Fandom: ユーリ!!! on ICE
* แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *
The song that inspired This fanfic: Up by Sing Street
******************************
chapter 1
เสียงฮือฮาปนกับเสียงอุทานอย่างเคลิ้มฝันของสาวๆ ทั้งในและนอกลานสเก็ตดังขึ้นตรงมุมทางเข้านั้นมากจนทำให้หนุ่มน้อยชาวไทยผู้กำลังซ้อมอยู่ตรงอีกฟากของลานหันไปมอง…แล้วพิชิตก็ได้เห็นว่าสาเหตุของเสียงวุ่นวายเหล่านั้นมาจากการที่คัตสึกิ ยูริกับวิคเตอร์ นิกิโฟรอฟได้ก้าวเข้ามาในลานน้ำแข็งนี้นี่เอง
งั้นก็แสดงว่าข่าวที่ว่าวิคเตอร์จะเป็นโค้ชให้ยูรินี่ก็จริงแน่นอนแล้วสินะ
พิชิตคิดกับตัวเอง ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่ายินดีกับเพื่อน…ยูริเป็นคนที่มีความสามารถ แค่ยังขาดความมั่นใจจนแสดงออกมาได้ไม่เต็มที่นัก แต่จากที่เห็น…หนุ่มแว่นดูนิ่งและตอบรับคำทักของคนที่รายล้อมอย่างสบายๆ กว่าเดิมมากนัก เพราะแต่ก่อนนั้น ยูริคงมีสีหน้าแบบคนที่อยากมุดดินหนีไปแล้วกับความสนใจที่ได้รับอย่างในตอนนี้ นั่นจึงทำให้พิชิตอดยิ้มออกมาไม่ได้ ดีใจที่การตัดสินใจปุบปับของวิคเตอร์ไม่ได้ให้ผลในทางลบอย่างที่หลายๆ คนพูดนักพูดหนา
ตอนนี้เป็นช่วงเปิดลานสเก็ตให้ทุกคนได้ซ้อมรวมกัน จึงมีนักกีฬาอยู่ในลานแล้วค่อนข้างจะหลายคน แถมเมื่อวิคเตอร์บอกว่าจะลงมาสเก็ตในลานกับยูริด้วย เหล่าแฟนคลับก็ดูจะไม่รีรอในการตามติดมายืนออรอบขอบลานด้วย นักกีฬาทั้งในลานและที่นั่งพักอยู่ต่างก็ขยับเข้าไปเพื่อทักทายชายหนุ่มผมเงินตามประสาคนคุ้นหน้า นั่นจึงทำให้ลานสเก็ตอันกว้างขวางดูแน่นไปด้วยผู้คนและวุ่นวายขึ้นมาทันตาจนพิชิตไม่อยากอยู่ต่อ หนุ่มน้อยสเก็ตเข้าไปเพื่อทักทายเพื่อนกับโค้ชคนใหม่ของเจ้าตัวสั้นๆ แล้วก็ก้าวออกจากลานน้ำแข็งเพื่อไปนั่งตรงที่นั่งคนดู เพราะไหนๆ มันก็จวนจะได้เวลาพักของเขาอยู่แล้ว
พิชิตไม่เคยชอบนั่งคนเดียว เขามองว่าการแข่งขันไม่ควรจะมีแค่การซ้อมกับการลุ้นผลตัดสิน หนุ่มน้อยรู้สึกว่าในเมื่อตนมาได้ไกลจนถึงการแข่งระดับประเทศขนาดนี้แล้ว มันก็ดูเป็นเรื่องน่าเสียดายชะมัดที่จะไม่ได้เพื่อนต่างชาติกลับไปให้คิดถึง…แต่นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ลีซึงกิล นักกีฬาจากประเทศเกาหลีใต้คิด เพราะตั้งแต่เริ่มต้นการแข่งขันมา พิชิตไม่เคยเห็นเจ้าตัวคุยอะไรกับใครเท่าไหร่เลยแม้กระทั่งนักกีฬาจากประเทศแถบเอเชียด้วยกันเองก็ตาม
