[Yuri!!! On Ice Fic][seungchuchu] then we’ll just let gravity do the trick (1)

 
 
 
then we’ll just let gravity do the trick
ユーリ!!! on ICE fanfiction by Tippuri~ii* 
 

 

    
 

 
 
Pairing: Seung-gil Lee x Phichit Chulanont
 

Fandom: ユーリ!!! on ICE

 

 

 

 * แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

 

 

********************************
 

The song that inspired This fanfic: Up by Sing Street

 

******************************

 

chapter 1

 

 

 

 

เสียงฮือฮาปนกับเสียงอุทานอย่างเคลิ้มฝันของสาวๆ ทั้งในและนอกลานสเก็ตดังขึ้นตรงมุมทางเข้านั้นมากจนทำให้หนุ่มน้อยชาวไทยผู้กำลังซ้อมอยู่ตรงอีกฟากของลานหันไปมอง…แล้วพิชิตก็ได้เห็นว่าสาเหตุของเสียงวุ่นวายเหล่านั้นมาจากการที่คัตสึกิ ยูริกับวิคเตอร์ นิกิโฟรอฟได้ก้าวเข้ามาในลานน้ำแข็งนี้นี่เอง

 

 

 

 

งั้นก็แสดงว่าข่าวที่ว่าวิคเตอร์จะเป็นโค้ชให้ยูรินี่ก็จริงแน่นอนแล้วสินะ

 

 

 

 

พิชิตคิดกับตัวเอง ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่ายินดีกับเพื่อน…ยูริเป็นคนที่มีความสามารถ แค่ยังขาดความมั่นใจจนแสดงออกมาได้ไม่เต็มที่นัก แต่จากที่เห็น…หนุ่มแว่นดูนิ่งและตอบรับคำทักของคนที่รายล้อมอย่างสบายๆ กว่าเดิมมากนัก เพราะแต่ก่อนนั้น ยูริคงมีสีหน้าแบบคนที่อยากมุดดินหนีไปแล้วกับความสนใจที่ได้รับอย่างในตอนนี้ นั่นจึงทำให้พิชิตอดยิ้มออกมาไม่ได้ ดีใจที่การตัดสินใจปุบปับของวิคเตอร์ไม่ได้ให้ผลในทางลบอย่างที่หลายๆ คนพูดนักพูดหนา

 

 

 

 

ตอนนี้เป็นช่วงเปิดลานสเก็ตให้ทุกคนได้ซ้อมรวมกัน จึงมีนักกีฬาอยู่ในลานแล้วค่อนข้างจะหลายคน แถมเมื่อวิคเตอร์บอกว่าจะลงมาสเก็ตในลานกับยูริด้วย เหล่าแฟนคลับก็ดูจะไม่รีรอในการตามติดมายืนออรอบขอบลานด้วย นักกีฬาทั้งในลานและที่นั่งพักอยู่ต่างก็ขยับเข้าไปเพื่อทักทายชายหนุ่มผมเงินตามประสาคนคุ้นหน้า นั่นจึงทำให้ลานสเก็ตอันกว้างขวางดูแน่นไปด้วยผู้คนและวุ่นวายขึ้นมาทันตาจนพิชิตไม่อยากอยู่ต่อ หนุ่มน้อยสเก็ตเข้าไปเพื่อทักทายเพื่อนกับโค้ชคนใหม่ของเจ้าตัวสั้นๆ แล้วก็ก้าวออกจากลานน้ำแข็งเพื่อไปนั่งตรงที่นั่งคนดู เพราะไหนๆ มันก็จวนจะได้เวลาพักของเขาอยู่แล้ว

 

 

 

 

พิชิตไม่เคยชอบนั่งคนเดียว เขามองว่าการแข่งขันไม่ควรจะมีแค่การซ้อมกับการลุ้นผลตัดสิน หนุ่มน้อยรู้สึกว่าในเมื่อตนมาได้ไกลจนถึงการแข่งระดับประเทศขนาดนี้แล้ว มันก็ดูเป็นเรื่องน่าเสียดายชะมัดที่จะไม่ได้เพื่อนต่างชาติกลับไปให้คิดถึง…แต่นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ลีซึงกิล นักกีฬาจากประเทศเกาหลีใต้คิด เพราะตั้งแต่เริ่มต้นการแข่งขันมา พิชิตไม่เคยเห็นเจ้าตัวคุยอะไรกับใครเท่าไหร่เลยแม้กระทั่งนักกีฬาจากประเทศแถบเอเชียด้วยกันเองก็ตาม

