[Yuri!!! On Ice Fic][VictorYuuri] Looking Across the Universe, Searching for Neptune (2)

 
 
 
Looking Across the Universe, Searching for Neptune
ユーリ!!! on ICE fanfiction by Tippuri~ii* 
 

 

    
 

 
 
Pairing: Victor Nikiforov x Yuuri Katsuki
 

Fandom: ユーリ!!! on ICE

 

 

 

 * แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

 

 

****************************
 
note: เป็นหนึ่งในฟิคของจักรวาล yuri on ice coffeeshop AU ของเราค่ะ พิชิตบาริสต้านั่นแหละ
 
**************************
 
 
 
 

ปุกาศ:

 

 -ตอนนี้เราเปิด Instagram ไว้อัพรูป+อัพเดทเวลาอัพบล็อกแล้วนะคะ ไอดีเหมือนทวิตเลยค่ะ -> tippuri

 -และตอนนี้ก็เปิดให้สั่งซื้อฟิครอบไปรฯแล้วนะคะ เดดไลน์วันวาเลนไทน์ค่ะ -> รายละเอียดฟิครอบไปรษณีย์ เดือน ก.พ.

 
 
 **************************
 
 

 

 

Chapter 2

 

 

 

 

สิบโมงครึ่งของวันที่สามสิบพฤศจิกายน คัตสึกิ ยูริผู้เมาค้างและโสดสนิทกำลังรู้สึกอยากจะบ้าเป็นอย่างยิ่ง

 

 

 

 

“ปะ โปรเฟสเซอร์นิกิโฟรอฟ…คุณ…คุณมาทำอะไรที่นี่…???”

 

 

 

 

บุคคลตรงหน้าของเขาอยู่ในชุดสูทสีดำสนิทกับเนคไทสีเทาอมน้ำเงิน หล่อเป๊ะไปทั้งตัวราวกับเพิ่งเดินลงมาจากรันเวย์ของดิออร์…ดวงตาสีฟ้าคู่สวยนั่นมองเขาราวกับพิศวงเล็กน้อยกับคำถาม ราวกับเจ้าตัวไม่ได้คิดเลยว่าการโผล่มายืนตรงหน้าอพาร์ตเมนต์ของอดีตลูกศิษย์จากวิชาอันแสนไม่สำคัญจนเจ้าตัวเองก็ไม่จะจำเขาได้แบบนี้นั้นเป็นเรื่องผิดปกติอะไร

 

 

 

 

“ฉันก็มาตามนัดไง” มือที่สวมถุงมือสีเข้มอยู่ล้วงกระเป๋าโค้ทเพื่อหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู “คัตสึกิ ยูริ อพาร์ตเมนต์นี้ ห้องเบอร์ 527…ที่อยู่ก็ตามที่นายให้ไว้นี่—”

 

 

 

 

“หวาๆๆๆ!!! โอเคครับ!!!!” ยูริโบกมือเป็นพัลวันพร้อมร้องเสียงลั่นทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรโอเคเลยในตอนนี้…เพราะแค่การที่อยู่ๆ ก็มีโปรเฟสเซอร์นิกิโฟรอฟโผล่มาหน้าบ้านแบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบตีลังกาจะแย่แล้ว การที่ได้รู้เพิ่มเติมขึ้นมาว่าโปรเฟสเซอร์คนที่ว่านี่ยังมีงานเสริมคือการรับจ็อบเป็นแฟนกำมะลอตามคำจ้างออนไลน์แบบนี้ก็ยิ่งทำให้ยูริรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบที่ตีลังกาอยู่นั้นถูกเขย่าๆๆๆ เพิ่มเติมเข้าไปอีก

 

 

 

 

ให้ตายให้ตายให้ตายนี่มันอะไรกันนี่มันอะไรกันนี่มันอะไรกัน?????

 

 

 

 

เขายืนกรีดร้องไม่มีเสียงอยู่จนอีกฝ่ายต้องเป็นคนถามขึ้น เสียงค่อยอย่างมีมารยาท “เอ่อ…ยูริ? เราจะไปกันเลยเหรอ?”

 

 

 

 

“ไม่ครับ ไม่” หนุ่มแว่นพยายามส่งเสียงออกไปให้เป็นภาษามนุษย์ “เอ่อ เข้ามาก่อนสิครับ”

 

 

 

 

เขายืนรอปิดประตูหลังจากที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาแล้ว บานประตูถูกกระแทกแรงกว่าที่ตั้งใจ เพราะตอนนี้ยูริรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับผู้สมรู้ร่วมคิดไปแล้ว…เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีต่อฐานะการงานของอีกฝ่ายแน่ถ้ามีใครรู้ถึงงานพิเศษนี้ของเจ้าตัว

 

 

 

 

“นายอยู่คนเดียวเหรอ?” ผิดกันกับความสติแตกของยูริ โปรเฟสเซอร์นิกิโฟรอฟเดินลั้นลาพร้อมมองไปรอบๆ อย่างสบายใจ แถมยังมีการหันมาขยิบตาล้อเล่นได้เสียด้วย “ดีใจจัง ถ้าอย่างนี้ฉันก็มาค้างได้ไม่ต้องเกรงใจรูมเมทนายสินะ”

 

 

 

 

ยูริหน้าแดงวาบทันที ทั้งช็อคทั้งเขินปนกันจนได้แต่ยืนเฉยๆ เหมือนตุ๊กตาลานขาด

 

 

 

 

“ว่าแต่ว่า…เราจะต้องออกไปกันสักตอนกี่โมงเหรอ?” โปรเฟสเซอร์นิกิโฟรอฟถามด้วยน้ำเสียงใหม่ ไม่มีกระแสหยอกเย้าแล้ว “นายได้เลือกร้านไว้รึยัง? เพราะถ้ามันไม่ไกล เราจะได้ไม่ต้องรีบอะไร—”

 

 

 

 

“คุณจะมาเป็นแฟนของผมจริงๆ เหรอ???”