ยูริกับกวงหงต่างก็บอกเขาว่านั่นคงเป็นเพราะซึงกิลไม่อยากทำอะไรนอกจากซ้อมกับแข่ง และการไม่ได้ยุ่งกับอีกฝ่ายก็คงเป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องการ แต่พิชิตก็อดคิดไม่ได้ว่าภาพลักษณ์นิ่งๆ ไม่สุงสิงกับใครนี้อาจจะเป็นแค่นิสัยพูดน้อยของเจ้าตัวก็ได้ นั่นจึงทำให้นาทีที่คนทั้งลานสเก็ตแห่กันไปรุมล้อมวิคเตอร์จนเหลือแค่ซึงกิลคนเดียวที่นั่งจิบน้ำเงียบๆ อยู่ตรงที่นั่งคนดูแบบนี้…พิชิตก็เลยตัดสินใจจะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตัวเองด้วยการเดินไปนั่งข้างๆ หนุ่มเกาหลีเสียเลย
ซึงกิลเลิกคิ้วน้อยๆ อย่างสงสัยเมื่อเห็นเขา หากก็โค้งศีรษะนิดๆ ให้เป็นเชิงทักทาย สุภาพแต่ก็ยังเรียบนิ่งไร้คำพูดใดอยู่ดี
“หวัดดี…” พิชิตทัก แอบค้างกลางอากาศนิดหน่อยเพราะเพิ่งคิดได้ว่าตนไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับบทสนทนาเลย แต่ก็ได้โซเชียลมีเดียช่วยชีวิตไว้เมื่อนึกได้ “เอ่อ…ผมไม่เคยรู้เลยนะเนี่ยว่าคุณเลี้ยงหมาด้วย ตัวใหญ่มากเลยนะ”
พิชิตพูดแค่นี้ แต่ก็เห็นได้ว่าซึงกิลเข้าใจว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไรอยู่…เพราะเมื่อคืนวานนี้เองที่หนุ่มเกาหลีลงรูปที่คงถ่ายไว้ก่อนจะเดินทางมาแข่ง มันเป็นรูปซึงกิลที่อุ้มสุนัขพันธุ์จินโดสีขาวดำไว้เต็มอ้อมแขน พร้อมแคปชั่นสั้นๆ ว่าสุขสันต์วันเกิดให้เจ้าหมาตัวโตนี่
นั่นจึงทำให้อีกฝ่ายแค่พยักหน้า “คิมบับตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เลยล่ะ เพราะพอฉันไม่อยู่ คนที่บ้านก็ชอบตามใจแล้วก็ให้มันกินนั่นกินนี่ทุกทีเลย”
“คิมบับ?” ไม่ใช่ครั้งแรกที่พิชิตรู้เรื่องสัตว์เลี้ยงของอีกฝ่าย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ชื่อของมัน และนั่นก็ทำต้องรีบกลั้นยิ้มอย่างยากลำบาก “ทำไม…ทำไมชื่อนี้ล่ะ?”
“ก็ตอนเด็กๆ มันเป็นก้อนขาวๆ ดำๆ เองนี่นา” ซึงกิลเหมือนจะขมวดคิ้ว แต่ก็พอจะเห็นได้แล้วว่าเจ้าตัวมองไปทางอื่นทันที “เหมือนข้าวห่อสาหร่ายเลย”
พิชิตเริ่มมั่นใจแล้วว่าตนคิดถูก…ลีซึงกิลไม่ใช่คนไม่มีอัธยาศัยหรือไม่อยากยุ่งกับใครอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ หนุ่มเกาหลีแค่เป็นคนนิ่งๆ ที่ไม่มีนิสัยเริ่มต้นบทสนทนากับใครก่อนเท่านั้นเอง แต่ถ้าเข้ามาคุยด้วย ก็เห็นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้รังเกียจที่จะสานต่อบทสนทนาแต่อย่างใด
นั่นจึงทำให้พิชิตตัดสินใจลองเสี่ยงเพิ่มอีกนิด “จริงเหรอ? มีรูปมั้ยน่ะ?”
ซึงกิลมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่จะมองเขานิ่งๆ ราวกับคิดไตร่ตรองในใจว่าพิชิตต้องการอะไรกันแน่…แต่สุดท้ายก็ยักไหล่แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนหน้าจอ
“นี่ไง” นานอยู่เหมือนกันกว่าที่เจ้าตัวจะหารูปเจอ “นี่แหละ ช่วงที่ฉันเพิ่งได้มันมาเลี้ยง”
พิชิตเขยิบเข้าไปใกล้เพื่อจะได้มองหน้าจอมือถือที่ซึงกิลเอียงมาให้ดูได้ถนัดๆ…ก่อนจะออกความเห็นอย่างทึ่งปนขำ “จริงด้วย…ตัวเป็นก้อนเลย”
หนุ่มเกาหลีพยักหน้า มาดเคร่งขรึมราวกับบทสนทนานี้เป็นเรื่องทางวิชาการ “ตอนเดินนี่เหมือนมันฝรั่งเลยล่ะ”
ดวงตาสีเข้มเหลือบมองพิชิตเล็กน้อย ก่อนจะถามเสียงนิ่งๆ
“อยากดูคลิปมั้ย?”
แล้วจากนั้น บทสนทนาที่พิชิตตั้งใจว่าจะมีแค่เรื่องจิปาถะผิวเผินก็กลายเป็นรายการคนอวดหมาเวอร์ชั่นประเทศเกาหลีใต้ที่กินเวลาเกินครึ่งชั่วโมง แต่หนุ่มน้อยชาวไทยก็ไม่ได้บ่นอะไรหรอก…เขาชอบสัตว์อย่างหมาแมวอยู่แล้ว แต่เพราะพ่อกับแม่ติงว่าดูแลไม่ไหวเลยทำให้ไม่เคยได้เลี้ยงเองสักที เลยชอบนักเวลาได้ดูคลิปหรือรูปแบบนี้
แล้วก็ได้รู้เรื่องเหนือความคาดหมายด้วย…ว่าลีซึงกิลไม่ใช่คนหยิ่งเย็นชาอะไรเลยสักนิด
รายการคนอวดหมาได้มีอันจบลงในที่สุดเมื่อพิชิตขอตัวออกมา และเมื่ออยู่คนเดียวแล้ว…หนุ่มน้อยก็สามารถหัวเราะเบาๆ ออกมากับตัวเองได้ในที่สุด
มันเป็นเสียงหัวเราะของความเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ค้นพบ ปะปนกับความดีใจอย่างบอกไม่ถูกของการได้รู้จักมาดใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของเพื่อนร่วมการแข่งขันนี้
**
ยูริบอกเขาตั้งแต่ตอนอยู่ดีทรอยต์ด้วยกันแล้วว่ามาม่าของไทยนั้นเป็นอะไรที่อร่อยเกินหน้าเกินตาประเทศเจ้าของไอเดียบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างญี่ปุ่นเสียอีก ซึ่งถึงพิชิตจะแซวกลับไปว่าก็แค่เพราะยูริไม่ได้กินบ่อยเท่านั้นแหละ…แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะขนมาม่าหลากรสใส่กระเป๋าเดินทางมาที่การแข่งขันนี้อยู่ดี
แน่นอนว่าในครั้งนี้ ชวนยูริก็เหมือนชวนวิคเตอร์ไปด้วย แถมพ่วงมาด้วยหนุ่มน้อยผมทองผู้เป็นตัวแทนจากประเทศรัสเซียมาอีกคนด้วย เสียงพูดคุยโหวกเหวกดังเหนือกระเป๋าเดินทางที่เปิดอ้าของเขาเมื่อสามหนุ่มเลือกมาม่ากันอย่างสนุกสนาน ชามเปล่ากับตะเกียบวางอยู่ข้างกาต้มน้ำร้อน
“ฉันจะกินอันนี้นี่ล่ะ” ยูริ พรีเซตสกี้หรือยูริโอะประกาศ เห็นได้ชัดว่าเลือกมาม่าต้มยำกุ้งน้ำข้นนี่ก็เพราะชอบสีซองชัดๆ
“มันเผ็ดมากเลยนะรสนั้นน่ะ…” ยูริผู้มีประสบการณ์ตรงมาแล้วติงขึ้น ซึ่งก็ได้การตอบรับเป็นคำโวยหาเรื่องกลับมา ส่วนวิคเตอร์ที่น่าจะทำตัวให้สมอายุด้วยการห้ามมวยกลับมัวแต่ตื่นเต้นเกินหน้าใครเพื่อนไปแล้ว
“ดูนี่สิ มันเป็นซุปสีเขียวล่ะ” มัวแต่อ่านฉลากด้วยตาเป็นประกายจนไม่ได้มองเล้ยว่าสองยูริกำลังยื้อมาม่ากันอยู่ “ยูริ~ อะไรคือแกงกะหรี่เขียวน่ะ?? คนไทยทำยังไงให้แกงกะหรี่เป็นสีเขียวได้เหรอ???”