 

 

 

 

ยูริกับกวงหงต่างก็บอกเขาว่านั่นคงเป็นเพราะซึงกิลไม่อยากทำอะไรนอกจากซ้อมกับแข่ง และการไม่ได้ยุ่งกับอีกฝ่ายก็คงเป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องการ แต่พิชิตก็อดคิดไม่ได้ว่าภาพลักษณ์นิ่งๆ ไม่สุงสิงกับใครนี้อาจจะเป็นแค่นิสัยพูดน้อยของเจ้าตัวก็ได้ นั่นจึงทำให้นาทีที่คนทั้งลานสเก็ตแห่กันไปรุมล้อมวิคเตอร์จนเหลือแค่ซึงกิลคนเดียวที่นั่งจิบน้ำเงียบๆ อยู่ตรงที่นั่งคนดูแบบนี้…พิชิตก็เลยตัดสินใจจะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตัวเองด้วยการเดินไปนั่งข้างๆ หนุ่มเกาหลีเสียเลย

 

 

 

 

ซึงกิลเลิกคิ้วน้อยๆ อย่างสงสัยเมื่อเห็นเขา หากก็โค้งศีรษะนิดๆ ให้เป็นเชิงทักทาย สุภาพแต่ก็ยังเรียบนิ่งไร้คำพูดใดอยู่ดี

 

 

 

 

“หวัดดี…” พิชิตทัก แอบค้างกลางอากาศนิดหน่อยเพราะเพิ่งคิดได้ว่าตนไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับบทสนทนาเลย แต่ก็ได้โซเชียลมีเดียช่วยชีวิตไว้เมื่อนึกได้ “เอ่อ…ผมไม่เคยรู้เลยนะเนี่ยว่าคุณเลี้ยงหมาด้วย ตัวใหญ่มากเลยนะ”

 

 

 

 

พิชิตพูดแค่นี้ แต่ก็เห็นได้ว่าซึงกิลเข้าใจว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไรอยู่…เพราะเมื่อคืนวานนี้เองที่หนุ่มเกาหลีลงรูปที่คงถ่ายไว้ก่อนจะเดินทางมาแข่ง มันเป็นรูปซึงกิลที่อุ้มสุนัขพันธุ์จินโดสีขาวดำไว้เต็มอ้อมแขน พร้อมแคปชั่นสั้นๆ ว่าสุขสันต์วันเกิดให้เจ้าหมาตัวโตนี่

 

 

 

 

นั่นจึงทำให้อีกฝ่ายแค่พยักหน้า “คิมบับตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เลยล่ะ เพราะพอฉันไม่อยู่ คนที่บ้านก็ชอบตามใจแล้วก็ให้มันกินนั่นกินนี่ทุกทีเลย”

 

 

 

 

“คิมบับ?” ไม่ใช่ครั้งแรกที่พิชิตรู้เรื่องสัตว์เลี้ยงของอีกฝ่าย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ชื่อของมัน และนั่นก็ทำต้องรีบกลั้นยิ้มอย่างยากลำบาก “ทำไม…ทำไมชื่อนี้ล่ะ?”

 

 

 

 

“ก็ตอนเด็กๆ มันเป็นก้อนขาวๆ ดำๆ เองนี่นา” ซึงกิลเหมือนจะขมวดคิ้ว แต่ก็พอจะเห็นได้แล้วว่าเจ้าตัวมองไปทางอื่นทันที “เหมือนข้าวห่อสาหร่ายเลย”

 

 

 

 

พิชิตเริ่มมั่นใจแล้วว่าตนคิดถูก…ลีซึงกิลไม่ใช่คนไม่มีอัธยาศัยหรือไม่อยากยุ่งกับใครอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ หนุ่มเกาหลีแค่เป็นคนนิ่งๆ ที่ไม่มีนิสัยเริ่มต้นบทสนทนากับใครก่อนเท่านั้นเอง แต่ถ้าเข้ามาคุยด้วย ก็เห็นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้รังเกียจที่จะสานต่อบทสนทนาแต่อย่างใด

 

 

 

 

นั่นจึงทำให้พิชิตตัดสินใจลองเสี่ยงเพิ่มอีกนิด “จริงเหรอ? มีรูปมั้ยน่ะ?”

