Type: AU fanfiction
* แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *
— VII —
feroce
fierce
*
ถึงครั้งแรกกับครั้งที่สองนี้จะมีเวลาเกือบครึ่งปีคั่นกลาง แต่การที่มีอีริค เลนเชอร์เข้ามาแชร์อพาร์ตเมนต์ด้วยกลับไม่ได้ให้ความรู้สึกแปลกไปจากเดิมสักเท่าไหร่เลยสำหรับเจ้าของห้องอย่างชาร์ลส์ เซเวียร์
พวกเขาตกลงกันคร่าวๆ ไว้ว่าในเมื่อครั้งนี้ การมาอาศัยอยู่ด้วยไม่ได้กินเวลาแค่ไม่กี่วันอย่างครั้งแรกแล้ว ก็เป็นเรื่องถูกต้องที่อีริคจะหารค่าเช่ากับค่าน้ำค่าไฟครึ่งหนึ่งกับชาร์ลส์ แต่นอกเหนือไปจากนั้น พวกเขาก็แทบไม่ได้คุยอะไรอื่นกันเท่าไหร่เลย…อีริคมีคิวต้องซ้อมตั้งแต่เช้ายันเย็นทั้งกับวงดนตรีและวงคอรัส ส่วนชาร์ลส์เองก็ต้องตามตรวจรายงานและร่างข้อสอบของนักศึกษาทุกคนที่ตนดูแลอยู่ ทำให้เวลาเดียวที่ได้พบหน้ากันของพวกเขามีแค่ตอนเวลาอาหารเช้าเท่านั้น
ซึ่งนี่เองที่เป็นปัญหาแรกที่ชาร์ลส์ค้นพบหลังจากสี่วันแรกที่ได้มีเพื่อนร่วมห้องอีกครั้ง…ในครัวของเขาเต็มไปด้วยอาหารที่ทำเสร็จแล้วและของสด
ฟังผิวเผินก็ชวนให้สงสัยว่าชาร์ลส์จะบ่นไปทำไม…แต่ประเด็นก็คืออาหารและของสดเหล่านี้ล้วนมาจากการซื้อหาของอีริคทั้งสิ้น หากเจ้าตัวก็ซื้อเข้ามาในปริมาณสองคนกินพร้อมทำอาหารเผื่อเขาด้วยเสมอ ชาร์ลส์รอให้อีกฝ่ายบอกเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ขึ้นมา หากก็ไม่มีวี่แววเลยสักที…จนเขาหมดความอดทนลงในวันอาทิตย์แรกของการอยู่ด้วยกัน
“อีริค” เขาวางส้อมลงบนจานให้เสียงดังกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อเรียกความสนใจจากอีกฝ่าย “นายรู้ใช่ไหมว่านี่มันไม่โอเค?”
คุณคอนดักเตอร์เงยหน้าขึ้นมาจากจานอาหารเย็น มองชาร์ลส์เหมือนเขากลายร่างเป็นหัวมันฝรั่ง ก่อนจะถามหน้านิ่ง “ราวิโอลีของฉันมันไม่ดียังไงเหรอเซเวียร์?”
“ไม่ใช่” ชาร์ลส์เม้มปากเพื่อกันไม่ให้ตัวเองหลุดหัวเราะ “ฉันหมายถึงที่นายเอาแต่ซื้ออาหารเข้ามาเลี้ยงฉันนี่ต่างหากล่ะ”
“ถ้านายคิดจะซื้ออาหารกล่องมาเลี้ยงฉันสลับกันบ้าง…บอกเลยนะว่าไม่ต้อง” อีริคหรี่ตาอย่างเตรียมป้องกันตัว
“อาหารกล่องไม่ดียังไงหา?” ชาร์ลส์ปกป้องสิ่งที่ช่วยชีวิตตนไว้หลายต่อหลายปีในนิวยอร์กทันควัน ก่อนจะค่อยๆ พูดเสียงอ่อน “ฉันแค่…เอาเถอะ อย่างน้อยๆ ถ้านายจะซื้อของสดเข้ามาทำอาหาร ก็ต้องให้ฉันหารด้วย โอเคมั้ย?”