 

 

 

 

ยูริโพล่งออกไป เพราะถ้าให้สารภาพตามตรง…เขาฟังอะไรไม่เข้าหัวมาสักพักแล้วเพราะมีแค่คำถามนี้วนเวียนในหัว จริงอยู่ว่าหัวใจสำคัญของการแสดงละครหลอกๆ นี้คือเรื่องเงินล้วนๆ…แต่เขาก็ยังคงอดรู้สึกไม่ได้อยู่ดีว่าโปรเฟสเซอร์นิกิโฟรอฟน่าจะมีทางเลือกในการรับงานที่ดีกว่าตัวเขา ใครสักคนที่น่าประทับใจกว่า ใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่น่าเบื่อ หรืออย่างน้อยๆ ก็ใครสักคนที่น่าจะมีงบจ้างสูงกว่ายูริ

 

 

 

 

โปรเฟสเซอร์นิกิโฟรอฟเงียบไปทันทีเหมือนกันเมื่อโดนพูดขัด ดวงตาสีฟ้ามองเขาพร้อมกะพริบนิดๆ ราวกับไม่คาดคิดว่าจะได้ฟังคำถามนี้ ก่อนจะคลี่ยิ้มใหม่

 

 

 

 

“จริงสิ” รอยยิ้มนุ่มๆ นั่นแปรเปลี่ยนเป็นหล่อจนชวนให้ใจสั่นได้ทันทีแค่เพียงเจ้าตัวขยิบตา “อันที่จริง นายใช้คำว่า ‘คู่หมั้น’ นะตอนบอกฉันทีแรก ซึ่งฉันก็ว่ามันแอบเร็วไปหน่อยเหมือนกันนะ…แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก คู่หมั้นก็คู่หมั้น♡”

 

 

 

 

ยูริร้องไม่ออกแล้วด้วยซ้ำในตอนนี้ สมองปั่นเร็วจี๋เพื่อคิดทวนถึงเนื้อความของอีเมลที่ตัวเองส่งเข้าไป และก็ได้รับคำตอบอันอบอุ่นจากวอดก้าว่าจำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว “คุณ…คุณจะมาเป็นคู่หมั้นของผมงั้นเหรอ???!!”

 

 

 

 

“แล้วฉันก็จะเป็นคู่หมั้นของนายที่กำลังจะไปเจอพ่อแม่นายสายแล้วด้วยล่ะถ้านายไม่รีบแต่งตัว~” ชายหนุ่มผมเงินยังคงยิ้มใสๆ ปากรูปหัวใจราวกับไม่รู้สึกรู้สาเลยว่าตัวเองไม่ควรใช้คำว่า ‘คู่หมั้น’ เรี่ยราดแบบนี้ เพราะมันทำให้ยูริพร้อมจะหัวใจวายตายได้ทุกเมื่อ

 

 

 

 

หนุ่มแว่นส่งเสียงตอบรับที่เป็นส่วนผสมของการครางแอร๊กกับลมหายใจพะงาบๆ ก่อนรีบผลุบไปตั้งสติในห้องนอนทันที…ค้นหาเสื้อผ้าที่จะทำให้ตัวเองยังพอดูไม่ตายได้ในเวลาที่ต้องยืนข้างนายแบบสูทดิออร์ ก่อนจะจบลงที่เสื้อเชิ้ตกับสเวตเตอร์ไหมพรมอันตายตัวเพราะไม่มีอะไรที่ดีกว่าแล้วจริงๆ

 

 

 

 

 

ให้ตายเถอะ ยูริคิดอย่างสิ้นหวังกับตัวเอง ให้ตายเถอะ

 

 

 

 

ในเมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาในสภาพน้องเน่าหลังตื่นนอนไปแล้ว ยูริจึงไม่คิดว่าตัวเองมีอะไรจะต้องเสียอีก…หลังแต่งตัวแล้วเรียบร้อย เขาจึงเดินมานั่งลงที่โต๊ะอาหารที่โปรเฟสเซอร์นิกิโฟรอฟนั่งรออยู่ทั้งที่ยังใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมพั่บๆ อยู่

 

 

 

 

“โอเค” ยูริเกริ่นขึ้นทั้งๆ ที่ก็ยังไม่มีอะไรโอเคเลยอยู่ดีในความคิดของเขา “ผม…เอ่อ…ผมจำไม่ค่อยได้ว่าตัวเองบอกอะไรคุณไปบ้าง แต่ผม…เอ่อ…ผมคิดว่าเราบอกพ่อกับแม่ผมแค่เราเป็นแฟนกันก็พอแล้วครับ คู่หมั้นอะไรนั่นไม่ต้องหรอก”

 

 

 

 

ชายหนุ่มผมเงินอมยิ้มขันๆ แต่ก็พยักหน้าโดยดี

 

 

 

 

“แล้วที่คุณถามเรื่องร้าน” ยูริพูดช้าๆ เพราะอยากจะบ้ากับเรื่องชวนปวดหัวที่มีเข้ามาไม่จบไม่สิ้น “ผม…ผมยังไม่ได้คิดอะไรเอาไว้เลยล่ะครับโปรเฟสเซอร์—”

 

 

 

 

แล้วพ่อกับแม่ก็จะมาถึงในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนี้แล้วด้วย…

 

 

 

 

“วิคเตอร์”

 

 

 

 

ยูริเงยหน้าขึ้นมาจากการขยี้ตาจากความล้าในใจ ถามอย่างงงๆ “ครับ?”