 

 

 

 

ซึงกิลมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่จะมองเขานิ่งๆ ราวกับคิดไตร่ตรองในใจว่าพิชิตต้องการอะไรกันแน่…แต่สุดท้ายก็ยักไหล่แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนหน้าจอ

 

 

 

 

“นี่ไง” นานอยู่เหมือนกันกว่าที่เจ้าตัวจะหารูปเจอ “นี่แหละ ช่วงที่ฉันเพิ่งได้มันมาเลี้ยง”

 

 

 

 

พิชิตเขยิบเข้าไปใกล้เพื่อจะได้มองหน้าจอมือถือที่ซึงกิลเอียงมาให้ดูได้ถนัดๆ…ก่อนจะออกความเห็นอย่างทึ่งปนขำ “จริงด้วย…ตัวเป็นก้อนเลย”

 

 

 

 

หนุ่มเกาหลีพยักหน้า มาดเคร่งขรึมราวกับบทสนทนานี้เป็นเรื่องทางวิชาการ “ตอนเดินนี่เหมือนมันฝรั่งเลยล่ะ”

 

 

 

 

ดวงตาสีเข้มเหลือบมองพิชิตเล็กน้อย ก่อนจะถามเสียงนิ่งๆ

 

 

 

 

“อยากดูคลิปมั้ย?”

 

 

 

 

แล้วจากนั้น บทสนทนาที่พิชิตตั้งใจว่าจะมีแค่เรื่องจิปาถะผิวเผินก็กลายเป็นรายการคนอวดหมาเวอร์ชั่นประเทศเกาหลีใต้ที่กินเวลาเกินครึ่งชั่วโมง แต่หนุ่มน้อยชาวไทยก็ไม่ได้บ่นอะไรหรอก…เขาชอบสัตว์อย่างหมาแมวอยู่แล้ว แต่เพราะพ่อกับแม่ติงว่าดูแลไม่ไหวเลยทำให้ไม่เคยได้เลี้ยงเองสักที เลยชอบนักเวลาได้ดูคลิปหรือรูปแบบนี้

 

 

 

 

แล้วก็ได้รู้เรื่องเหนือความคาดหมายด้วย…ว่าลีซึงกิลไม่ใช่คนหยิ่งเย็นชาอะไรเลยสักนิด

 

 

 

 

รายการคนอวดหมาได้มีอันจบลงในที่สุดเมื่อพิชิตขอตัวออกมา และเมื่ออยู่คนเดียวแล้ว…หนุ่มน้อยก็สามารถหัวเราะเบาๆ ออกมากับตัวเองได้ในที่สุด

 

 

 

 

มันเป็นเสียงหัวเราะของความเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ค้นพบ ปะปนกับความดีใจอย่างบอกไม่ถูกของการได้รู้จักมาดใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของเพื่อนร่วมการแข่งขันนี้

 

 

 

 

 

 

**

 

 

 

 

ยูริบอกเขาตั้งแต่ตอนอยู่ดีทรอยต์ด้วยกันแล้วว่ามาม่าของไทยนั้นเป็นอะไรที่อร่อยเกินหน้าเกินตาประเทศเจ้าของไอเดียบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างญี่ปุ่นเสียอีก ซึ่งถึงพิชิตจะแซวกลับไปว่าก็แค่เพราะยูริไม่ได้กินบ่อยเท่านั้นแหละ…แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะขนมาม่าหลากรสใส่กระเป๋าเดินทางมาที่การแข่งขันนี้อยู่ดี

 

 

 

 

แน่นอนว่าในครั้งนี้ ชวนยูริก็เหมือนชวนวิคเตอร์ไปด้วย แถมพ่วงมาด้วยหนุ่มน้อยผมทองผู้เป็นตัวแทนจากประเทศรัสเซียมาอีกคนด้วย เสียงพูดคุยโหวกเหวกดังเหนือกระเป๋าเดินทางที่เปิดอ้าของเขาเมื่อสามหนุ่มเลือกมาม่ากันอย่างสนุกสนาน ชามเปล่ากับตะเกียบวางอยู่ข้างกาต้มน้ำร้อน

 

 

 

 

“ฉันจะกินอันนี้นี่ล่ะ” ยูริ พรีเซตสกี้หรือยูริโอะประกาศ เห็นได้ชัดว่าเลือกมาม่าต้มยำกุ้งน้ำข้นนี่ก็เพราะชอบสีซองชัดๆ

 

 

 

 