ปัญหานี้จบลงได้ด้วยการวางระบบกระเป๋าเงินกองกลางที่จะมีทั้งเงินของชาร์ลส์กับอีริครวมกันเพื่อให้คุณวาทยกรไปซื้อของสดได้ตามใจเจ้าตัว ซึ่งถึงจะมีเสียงบ่นจากอีกฝ่ายอยู่บ้างว่ายุ่งยากไม่เข้าเรื่อง…แต่สุดท้าย อีริคก็ยอมทำตามระบบนี้ของชาร์ลส์โดยดี
นี่คือเรื่องแรกในการอยู่ร่วมกันที่ได้รับการจัดการ…และชาร์ลส์ก็สังหรณ์ได้อย่างแม่นยำว่าจะไม่ใช่เรื่องสุดท้ายด้วย
**
อีริคเคยคิดมาตลอดว่าอเมริกาคงเป็นประเทศที่ยากในการปรับตัวให้อาศัยอยู่ได้ แต่เขาก็ได้พบว่าตัวเองคิดผิดในทุกๆ ครั้งที่แวะเวียนมาที่นิวยอร์ก…จริงอยู่ที่ว่ามันอาจจะวุ่นวายและมีจังหวะอันรวดเร็วกว่าในเวียนนา แต่อีริคกลับรู้สึกว่าตนถูกชะตากับวิถีชีวิตในเมืองอันไม่เคยหลับใหลแห่งนี้มากกว่าที่คาดไว้เยอะ
หากในด้านการอยู่ร่วมกันกับรูมเมทแล้ว…เขายังไม่ค่อยรู้วิธีรับมือกับเรื่องนี้เท่าไหร่เลย…
ในทริปหกวันครั้งแรกนั้น อีริคไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายในการตามเก็บถ้วยชาหรือจานเบเกอรี่ที่ชาร์ลส์ชอบลืมไว้ตามมุมโน้นมุมนี้…แต่ในช่วงที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามาเช่นเดียวกับเวลาของการทำงานส่งท้ายเทอมเช่นนี้ ปริมาณถ้วยและจานดูจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ…ชาร์ลส์ดูจะไม่ได้เฉลียวใจเลยสักนิดว่าภาชนะพวกนี้ได้มีการถูกล้าง เจ้าตัวดูจะแค่ใช้มันแล้วก็วางแปะตรงโน้นตรงนี้ตามใจตัวเอง ก่อนหยิบถ้วยสะอาดจากตะแกรงผึ่งมาใช้ต่อไปอีก การกระทำที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ตามประสาคนไม่ได้เก็บล้างเอง
และการที่อีริคได้ค้นพบว่าอีกฝ่ายมีถ้วยเซรามิกมากพอจะใส่ในหนึ่งตู้เต็มๆ ก็ไม่ช่วยให้อารมณ์หัวเสียของเขาดีขึ้นเลย
นั่นจึงทำให้ตอนเย็นของวันที่เขาหมดความอดทนนั้น…อีริคเลือกที่จะไม่ล้างถ้วยสักใบ แต่เอาพวกมันมาวางไว้จนเต็มโต๊ะกินข้าว เพิ่มเติมด้วยอีกสองสามใบที่เขาหาพบในห้องทำงาน แล้วจากนั้น…ชายหนุ่มก็นั่งทวนโน้ตเพลงรอมันตรงนั้นจนกระทั่งเจ้าของห้องกลับมา
“เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ได้ โอเคมั้ยชาร์ลส์?”