 

 

 

 

“วิคเตอร์” ชายหนุ่มผมเงินยิ้มละไม “เรียกฉันว่าวิคเตอร์ดีกว่านะ มันดู…เป็นแฟนกันมากกว่า”

 

 

 

 

คำว่า ‘แฟน’ ไม่ได้ทำให้ใจสั่นน้อยเท่าไหร่เลย แต่ก็ยังดีกว่าคำว่า ‘คู่หมั้น’ หลายขุมนัก นั่นจึงทำให้ยูริมีสติพอจะพยักหน้าพั่บๆ แม้ว่าจะหน้าแดงไม่ต่างกับทีแรกอยู่ดี

 

 

 

 

วิคเตอร์เสนอร้านอาหารที่ไม่ห่างไปนักเป็นทางเลือกให้ ยูริไม่เคยเข้าไปลองชิมเพราะมันกึ่งๆ จะเป็นภัตตาคารซึ่งไม่ใช่แนวของนักศึกษาอย่างเขาเท่าไหร่นัก แต่ก็ตอบตกลงเพราะเคยได้ยินชื่อของร้านอยู่ว่าอร่อยและแต่งร้านสวย แถมก็เดินทางง่ายดีด้วย

 

 

 

 

คัตสึกิ ฮิโรโกะกับโทชิยะมาถึงที่อพาร์ตเมนต์ตอนจะใกล้เที่ยง ทั้งสองขอโทษแทนมาริ พี่สาวของยูริที่ไม่ได้มาด้วยเพราะยังแพ้ฤทธิ์เจ็ตแล็กอยู่ที่โรงแรม และผิดกันกับเขา…พ่อกับแม่ของยูริดูไม่มีปัญหาอะไรใดๆ ในการได้พบหน้าวิคเตอร์เลย หรือในทางกลับกัน อาจจะเป็นเพราะยูริเป็นฝ่ายที่รู้ความจริงก็ได้ว่าทุกอย่างตรงนี้นั้นคือการจัดฉากทั้งเพ

 

 

 

 

แต่การจะอ้างว่าสติแตกเพราะเป็นคนรู้ความจริงก็คงใช้ไม่ได้…เพราะผิดกันลิบลับกับเขา วิคเตอร์ นิกิโฟรอฟตีบทแฟนหนุ่มของยูริได้เนียนยิ่งกว่าใช้เครื่องตีไข่ไฟฟ้าช่วยผสม ชายหนุ่มผมเงินทักทาย ยิ้มสดใส และชวนพ่อกับแม่ของเขาคุยอย่างสุภาพหากเป็นกันเอง ทุกการกระทำช่างดูง่ายดายและเป็นธรรมชาติเสียจนยูริแอบทึ่งเบาๆ กับความมืออาชีพนี้

 

 

 

 

ยูริ…” แม่ของเขาแอบกระซิบระหว่างทางเดินไปที่ร้านอาหาร “ทำไมไม่เคยบอกแม่เลยเนี่ยว่าวิคเตอร์เขาน่ารักขนาดนี้?”

 

 

 

 

ยูริได้แต่ส่งเสียงอือๆ ออๆ ไปตามเรื่อง ยุ่งอยู่กับการบังคับตัวเองให้ไม่เผลอหลุดปากออกไป

 

 

 

 

ที่ไม่เคยบอกก็เพราะที่ผ่านๆ มา วิคเตอร์เขาไม่รู้ถึงการมีอยู่ของตัวผมด้วยซ้ำไงครับแม่…

 

 

 

 

 

 

**

 

 

 

มันเป็นมื้อกลางวันที่ไม่น่ากลัวเท่าที่คิด

 

 

 

 

หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเรื่องที่น่ากลัวที่สุดอย่างการไม่มีคู่เดทแล้วได้เห็นสีหน้าผิดหวังของพ่อแม่ไม่เกิดขึ้น แต่เปลี่ยนมาเป็นความน่าพรั่นพรึงของการได้นั่งมองพ่อแม่คุยกับแฟนตัวปลอมของเขาอย่างสดชื่นก็เป็นได้…มันเป็นภาพของความสนิทสนมที่ถ้ายูริไม่ได้รู้ความจริงอยู่แล้ว เขาคงเชื่อไปแล้วแน่นอนว่าวิคเตอร์คือแฟนตัวจริงของตน เผลอๆ จะเชื่อด้วยซ้ำว่านี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของบุพการีกับชายหนุ่มผมเงิน

 

 

 

 

ไม่ใช่แค่เครื่องตีไข่ไฟฟ้าธรรมดาช่วยผสมแล้วเนี่ย…นี่มันเนียนระดับเครื่องตีไข่ไฟฟ้าในมือกอร์ดอน แรมซีย์ชัดๆ…