“มันเผ็ดมากเลยนะรสนั้นน่ะ…” ยูริผู้มีประสบการณ์ตรงมาแล้วติงขึ้น ซึ่งก็ได้การตอบรับเป็นคำโวยหาเรื่องกลับมา ส่วนวิคเตอร์ที่น่าจะทำตัวให้สมอายุด้วยการห้ามมวยกลับมัวแต่ตื่นเต้นเกินหน้าใครเพื่อนไปแล้ว

 

 

 

 

“ดูนี่สิ มันเป็นซุปสีเขียวล่ะ” มัวแต่อ่านฉลากด้วยตาเป็นประกายจนไม่ได้มองเล้ยว่าสองยูริกำลังยื้อมาม่ากันอยู่ “ยูริ~ อะไรคือแกงกะหรี่เขียวน่ะ?? คนไทยทำยังไงให้แกงกะหรี่เป็นสีเขียวได้เหรอ???”

 

 

 

 

“มันคือแกงเขียวหวานน่ะ” ยูริดันแว่นที่โดนดันเบี้ยวให้กลับมา “ส่วนทำยังไงให้สีเขียว คุณน่าจะไปถามพิชิตคุงมากกว่าถามผมนะวิคเตอร์”

 

 

 

 

พิชิตหัวเราะกับความวุ่นวายตรงหน้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะไปเปิดประตูห้องพักของตัวเองแล้วยื่นหน้าออกไปดูตรงโถงทางเดินว่าเสียงในห้องไม่ได้ดังออกไปกวนใคร…และก็ตอนที่กำลังจะปิดประตูนั่นเอง ที่สายตาเลื่อนไปเห็นป้ายชื่อหน้าห้องเยื้องๆ กัน

 

 

 

 

ตัวแทนจากประเทศเกาหลีใต้, ลีซึงกิล

 

 

 

 

มีแสงไฟลอดมาจากช่องบางๆ ใต้ประตู และชื่อบนป้ายนั่นก็ทำให้พิชิตหวนคิดถึงบทสนทนาที่ได้มีให้กันเป็นครั้งแรกเมื่อสองวันก่อน…ภาพคนหน้านิ่งแต่กลับมีรังสีแฮปปี้แผ่ร่าตอนเปิดรูปสัตว์เลี้ยงของตัวเองให้เขาดูเป็นอะไรที่ทำให้พิชิตตัดสินใจได้ไม่ยากเลย

 

 

 

 

ประตูห้องของอีกฝ่ายเปิดออกหลังการเคาะแค่เล็กน้อย…แม้แต่ชุดตามสบายของลีซึงกิลก็ยังเป็นเสื้อยืดกับกางเกงสีเข้มขรึมอยู่ดี หนุ่มเกาหลีเลิกคิ้วนิดๆ อย่างฉงน แต่ก็ถามออกมาแทนคำทักทาย

 

 

 

 

“ว่าไง?”

 

 

 

 

“กินนี่กันมั้ย?” พิชิตชูซองมาม่าที่ถือติดมือมาด้วยให้อีกฝ่ายดู ยิ้มกว้างอย่างร่าเริง “ฉันเอามาจากไทยตั้งหลายรสแน่ะ มากินด้วยกันมั้ย?”

 

 

 

 

ซึงกิลยังคงหรี่ตามองเขานิดๆ ต่ออีกหน่อยอย่างคนที่รู้สึกแปลกๆ กับคำชวนอันปุบปับจากใครก็ไม่รู้ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วเดินตามมาโดยดี

 

 

 

 

ห้องของพิชิตมีแต่กลิ่นมาม่าที่สุกแล้วตอนที่ทั้งสองก้าวเข้าไป ดูเหมือนสุดท้าย วิคเตอร์ก็ยอมเชื่อยูริว่าความเบสิคคือทางเลือกที่ดีเสมอ…เพราะทั้งคู่กำลังกินมาม่ารสต้มยำกุ้งธรรมดากันอยู่อย่างสบายใจ ส่วนยูริโอะนั้นถึงจะน้ำตาปริ่มแล้วกับมาม่ารสต้มยำกุ้งน้ำข้น แต่เด็กหนุ่มก็ยอมรับแบบเสียงกระชากๆ ว่าอาหารติงต๊องที่พิชิตอุตส่าห์แบกมานี่อร่อยมาก

 

 

 

 