นี่คือประโยคที่อีริคพูดตอบเมื่อชายหนุ่มผมดำกลับมาถึงอพาร์ตเมนต์แล้วถามอย่างงงงันว่านี่มันเรื่องอะไรกัน…ซึ่งเรียวปากสีเรื่อของอีกฝ่ายก็ถูกเม้มเป็นเส้นตรงกับถ้อยคำและน้ำเสียงของเขา ก่อนที่จะพูดเสียงค่อยหากก็กร้าวนิดๆ ว่าตนเข้าใจว่าอีริคไม่พอใจ หากก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องมาหาเรื่องกันแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องหัดจำให้ได้ซะบ้างสิว่าวางถ้วยทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้” เขาตวัดเสียง “ฉันรู้ว่านี่มันอพาร์ตเมนต์นาย…แต่ให้ตายเถอะ จะต้องให้ฉันมาคอยตามล้างถ้วยทุกใบให้นายทุกครั้งเลยหรือไง??”
“ในเมื่อนายรู้ว่านี่มันอพาร์ตเมนต์ฉัน นายก็น่าจะรู้ด้วยนะว่าฉันจะทำอะไรก็ได้” ชาร์ลส์เองก็ดูจะโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว “ไม่อยากล้างก็ไม่ต้องล้างสิ…จะมาหงุดหงิดใส่ฉันทำไม??”
“ฉันไม่ได้หงุดหงิด” อีริคขึ้นเสียงสวนแบบที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่จริงเลยสักนิด “ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องง่ายๆ แค่นี้นายถึงทำไม่ได้”
ไม่มีการโต้ตอบใด แต่ชาร์ลส์ก็ยังคงขมวดคิ้วพร้อมเม้มปากแน่น…และแว่บนึงนั้น อีริคก็มั่นใจขึ้นมาจางๆ ว่าตนคงต้องได้ย้ายไปนอนโรงแรมจนกระทั่งวันปีใหม่แน่นอน แต่สุดท้าย…สิ่งที่เสียงนุ่มนวลที่ตอนนี้แทรกกระแสเย็นชานิดๆ ไว้ก็กลับไม่ใช่คำไล่ใด ไม่ใช่แม้แต่คำทะเลาะโต้ตอบด้วยซ้ำ
“อีริค…นายไม่สบายใจอะไรมาจากที่ซ้อมวันนี้หรือเปล่า?”
เขาไม่ได้ตั้งตัวว่าจะได้พบกับคำถามนี้…คำถามที่ผิดที่ผิดทางหากกระทบได้ตรงจุดเสียจนอีริคลืมความหงุดหงิดเรื่องถ้วยชาไปแทบไม่เหลือ และความประหลาดใจของเขาก็คงสะท้อนชัดในแววตา…เพราะชาร์ลส์แค่ถอนหายใจ สีหน้าอ่อนลงพร้อมกับเดินมาใกล้ ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เขาแทนจะเป็นอีกฟากโต๊ะอาหารอย่างทุกที
“ต่อไปฉันจะพยายามไม่ลืมล้างถ้วยนะ โอเคมั้ย?” เสียงนุ่มนวลพูดเบาๆ “อาจจะทำได้ไม่เป๊ะเท่านายหรอก…แต่ฉันจะพยายาม ฉันสัญญาเลย”
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นดูจะกลับกลายเป็นน้ำเงินสดใสใต้แสงสลัวแบบนี้…มันหลุบลงเล็กน้อย ก่อนจะช้อนขึ้นมาสบตากับเขา…จับจ้องเที่ยงตรง สงบนิ่งเหมือนน้ำเสียง “แล้ว…ถ้านายไม่สบายใจอะไรจากที่ซ้อมมา ก็เล่าได้นะ…ถ้านายอยากเล่าน่ะ”
อีริคถอนหายใจเฮือกใหญ่…การกระทำที่เขาไม่ค่อยชอบทำต่อหน้าใครนัก เพราะมันให้ความรู้สึกของการเปิดเผยความอ่อนแอเหนื่อยล้าของตัวเองให้ผู้อื่นได้เห็น แต่ก็แปลกดีเหมือนกันที่ชาร์ลส์ เซเวียร์ไม่ได้ทำให้รู้สึกเช่นนั้นเลย