 

 

 

 

วิคเตอร์ถามพ่อกับแม่ของเขาด้วยคำถามทั่วๆ ไปในทีแรกว่ามาถึงวันไหน ซึ่งหลังจากการเล่าว่ามาถึงตั้งแต่คืนวานแล้วนอนค้างที่โรงแรมแถวสนามบิน…บทสนทนาก็เบนเข็มต่อมาเป็นการเล่าถึงรีสอร์ตน้ำพุร้อนของที่บ้าน

 

 

 

 

“วันหลังวิคจังก็ให้ยูริพามานะจ๊ะ” ฮิโรโกะยิ้มกว้างจนตาหยีให้ชายหนุ่มผมเงินที่เลื่อนขั้นจากวิคเตอร์มาเป็นวิคจังแล้ว “มาค้างที่บ้านเราเลย เดี๋ยวแม่จะทำอาหารญี่ปุ่นให้ชิม ดีมั้ย?”

 

 

 

 

แน่นอนว่าวิคเตอร์ก็ยิ้มกว้างตอบไปจนปากเป็นรูปหัวใจ ยูริมองภาพแม่กับชายหนุ่มผมเงินคุยกันด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย…แน่นอนว่ายังมีความหวาดหวั่นและไม่อยากเชื่อความจริงอยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการได้เห็นวิคเตอร์ในมาดนอกห้องเรียนอย่างนี้เป็นอะไรที่เหนือความคิดแบบที่ทำให้อยากยิ้มออกมาอย่างบอกไม่ถูก

 

 

 

 

“แม่เขามีความสุขมากเลยนะ”

 

 

 

 

ยูริเบนสายตาไปหาพ่อ…คัตสึกิ โทชิยะเป็นคนนิ่งๆ ที่มักจะรับบทผู้ฟังที่ดีพร้อมรอยยิ้มละไมมากกว่าในบทสนทนา แต่ในวันนี้ เจ้าตัวพูดเยอะกว่าปกติ รวมไปถึงการชวนคุยขึ้นมาแบบนี้ด้วย

 

 

 

 

ยูริพยักหน้าตอบพ่อ พวกเขาทั้งสองค่อนข้างเป็นผู้ฟังมากกว่าในมื้อกลางวันมื้อนี้ มองวิคเตอร์กับฮิโรโกะคุยกันอย่างสนิทสนม “ผมดีใจนะที่พ่อกับแม่ชอบวิคเตอร์น่ะ”

 

 

 

 

“นั่นก็ส่วนนึง” โทชิยะตอบ “แต่พ่อกับแม่น่ะมีความสุขที่ลูกได้เจอใครสักคนแล้วมากกว่า”

 

 

 

 

ยูริไม่รู้จะตอบอย่างไร ความรู้สึกผิดของคนโกหกคืบคลานขึ้นมาในใจจนต้องเสก้มหน้า เขี่ยๆ อาหารในจานไปเงียบๆ

 

 

 

 

“ที่พ่อกับแม่ชอบถามเรื่องแฟนของลูกบ่อยๆ น่ะ มันไม่ใช่เพราะเราอยากให้ลูกสละโสดอะไรหรอกนะ แต่เพราะพ่อกับแม่อยากเห็นลูกมีใครสักคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจเท่านั้นเอง” โทชิยะพูด ก่อนจะหัวเราะขันๆ “เพราะเพื่อนก็คงคุยด้วยไม่ได้ทุกเรื่องใช่มั้ยล่ะ แล้วพ่อกับแม่ก็เข้าใจว่าก็ต้องมีหลายๆ อย่างที่ลูกไม่ได้อยากพูดกับพวกเรา ก็เลยคิดว่าอยากให้ลูกมีใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ…ก็เท่านั้นเอง”

 

 

 

 

ประโยคนี้บอกชัดเจนว่าพ่อกับแม่เข้าใจเป็นอย่างดีถึงนิสัยโลกส่วนตัวสูงของเขา และไม่ต้องการที่จะรุกล้ำเข้าไปให้ยูริต้องพูดเรื่องที่ไม่อยากบอกใครแม้ว่ากำลังจะอยากระบาย ซึ่งความเข้าใจนี้ก็ทำให้ยูริยิ่งรู้สึกอยากร้องไห้กับคำโกหกในรูปชายหนุ่มชาวรัสเซียที่กำลังคุยอย่างสนุกสนานอยู่กับแม่ของเขา

 

 

 

 

บ้าจริง…แล้วอย่างนี้เขาจะบอกความจริงกับพ่อแม่ลงได้ยังไงล่ะ…

 

 

 

 

“ยูริ~ เป็นอะไรน่ะ?” เสียงสดใสถามขึ้นข้างหู พร้อมกับมือใหญ่ๆ ที่แตะลงบนต้นแขนเขาเบาๆ “อาหารไม่อร่อยเหรอ? นายโอเครึเปล่าน่ะ?”