คงเพราะอาหารประจำชาติของเจ้าตัวก็มีเมนูเผ็ดๆ อยู่ ซึงกิลเลยไม่ได้มีปัญหาอะไรกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสหมูสับต้มยำนัก แต่พิชิตก็มีอันได้หลุดหัวเราะออกมาแล้วรีบเทน้ำใส่แก้วให้อีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าโหนกแก้มขาวๆ นั่นเริ่มขึ้นสีแดงนิดๆ แล้วตอนกินไปได้สักพัก

 

 

 

 

“เผ็ดเกินไปมั้ยล่ะนั่น?” ผิดกับคนอื่นๆ ในห้อง สิ่งที่พิชิตกำลังเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างสบายใจอยู่นั้นคือคิทแคทรสมันหวานสีม่วงที่ยูริซื้อมาให้จากญี่ปุ่น…หนุ่มน้อยหัวเราะล้อๆ ในประโยคหลัง “นายหน้าแดงไปหมดแล้วเนี่ย”

 

 

 

 

ซึงกิลวางตะเกียบแล้วจิบน้ำเงียบๆ…แต่ดวงตาก็ยังหรี่นิดๆ อยู่ดีตอนเจ้าตัววางแก้วลง

 

 

 

 

“กินเผ็ดก็ต้องหน้าแดงสิ เรื่องปกติ” มือใหญ่ๆ นั่นหยิบชามกับตะเกียบขึ้นมาถือใหม่ เสริมสั้นๆ เพิ่มเติม “นายเองก็กินขนมจนหน้าบวมแล้วนะรู้มั้ย”

 

 

 

 

เพราะเจ้าตัวพูดด้วยเสียงสงบนิ่งและราบเรียบยิ่งนัก…จึงต้องใช้เวลาราวๆ ห้าวินาทีเลยทีเดียวที่คนอื่นในห้องจะตระหนักได้ว่าพิชิตเพิ่งโดนแซะอย่างร้ายกาจที่สุดไป

 

 

 

 

ความเงียบโดนทำลายด้วยเสียงหัวเราะครืนของสองหนุ่มรัสเซียกับหนึ่งหนุ่มญี่ปุ่น ส่วนมนุษย์เกาหลีใต้นั้นยังคงซดบะหมี่อย่างนิ่งเฉยจนน่าปัดชามให้ร่วงนัก พิชิตโวยวายใส่สามคนนั้นก่อนว่าอย่าหวังว่าจะได้แตะมาม่าของตนอีก คำขู่ที่เห็นได้ชัดว่าไม่มีน้ำหนักอะไรเลยเพราะสามหนุ่มยิ่งหัวเราะหนักกว่าเก่า…แถมพอจะหันมาเอาเรื่องเจ้าของคำพูดบ้าง ก็ปรากฏว่าเจ้าตัวกินบะหมี่หมดแล้วและกำลังจิบน้ำ(ที่เขาเทให้)อย่างสบายใจอยู่

 

 

 

 

สีหน้าที่เขาได้เห็นยังเรียบนิ่งอยู่เหมือนทุกทีที่ได้เจอกัน แต่ในนาทีนี้…ดวงตาสีเข้มนั้นไม่ได้มีแต่แววเฉยเมยอีกแล้ว มันทอประกายของความขบขันและเอ็นดูจางๆ…บางเบาหากเขาก็สังเกตได้เหมือนรอยยิ้มบางเบาตรงมุมปากเจ้าตัว

 

 

 

 

และนั่นเองที่ทำให้พิชิตลืมคำโวยวายไปจนหมด ทำได้แค่เพียงชักสีหน้าเชอะๆ แล้วก็มองไปทางอื่นเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

tbc.

 

#สาบานว่ามันมีพล็อต

14 responses to “[Yuri!!! On Ice Fic][seungchuchu] then we’ll just let gravity do the trick (1)

  1. มันคือความมุ้งมิ้งที่เราจะติดตามค่ะ ชอบมากกกกก

    Like

  2. ตามมาจากทวิตเตอร์ค่า อิอิ
    ซึงกิลตอนอวดหมานี่น่ารักมากเลยค่ะะะ นึกภาพพิชิตคุงหน้าเหวอออกเลย แบบคาดไม่ถึง 555555 > <
    ตอนกินมาม่า ก้มุ้งมิ้งมั่ก ๆๆ
    สู้ ๆ นะคะะ ติดตาม ๆๆ ^ ^