“มันคือแกงเขียวหวานน่ะ” ยูริดันแว่นที่โดนดันเบี้ยวให้กลับมา “ส่วนทำยังไงให้สีเขียว คุณน่าจะไปถามพิชิตคุงมากกว่าถามผมนะวิคเตอร์”
พิชิตหัวเราะกับความวุ่นวายตรงหน้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะไปเปิดประตูห้องพักของตัวเองแล้วยื่นหน้าออกไปดูตรงโถงทางเดินว่าเสียงในห้องไม่ได้ดังออกไปกวนใคร…และก็ตอนที่กำลังจะปิดประตูนั่นเอง ที่สายตาเลื่อนไปเห็นป้ายชื่อหน้าห้องเยื้องๆ กัน
ตัวแทนจากประเทศเกาหลีใต้, ลีซึงกิล
มีแสงไฟลอดมาจากช่องบางๆ ใต้ประตู และชื่อบนป้ายนั่นก็ทำให้พิชิตหวนคิดถึงบทสนทนาที่ได้มีให้กันเป็นครั้งแรกเมื่อสองวันก่อน…ภาพคนหน้านิ่งแต่กลับมีรังสีแฮปปี้แผ่ร่าตอนเปิดรูปสัตว์เลี้ยงของตัวเองให้เขาดูเป็นอะไรที่ทำให้พิชิตตัดสินใจได้ไม่ยากเลย
ประตูห้องของอีกฝ่ายเปิดออกหลังการเคาะแค่เล็กน้อย…แม้แต่ชุดตามสบายของลีซึงกิลก็ยังเป็นเสื้อยืดกับกางเกงสีเข้มขรึมอยู่ดี หนุ่มเกาหลีเลิกคิ้วนิดๆ อย่างฉงน แต่ก็ถามออกมาแทนคำทักทาย
“ว่าไง?”
“กินนี่กันมั้ย?” พิชิตชูซองมาม่าที่ถือติดมือมาด้วยให้อีกฝ่ายดู ยิ้มกว้างอย่างร่าเริง “ฉันเอามาจากไทยตั้งหลายรสแน่ะ มากินด้วยกันมั้ย?”
ซึงกิลยังคงหรี่ตามองเขานิดๆ ต่ออีกหน่อยอย่างคนที่รู้สึกแปลกๆ กับคำชวนอันปุบปับจากใครก็ไม่รู้ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วเดินตามมาโดยดี
ห้องของพิชิตมีแต่กลิ่นมาม่าที่สุกแล้วตอนที่ทั้งสองก้าวเข้าไป ดูเหมือนสุดท้าย วิคเตอร์ก็ยอมเชื่อยูริว่าความเบสิคคือทางเลือกที่ดีเสมอ…เพราะทั้งคู่กำลังกินมาม่ารสต้มยำกุ้งธรรมดากันอยู่อย่างสบายใจ ส่วนยูริโอะนั้นถึงจะน้ำตาปริ่มแล้วกับมาม่ารสต้มยำกุ้งน้ำข้น แต่เด็กหนุ่มก็ยอมรับแบบเสียงกระชากๆ ว่าอาหารติงต๊องที่พิชิตอุตส่าห์แบกมานี่อร่อยมาก