 

 

 

 

ยูริหันหน้าไปเพื่อสบตากับดวงตาสีฟ้าคู่นั้น มันเริ่มทอประกายเป็นห่วงเล็กๆ แล้ว…เหมือนกันกับน้ำเสียงในประโยคหลังนั่น มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้หน้าร้อนชอบกลตอนที่ได้เห็น และก็ทำให้เขาวางส้อมในมือลงอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อที่จะให้มือข้างนั้นของวิคเตอร์เลื่อนลงมาจับมือเขาไว้ได้

 

 

 

 

“อะ อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ผมโอเคดี…” ยูริหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตอนนี้แม่ก็เริ่มมองมาอย่างเป็นห่วงแล้ว “ผมแค่…เอ่อ เมื่อคืน ผมนอนดึกไปหน่อย…”

 

 

 

 

นั่นจึงทำให้บทสนทนาเดินต่อไป แต่วิคเตอร์ไม่ได้ปล่อยมือจากเขา และในเมื่อยูริก็ไม่คิดจะแตะอาหารที่เหลือในจานต่ออยู่แล้ว…เขาจึงไม่ได้ขยับมือออกจากสัมผัสนี้เช่นกัน

 

 

 

 

ฮิโรโกะกับโทชิยะเล่าต่อว่าหลังจากนี้ พวกตนจะไปแคลิฟอร์เนียเพื่อเยี่ยมญาติที่อยู่ทางนั้นราวๆ สัปดาห์หนึ่ง ก่อนจะบินกลับมาเพื่อเที่ยวนิวยอร์กกับวอชิงตันดีซี แล้วค่อยกลับมาที่ดีทรอยต์ในสัปดาห์คริสต์มาส

 

 

 

 

“วิคเตอร์ก็มาด้วยนะ ตอนดินเนอร์วันคริสต์มาสน่ะ” โทชิยะชวนด้วยรอยยิ้ม คำเชิญที่ถูกสนับสนุนด้วยเสียงของฮิโรโกะ

 

 

 

 

นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มผมเงินเป็นฝ่ายชนะตำแหน่งคนเลี้ยงอาหารกลางวันมื้อนี้…วิคเตอร์ส่ายหน้าตอนโดนทักท้วง “คุณพ่อคุณแม่ค่อยเลี้ยงคืนตอนดินเนอร์คริสต์มาสไงครับ”

 

 

 

 

พวกเขายืนโบกมือและมองตามจนกระทั่งรถแท็กซี่ของโทชิยะกับฮิโรโกะเลี้ยวมุมไปก่อน แล้วยูริจึงค่อยพูดขึ้น

 

 

 

 

“ขอบคุณนะครับ…สำหรับวันนี้น่ะ”

 

 

 

 

เขายังอยากจะพูดมากกว่านี้…ขอบคุณที่อีกฝ่ายช่วยกู้สถานการณ์มื้อกลางวันนี้แทนตัวเขาที่ยังคงปวดหัวพร้อมสติแตกไปหมด ขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่ถือสาอะไรที่เขาไม่ค่อยชวนคุยอะไรเลย ขอบคุณที่อีกฝ่ายคิดผูกเรื่องได้ฉับไวและพูดออกไปได้อย่างคล่องแคล่วมากกว่าตัวเขาที่รู้สึกผิดจนคิดอะไรไม่ออก แต่ในวินาทีที่ยืนข้างกันในความเงียบแบบนี้…ยูริก็เพิ่งตระหนักได้ว่าตนนั้นห่างไกลกับคำว่าคนแปลกหน้าในชีวิตอีกฝ่ายแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ตำแหน่งที่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันกับชีวิตของเขา

 

 

 

 

อีกฝ่ายคือวิคเตอร์ นิกิโฟรอฟ และเขาก็เป็นแค่หนึ่งในนักศึกษาที่นั่งโต๊ะเรียนแถวหน้าสุดเท่านั้นเอง

 

 

 

 

นั่นจึงทำให้ยูริไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก…อะไรที่ฟังดูสนิทสนมหรือมีความรู้สึกส่วนตัวปะปน แต่เป็นประโยคที่เกี่ยวกับเหตุผลหลักที่ทำให้อีกฝ่ายมายืนอยู่ข้างๆ เขาตอนนี้แทน

 

 

 

 

“เอ่อ…ผมคิดว่าเราควรคุยกันนะ” เสียงที่หลุดออกมานั้นแผ่วค่อยและเคร่งขรึมกว่าที่ตั้งใจไว้ “เรื่องว่าเรา…เอ่อ…เราจะเป็นยังไงกันต่อไปจนถึงคริสต์มาสน่ะ”

 

 

 

 

วิคเตอร์ดูประหลาดใจเล็กน้อย คงเพราะท่าทางของเขา แต่ก็ขยับยิ้มออกมา…สดชื่นหากอ่อนโยน

 

 

 

 

“ได้สิ” น้ำเสียงนั้นให้ความรู้สึกเดียวกับรอยยิ้ม ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นรื่นเริงนิดๆ “ไปนั่งที่ร้านกาแฟได้มั้ย ฉันอยากกินกาแฟจัง”

 

 

 

 

 

 

**

 

 

 

จากการที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตเขาไว้(แม้จะทำลายสติของเขาจนหมดก็ตาม)ในวันนี้ ยูริตั้งใจว่าตนจะเป็นคนเลี้ยงกาแฟที่วิคเตอร์อยากกินเอง และก็จะเลี้ยงกาแฟที่ดีที่สุดเท่าที่แถวนี้จะอำนวยด้วย

 

 

 

 

