องนี้~~!!!
    แอบหวังว่าสองคนนี้จะชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองเสียที ลุ้นจนหลังโก่งแทบหักแล้ว!!

    Like

  28. โง้ยยยยยย หวีดไม่ถูกเลยค่ะ เอาเป็นว่าชอบมากๆๆๆๆเลยนะคะ ทุกอย่างที่สองคนทำให้กันมันลึกซึ้งมากจริงๆ อบอุ่น น่ารักไปหมดเลยยย ชอบตอนที่มินโฮบอกนิวท์ว่า ถึงจะช้าไปสองปี แต่ก็ต้อนรับสู่นิวยอร์คนะ ใจบางมากกกกก แล้วก็ทำลายความโรแมนติคด้วยการถามเขาว่าสังเคราะห์แสงอยู่เหรอ โอ้ย5555555
    ส่วนพาร์ทอารมณ์นี่ก็เข้าใจในความสับสนของทั้งคู่นะคะ ด้วยหน้าที่การงานอาจทำให้สองคนสับสนไปบ้างว่าความสัมพันธ์ของตัวเองคือคนที่ตกหลุมรักกัน หรือนักวิจารณ์กับบาริสต้ากันแน่ เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่และคนแต่งนะคะ🙆🏻💓

    Like

Leave a comment