คงเพราะอาหารประจำชาติของเจ้าตัวก็มีเมนูเผ็ดๆ อยู่ ซึงกิลเลยไม่ได้มีปัญหาอะไรกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสหมูสับต้มยำนัก แต่พิชิตก็มีอันได้หลุดหัวเราะออกมาแล้วรีบเทน้ำใส่แก้วให้อีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าโหนกแก้มขาวๆ นั่นเริ่มขึ้นสีแดงนิดๆ แล้วตอนกินไปได้สักพัก
“เผ็ดเกินไปมั้ยล่ะนั่น?” ผิดกับคนอื่นๆ ในห้อง สิ่งที่พิชิตกำลังเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างสบายใจอยู่นั้นคือคิทแคทรสมันหวานสีม่วงที่ยูริซื้อมาให้จากญี่ปุ่น…หนุ่มน้อยหัวเราะล้อๆ ในประโยคหลัง “นายหน้าแดงไปหมดแล้วเนี่ย”
ซึงกิลวางตะเกียบแล้วจิบน้ำเงียบๆ…แต่ดวงตาก็ยังหรี่นิดๆ อยู่ดีตอนเจ้าตัววางแก้วลง
“กินเผ็ดก็ต้องหน้าแดงสิ เรื่องปกติ” มือใหญ่ๆ นั่นหยิบชามกับตะเกียบขึ้นมาถือใหม่ เสริมสั้นๆ เพิ่มเติม “นายเองก็กินขนมจนหน้าบวมแล้วนะรู้มั้ย”
เพราะเจ้าตัวพูดด้วยเสียงสงบนิ่งและราบเรียบยิ่งนัก…จึงต้องใช้เวลาราวๆ ห้าวินาทีเลยทีเดียวที่คนอื่นในห้องจะตระหนักได้ว่าพิชิตเพิ่งโดนแซะอย่างร้ายกาจที่สุดไป
ความเงียบโดนทำลายด้วยเสียงหัวเราะครืนของสองหนุ่มรัสเซียกับหนึ่งหนุ่มญี่ปุ่น ส่วนมนุษย์เกาหลีใต้นั้นยังคงซดบะหมี่อย่างนิ่งเฉยจนน่าปัดชามให้ร่วงนัก พิชิตโวยวายใส่สามคนนั้นก่อนว่าอย่าหวังว่าจะได้แตะมาม่าของตนอีก คำขู่ที่เห็นได้ชัดว่าไม่มีน้ำหนักอะไรเลยเพราะสามหนุ่มยิ่งหัวเราะหนักกว่าเก่า…แถมพอจะหันมาเอาเรื่องเจ้าของคำพูดบ้าง ก็ปรากฏว่าเจ้าตัวกินบะหมี่หมดแล้วและกำลังจิบน้ำ(ที่เขาเทให้)อย่างสบายใจอยู่
สีหน้าที่เขาได้เห็นยังเรียบนิ่งอยู่เหมือนทุกทีที่ได้เจอกัน แต่ในนาทีนี้…ดวงตาสีเข้มนั้นไม่ได้มีแต่แววเฉยเมยอีกแล้ว มันทอประกายของความขบขันและเอ็นดูจางๆ…บางเบาหากเขาก็สังเกตได้เหมือนรอยยิ้มบางเบาตรงมุมปากเจ้าตัว
และนั่นเองที่ทำให้พิชิตลืมคำโวยวายไปจนหมด ทำได้แค่เพียงชักสีหน้าเชอะๆ แล้วก็มองไปทางอื่นเท่านั้น
tbc.