นั่นจึงทำให้เขาเลือกสตาร์บัคส์สาขาประจำเป็นที่หมายได้อย่างง่ายดาย และหลังจากที่บาริสต้าตัวเล็กผมสีเกาลัดยกถ้วยกาแฟที่ทั้งสองสั่งมาวางให้พร้อมขานชื่อแล้ว ยูริก็จัดการยกถาดกลับไปที่โต๊ะติดกระจกหน้าร้านที่วิคเตอร์นั่งรออยู่

 

 

 

 

พวกเขานั่งกันในความเงียบกรุ่นกลิ่นกาแฟชั่วครู่ ยูริพยายามเรียบเรียงถ้อยคำ ก่อนที่จะเริ่มต้นด้วยการถามคำถาม

 

 

 

 

“ตอนคริสต์มาส…คุณไม่ได้มีแพลนอะไรใช่มั้ยน่ะวิคเตอร์?” ถึงยูริ(น่าจะ)บอกอย่างชัดเจนไปในข้อความหาแฟนตัวปลอมแล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องมาเจอพ่อแม่ของตนในวันคริสต์มาสด้วย แต่เขาก็รู้สึกอยู่ดีว่าตัวเองควรจะถามเรื่องนี้ไว้ด้วย เผื่อว่าชายหนุ่มผมเงินอยากจะเลื่อนเวลาดินเนอร์หรืออะไรทำนองนั้นเพื่อให้ตัวเองมีเวลาส่วนตัวสำหรับคืนคริสต์มาส

 

 

 

 

“อืม…มันคือวันเกิดของฉันน่ะนะ แต่ยังไงฉันกับเพื่อนๆ ก็คงฉลองกันก่อนหน้านั้นไปแล้วน่ะ เพราะทุกคนเองก็มีแพลนตอนคริสต์มาสกันด้วยไง” วิคเตอร์ครุ่นคิดก่อนจะยิ้มพร้อมขยิบตา “เพราะงั้นไม่ต้องห่วงหรอก ฉันพร้อมไปดินเนอร์กับยูริแน่นอน”

 

 

 

 

“อะ โอเค…” นี่ก็ยังเป็นอีกมาดของโปรเฟสเซอร์นิกิโฟรอฟที่ยูริยังทำใจให้ชินไม่ค่อยได้เลย เขากระแอมกระไอพร้อมหน้าแดง ก่อนจะแจกแจงต่อ

 

 

 

 

“เอ่อ…ผมรู้ว่าผมบอกไว้ว่าวิคเตอร์แค่มาดินเนอร์ก็ได้” ยูริพูดอย่างระมัดระวังผสมเกรงใจ “แต่ถ้ายังไง…ตอนนี้จนถึงวันนั้น พวกเราจะมาเจอกันเรื่อยๆ ได้มั้ย เพราะพ่อกับแม่ของผมอาจถามถึงคุณ แล้วก็อาจจะขอให้ส่งรูปไปให้หน่อย…อะไรทำนองนั้นน่ะ…”

 

 

 

 

เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้ไปในข้อความแน่นอน เพราะยูริกะไว้แต่แรกแล้วว่าจะคุยเรื่องนี้กับคนที่ตอบตกลงรับจ้างเป็นแฟนตัวปลอมของเขาตอนที่ได้เจอกันซึ่งๆ หน้า เหตุผลก็คือเพื่อเผื่อไว้ในกรณีที่เขาไม่โอเคกับคนที่ตอบตกลงมา และก็เพราะมันจะต้องมีการคุยกันเรื่องค่าจ้างที่ต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน

 

 

 

 

งบก็ไม่ได้มีเยอะอยู่แล้วหรอกเถอะ… ยูริอยากร้องไห้เบาๆ เมื่อคิดถึงเงินเก็บของตัวเอง แถมนี่มาเจอระดับวิคเตอร์อีก…เขาจะจ่ายไหวได้ยังไงเนี่ย…

 

 

 

 

“ผม…ผมรู้ว่ามันไม่ดีเลยที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้แต่แรก มันเป็นเพราะผมไม่แน่ใจเองน่ะ” หนุ่มแว่นพูดอย่างเสียใจ “ขอโทษนะ แล้วถ้า…วิคเตอร์จะ…เอ่อ…ไม่เป็นแฟนผมแล้วก็ได้นะ…”

 

 

 

 

มันไม่ ‘ก็ได้’ หรอก แต่เขาก็เป็นคนบอกไม่หมดเองจริงๆ นั่นแหละ

 

 

 

 

ความเงียบทิ้งตัวชั่วครู่…แต่ก็นานพอที่จะทำให้ยูริแอบช้อนตาขึ้นมอง ก่อนจะได้เห็นว่าวิคเตอร์กำลังมองมาที่เขา…ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นมีแววพิศวงปนขันๆ ราวกับเรื่องที่ยูริพูดเป็นอะไรที่เขากังวลไร้สาระไปเอง

 

 

 

 

“ขอโทษทำไม…ฉันยังอยากเป็นแฟนยูริอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ” วิคเตอร์พูด ก่อนจะขยิบตาเย้าๆ อีกที “ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ…เป็นคู่หมั้นก็ยังได้เลย ถึงนั่นจะเร็วไปหน่อยแต่ฉันก็ไม่ได้ทำไม—”

 

 

 

 