    Like

  3. ฮวือออออออออออ ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ~
    จูจูเริ่งร่าน่ารักเสมอ แต่ที่น่ารักผิดคาดคืออปป้าค่ะ 😂
    โถพ่อคุณ เป็นพวกหน้านิ่งแต่ใจดีสินะคะ
    เอ็นดูตอนเห่อหมามากเลยค่ะ พอได้อวดนี่ก็เปิดให้เขาดูไม่หยุดเลยนะคะ พิชิตก็เออออไปกับเขาเนาะ

    Like

  4. น่ารักเกินไปแล้วววรู้มั้ยยูริ อ้าวไม่ใช่ ผิดคน พิชิตๆ โทษค่ะๆ
    โง้ยยย นึกถึงกินคิทแคทแก้มตุ๋ยๆ โดนแซะ แถมโดนคนอื่นหัวเราะตามหลังอีก ฮ่าๆๆๆ ทีหลังไม่ต้องชวนลีมาแล้วนะคะ ให้กินแล้วยังแซะเค้าอีก ฮ่าๆๆ
    แล้วก็เลิกซึนได้แล้วนะคะยูริโอะ อ้าวไม่ใช่ผิดคน อปป้า
    อปเอ็นดูพีชใช่มั้ย ฝากน้องด้วยยยยย

    tbc. รอวนปายยยยยย

    Like

  5. น่าร้ากกกกกกกกก อปป้าคนอวดหมาด้วยสีหน้านิ่งๆช่างน่าเอ็นดูเหลือเกินค่ะ นึกภาพอปป้าพูดว่าหมาเป็นมันฝรั่งเดินได้ด้วยสีหน้าจริงจังแล้วพรูดดดด คิ้วททท์
    คุณพิชิตแฮมสเตอร์ก็น่ารักฉดใฉจังค่ะ อยากให้ขนมมม //////)
    ปล. อ่านตอนตีหนึ่งกว่าพอถึงพาร์ทโซ้ยมาม่าแล้วหิวมากค่ะพี่ทิพย์ *หลั่งนั้มตา*

    Like

  6. โอยยยย โอ๊ยยยยยย นอนลงงงง
    ฟิคนี้ทำให้ต้องไปต้มมาม่ากิน 😂 กรี๊ด 5555555 น้ำหนัก
    แงงง น่ารักมากเลย พิชิตนุ้ยๆ น้วยๆ ทำไมมันน่ารัก มีฟามสดใสสส

    Like

  7. อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ลงเลยจริงๆค่ะ เราชอบมากกกกกกก /////
    อะไรคือรายการคนอวดหมา นึกภาพซึงกิลหน้านิ่งตาเป็นประกายวิ้งๆจ้องภาพน้องหมาในมือถือออกเลยค่ะ 555
    ไหนจะไปแซะพิชิตคุงเค้าอีก แต่พอพูดถึงเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มบวมก็ชวนนึกถึงแฮมสเตอร์เหมือนกันนะคะ รู้สึกเอ็นดูมาก
    ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ดีต่อใจเรามากเลย TT///TT

    Like

  8. ความละมุนมุ้งมิ้งนี้~ นึกภาพตามแล้วดีต่อใจมากเลยค่ะพี่ทิพย์ อ่านไปก็ยิ้มไปกลางโรงอาหารเลยนี่แหละกลั้นยิ้มไม่ไหวแล้ว55555

    Like

  9. ติ่งเชื่อแน่นอนค่ะว่ามีพล็อต5555555555
    แงงงงงงเด็กๆน่ารักกันเหลือเกิน เขินคู่หลักมากๆ ( ///)
    อปป้าน้ำแข็งเริ่มละลายแล้ว
    รอติดตามตอนต่อไปนะคะ

    Like

  10. อยากกินมาม่าเลย//ยำไก่แซ่บในมือสั่นพั่บๆ 😆
    ซึงกิลนี่แววขี้แกล้งมาแต่ไกลเลยนะ หึๆๆๆ

    Like

  11. จูจูน่ารักจังเลยยยยย ฮือ หลงใหล
    มนุษย์สัมพันธ์ดียอด มีความสยามเมืองยิ้ม อปป้าก็โคตรคูล แม่ขาาาา หนูชิป
    คุณวิคเตอร์นี่อ้อนยูริอีกแล้ว5555
    รอตอนต่อไปนะคะฟฟฟฟ ลงเรือไปแล้วววว

    Like

  12. Pingback: [Yuri!!! On Ice Fic][seungchuchu] then we’ll just let gravity do the trick (2) | (Note: I was possessed when I wrote this)·

Leave a comment