#สาบานว่ามันมีพล็อต
มันคือความมุ้งมิ้งที่เราจะติดตามค่ะ ชอบมากกกกก
LikeLike
อ๋อยยยยยยย
พิตชี่น้ารักมากเลย
เขินนนนนนน
LikeLike
ตามมาจากทวิตเตอร์ค่า อิอิ
ซึงกิลตอนอวดหมานี่น่ารักมากเลยค่ะะะ นึกภาพพิชิตคุงหน้าเหวอออกเลย แบบคาดไม่ถึง 555555 > <
ตอนกินมาม่า ก้มุ้งมิ้งมั่ก ๆๆ
สู้ ๆ นะคะะ ติดตาม ๆๆ ^ ^
LikeLike
ฮวือออออออออออ ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ~
จูจูเริ่งร่าน่ารักเสมอ แต่ที่น่ารักผิดคาดคืออปป้าค่ะ 😂
โถพ่อคุณ เป็นพวกหน้านิ่งแต่ใจดีสินะคะ
เอ็นดูตอนเห่อหมามากเลยค่ะ พอได้อวดนี่ก็เปิดให้เขาดูไม่หยุดเลยนะคะ พิชิตก็เออออไปกับเขาเนาะ
LikeLike
น่ารักเกินไปแล้วววรู้มั้ยยูริ อ้าวไม่ใช่ ผิดคน พิชิตๆ โทษค่ะๆ
โง้ยยย นึกถึงกินคิทแคทแก้มตุ๋ยๆ โดนแซะ แถมโดนคนอื่นหัวเราะตามหลังอีก ฮ่าๆๆๆ ทีหลังไม่ต้องชวนลีมาแล้วนะคะ ให้กินแล้วยังแซะเค้าอีก ฮ่าๆๆ
แล้วก็เลิกซึนได้แล้วนะคะยูริโอะ อ้าวไม่ใช่ผิดคน อปป้า
อปเอ็นดูพีชใช่มั้ย ฝากน้องด้วยยยยย
tbc. รอวนปายยยยยย
LikeLike
น่าร้ากกกกกกกกก อปป้าคนอวดหมาด้วยสีหน้านิ่งๆช่างน่าเอ็นดูเหลือเกินค่ะ นึกภาพอปป้าพูดว่าหมาเป็นมันฝรั่งเดินได้ด้วยสีหน้าจริงจังแล้วพรูดดดด คิ้วททท์
คุณพิชิตแฮมสเตอร์ก็น่ารักฉดใฉจังค่ะ อยากให้ขนมมม //////)
ปล. อ่านตอนตีหนึ่งกว่าพอถึงพาร์ทโซ้ยมาม่าแล้วหิวมากค่ะพี่ทิพย์ *หลั่งนั้มตา*
LikeLike
โอยยยย โอ๊ยยยยยย นอนลงงงง
ฟิคนี้ทำให้ต้องไปต้มมาม่ากิน 😂 กรี๊ด 5555555 น้ำหนัก
แงงง น่ารักมากเลย พิชิตนุ้ยๆ น้วยๆ ทำไมมันน่ารัก มีฟามสดใสสส
LikeLike
อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ลงเลยจริงๆค่ะ เราชอบมากกกกกกก /////
อะไรคือรายการคนอวดหมา นึกภาพซึงกิลหน้านิ่งตาเป็นประกายวิ้งๆจ้องภาพน้องหมาในมือถือออกเลยค่ะ 555
ไหนจะไปแซะพิชิตคุงเค้าอีก แต่พอพูดถึงเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มบวมก็ชวนนึกถึงแฮมสเตอร์เหมือนกันนะคะ รู้สึกเอ็นดูมาก
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ดีต่อใจเรามากเลย TT///TT
LikeLike
ความละมุนมุ้งมิ้งนี้~ นึกภาพตามแล้วดีต่อใจมากเลยค่ะพี่ทิพย์ อ่านไปก็ยิ้มไปกลางโรงอาหารเลยนี่แหละกลั้นยิ้มไม่ไหวแล้ว55555
LikeLike
ติ่งเชื่อแน่นอนค่ะว่ามีพล็อต5555555555
แงงงงงงเด็กๆน่ารักกันเหลือเกิน เขินคู่หลักมากๆ ( ///)
อปป้าน้ำแข็งเริ่มละลายแล้ว
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
LikeLike
อยากกินมาม่าเลย//ยำไก่แซ่บในมือสั่นพั่บๆ 😆
ซึงกิลนี่แววขี้แกล้งมาแต่ไกลเลยนะ หึๆๆๆ
LikeLike
จูจูน่ารักจังเลยยยยย ฮือ หลงใหล
มนุษย์สัมพันธ์ดียอด มีความสยามเมืองยิ้ม อปป้าก็โคตรคูล แม่ขาาาา หนูชิป
คุณวิคเตอร์นี่อ้อนยูริอีกแล้ว5555
รอตอนต่อไปนะคะฟฟฟฟ ลงเรือไปแล้วววว
LikeLike
Pingback: [Yuri!!! On Ice Fic][seungchuchu] then we’ll just let gravity do the trick (2) | (Note: I was possessed when I wrote this)·
พิชิตตต นายน่ารักก
LikeLike