“หวาๆๆๆ แฟนก็พอครับ! เป็นแฟนกันก็พอแล้ว!!” ยูริรีบห้าม หน้าแดงไปหมดแล้ว บอกตัวเองว่าให้ยึดหัวข้อสนทนาไว้กับประเด็นสำคัญเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น คุณบอกมาได้เลยนะว่าจะให้ผม…เอ่อ…รับผิดชอบเพิ่มเติมยังไง”

 

 

 

 

วิคเตอร์กะพริบตาเล็กน้อย “ได้เลย…”

 

 

 

 

“โอเค” ยูริพยักหน้า ถอนหายใจเบาๆ กับตัวเองที่จบไปได้หนึ่งเรื่อง ก่อนจะเริ่มต้นเรื่องที่สอง มันเป็นเรื่องที่พูดยากกว่าเรื่องแรกอยู่แล้ว…และการที่ได้พบว่าคนที่เขาต้องพูดด้วยคือวิคเตอร์ก็ทำให้ความยากนั้นเพิ่มเป็นเท่าตัว “ถ้าคุณโอเคที่เราจะเดทกันจนคริสต์มาส ผม…ผมอยากจะบอกว่า นอกจากไปกินข้าวหรือออกไปไหนด้วยกัน ผมว่าเราควร…เอ่อ…เราควร…”

 

 

 

 

วิคเตอร์มองมาอย่างรอคอย และยูริก็เตะตัวเองในหัวให้รีบๆ พูดออกไปซะที

 

 

 

 

“ผมว่าเราควร…” ย้ำเป็นรอบที่สาม ก่อนจะพูดเร็วปรื๋อออกมาจนได้ “…เราควรสลับกันไปค้างที่บ้านแต่ละคนด้วย”

 

 

 

 

วิคเตอร์ยังคงนั่งเงียบ และประโยคเร็วปรื๋อนั่นก็เป็นเหมือนการเปิดเขื่อนให้คำพูดสติแตกมากมายของยูริหลั่งไหลออกมา

 

 

 

 

“ผมเข้าใจว่านี่มันไม่ใช่เรื่องที่ขอแล้วคุณจะอยากทำตาม แต่ผมอยากให้การเดทของเรามันจริงจังน่ะ” หนุ่มแว่นกล่าวขอร้องอย่างสิ้นหวัง “ให้ผมนอนโซฟาที่บ้านคุณ แล้วคุณนอนเตียงตอนที่มาค้างที่อพาร์ตเมนต์ผมก็ได้…ยังไงก็ได้เลย เพราะ…เอ่อ…พ่อแม่ของผม เขาคิดกันน่ะว่าพวกเราคบกันมานานแล้ว แล้วเขาก็ดีใจมาก แล้วก็…แล้วก็…”

 

 

 

 

ลมหายใจติดขัดจนต้องหยุดพูด ยูริหวนนึกถึงสีหน้ามีความสุขของพ่อแม่ตอนมื้ออาหารกลางวัน น้ำหนักของความรู้สึกผิดจากทั้งคำโกหกและการต้องทำลายรอยยิ้มนั้นลงปะปนกันไปหมด

 

 

 

 

และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มผมดำได้แต่ก้มหน้าลง พูดเสียงเบา

 

 

 

 

“…ผมพูดไม่ได้จริงๆ ว่าความจริงเป็นยังไง”

 

 

 

 

ความเงียบยังคงปกคลุม แต่ละวินาทียาวนานเหมือนชั่วโมง ยูริไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเลย…เขากลัวว่าตัวเองจะได้พบเจอกับคำปฏิเสธจากอีกฝ่าย คำบอกกล่าวว่าข้อตกลงนี้มันมากเกินไปและก็เห็นได้ชัดว่ายูริจ่ายค่าจ้างเพื่อทุกสิ่งทั้งหมดนี้ไม่ไหว

 

 

 

 

หากเขาก็ได้ผงกหัวอย่างรวดเร็วแทนการเงยหน้าอยู่ดีเมื่อวิคเตอร์ทำลายความเงียบลง

 

 

 

 

“โอเค”

 

 

 

 

“หา???” ยูริเบิกตาโต “คุณโอเคเหรอ???”

 

 

 

 

“อื้อ” วิคเตอร์พยักหน้า ย้อนถามกลับเสียด้วย “ทำไมจะไม่โอเคล่ะ?”

 

 

 

 

“ก็…ก็…” ยูริคิดคำตอบไม่ออก เลยได้แต่ตอบออกไปแค่นี้ “…ขอบคุณนะครับ”

 

 

 

 

วิคเตอร์หัวเราะ ก่อนจะถาม “ยูริ…นายไม่ได้แพ้ขนหมาใช่มั้ย?”

 

 

 

 

“ไม่ครับ” ยูริส่ายหน้า เริ่มยิ้มออกนิดๆ แล้วตอนบอกออกไป “อันที่จริง ผมชอบหมามากเลยล่ะ”

 

 

 

“เยี่ยมไปเลย♡” ชายหนุ่มผมเงินยิ้มปากรูปหัวใจอีกแล้ว ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลงแล้วล่ะ…ดีใจที่ได้เป็นแฟนกันนะยูริ~”

 

 

 

 

มันยังคงเป็นคำที่ทำให้เขาใจสั่นและหน้าแดงอยู่ แต่ความสบายใจกับความหวังที่เริ่มก่อตัวก็ทำให้ยูริไม่ประหม่าหนักเท่าทีแรกแล้ว

 

 

 

 

ยังคงขัดเขิน แต่ถ้อยคำก็ชัดเจนก่อนที่เขาจะยกถ้วยกาแฟของตัวเองขึ้นชนกับถ้วยของอีกฝ่ายเบาๆ

 

 

 

 

“ดีใจที่ได้เป็นแฟนกับวิคเตอร์เหมือนกันครับ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

tbc.

 

****************************

 

เย่ห์หหหหห บทที่สองมาแล้วค่ะ 

 

ทุกคนที่ฟอลทวิตเราน่าจะได้เห็นแล้วว่าเราหวีดด๋อยยูริบ้าบอแค่ไหน ฮือออออ ทีแรกเรานึกว่าจะซื้อแค่ด๋อยวิคเตอร์นะคะ แต่นี่จองด๋อยยูริไปแล้วค่ะ #ลาก่อย #ไตนี้เพื่อเธอ งานดีงานละเอียด เรายอมค่ะ เราแพ้

 

ขอบคุณหลายๆคนที่แวะเข้ามาถามว่า จะรวมเล่มฟิค yoi บ้างมั้ย T///T ขอบคุณที่ให้ความสนใจนะคะ เพราะจะช่วยในการตัดสินใจวางแผนรวมเล่มได้มากๆเลยค่ะถ้าเป็นไปได้ แค่เราต้องปั่นให้จบให้ได้ก่อน 

 

เราชอบพลอตแนวๆ fake boyfriend มากค่ะ แต่เพิ่งมาได้มีโอกาสเขียน ไม่รู้ทำไม พลอตในหัวเราที่มีให้วิคยูนี่มีแต่เฟคบอยเฟรนด์ ฮาาาา หวังว่าจะอ่านแล้วเพลิดเพลินนะคะ

 

ตอนใหม่จะมาเมื่อพลังติ่งดลใจค่ะ

 

 

 

ทิพย์เอง

 

 

ปอลอ ประกาศอีกนะคะ

 

 -ตอนนี้เราเปิด Instagram ไว้อัพรูป+อัพเดทเวลาอัพบล็อกแล้วนะคะ ไอดีเหมือนทวิตเลยค่ะ -> tippuri

 -และตอนนี้ก็เปิดให้สั่งซื้อฟิครอบไปรฯแล้วนะคะ เดดไลน์วันวาเลนไทน์ค่ะ -> รายละเอียดฟิครอบไปรษณีย์ เดือน ก.พ.

 

ขอบคุณมากค่าาาาา ❤

7 responses to “[Yuri!!! On Ice Fic][VictorYuuri] Looking Across the Universe, Searching for Neptune (2)

  1. คุณวิคหล่อนุ่มอบอุ่นเหลือเกินค่ะ ฮืออออออออออ
    เอ็นดูยูริตอนเขินๆลนๆล่กๆจังค่ะ
    นึกหน้าออกเป็นฉากๆเลยล่ะ
    แต่คุณวิคยังดูมีลับลมคมในบางอย่าง จะเซอร์ไพรซ์อะไรเราอีกคะคุณวิคเตอร์ 😂
    ชอบครอบครัวยูริมากๆด้วยค่ะ อบอุ่นน่ารัก

    แอบเห็นน้องกวงโผล่มาด้วยค่ะ ♡ จะใช่มั้ยนะ~ 555555

    Like

  2. รออ่านอยู่เลยค่ะ ตามอ่านมาจากคู่พิชิต สนุกมากเลย ทำเอามุมตอนเข้าสตาร์บัคเปลี่ยนไปเลย5555

    Like

  3. มันช่างน่ารักเหลือเกินค่ะ งือออออออ กอดน้วยทุกคน

    Like

  4. ปกติไม่ค่อยกล้าอ่านแนวนี้เท่าไหร่(ที่เป็นแฟนปลอมๆ)เพราะไม่ชอบเวลาดราม่า แต่เรื่องนี้มัน….ฮือๆ น่ารักอ้ะ เหมือนจีบกันตอนเป็นแฟนแล้ว???

    ตอนที่ยูริเครียดนี่อยากจะร้องไห้แทน วิคเตอร์เหมือนเป็นเทวดามาช่วยกู้วิกฤตเลย แถมขยันเสนอตัวเป็นคู่หมั้นด้วย จะจีบก็บอกมาค่าาาา

    Like

  5. น…..น่ารักจังเลยค่าาาาาา แม้จะเป็นแฟนปลอม แต่ดูเหมือนวิคจะเต็มใจซะเหลือเกิน นี่คิดอะไรอยู่น้าาา หรือรอโอกาสจีบอยู่แล้ว?! แงงงง น่ารักอ่ะค่ะ ฮืออออ

    แล้วจะรอติดตามอ่านต่อนะคะ ><

    Like

  6. ว้ากกกพี่ทิพยยยย์ น้องเขิน5555555555555555 รู้สึกหน้าร้อนเหมือนเข้าไปสิงยูริ

    นี่เขาให้มาเป็นแฟนปลอมๆป่ะคะ ทำไมเกมือนมาดูตัวกันแง้ /////-\\\\\
    จะจีบน้องเขาก็บอกไปค่ะพรู้ฟ ด้อนบีชาย (วิคบอกกุไม่ชายอยู่แล้ว แต่หมูแถวนี้ร้อนจนจะสุกเป็นหมูทอด)

    Like

Leave a reply to ai-cream sakura Cancel reply