เขาควรจะตอบไปแค่ว่าไม่มีอะไร ควรจะตอบไปแค่ว่าทุกอย่างโอเคดี…แต่อีริคกลับพบว่าสิ่งที่ตนเปล่งเสียงพูดออกไปนั้นคือการบอกเล่าถึงความรู้สึกกดดันจางๆ หากหนักหนานักในใจ การต้องทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับผู้คนและระบบจัดการในประเทศใหม่นี้เป็นอะไรที่เรียกได้ว่าต้องเริ่มต้นขึ้นมาจากศูนย์ ทำให้ต่อให้มีเวลาอีกมากกว่าจะถึงวันแสดง…ความเคร่งเครียดก็ทำให้อีริครู้สึกสบายใจไม่ได้เลย
“แล้วนายก็รู้นี่…มันก็จะมีเรื่องมุมมองของคนอีก” เขาพึมพำ กลอกตานิดๆ อย่างเบื่อหน่ายตอนคิดถึงเรื่องนี้ “ฉันเป็นคอนดักเตอร์ก็จริง…แต่ก็มีนักดนตรีและนักร้องคอรัสหลายคนเลยที่อายุมากกว่าฉัน มีประสบการณ์มากกว่าฉัน แล้วมันก็เริ่มมีบ้างแล้วล่ะ…พวกที่ไม่ยอมฟังฉันเพราะมองว่าฉันไม่รู้เรื่องเท่าเขา แล้วที่แย่ก็คือ…บางทีฉันก็ไม่รู้เรื่องเท่าเขาจริงๆ นั่นแหละ”
ชาร์ลส์ที่นิ่งฟังมาตลอดพูดขึ้นบ้างหลังจากที่อีริคไม่กล่าวอะไรต่ออีก
“ฉันเข้าใจนะ…นายอยากให้การแสดงครั้งนี้ออกมาดีที่สุด แล้วตอนนี้มันก็มีหลายๆ อย่างมาทำให้นายไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้ดี” เสียงนั้นนุ่มนวลและปลอบประโลมจางๆ “แต่ฉันคิดว่านายมาเครียดตอนนี้ไปมันก็ไม่มีประโยชน์นะ…ฉันอาจจะไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับวงออเคสตร้ามาก แต่ฉันคิดว่าที่เขาเผื่อเวลาซ้อมไว้เป็นเดือนๆ น่ะมันไม่ใช่แค่เพื่อให้ทุกคนเล่นเพลงเป็นหรอก มันคือเวลาให้นายได้ใช้เรียนรู้แล้วก็หาวิธีสื่อสารกับแต่ละคนในวงด้วย แล้วนี่นายก็เพิ่งมาเจอพวกเขาไม่ถึงสองอาทิตย์เลยนะ…ให้เวลากับมันหน่อยสิ อย่าเพิ่งเครียดไป”
ริมฝีปากสีเรื่อยิ้มละไม ตบๆ บ่าอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ
“ฉันมั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ใครๆ ก็รู้จักนายในฐานะคอนดักเตอร์ที่เก่งมากนะอีริค” ประโยคหลังติดตลกนิดๆ เพื่อไล่บรรยากาศหนักๆ ไปเสีย “นายผ่านยุโรปทั้งทวีปมาแล้ว…นี่แค่นิวยอร์กเอง ทำไมนายจะทำไม่ได้ล่ะจริงไหม?”
อีริคหัวเราะออกมา…อาจจะฟังดูล้าๆ ปนอ่อนใจ แต่ก็เป็นเสียงหัวเราะอยู่ดี ซึ่งชาร์ลส์ก็ยิ้มตาม ก่อนจะพูดย้ำอีกครั้งว่าตนจะตั้งใจปรับปรุงนิสัยลืมถ้วยชานี่ให้ดีที่สุด
“แล้วเดี๋ยวพวกนี้ทั้งหมด ฉันจะล้างเอง โอเคมั้ย?” ชายหนุ่มผมดำพยักเพยิดไปที่ถ้วยทุกใบบนโต๊ะอาหาร “นายไปทำอย่างอื่นได้เลย”
คำไล่ไม่มีผล เพราะสุดท้าย…อีริคก็ยืนรออยู่ข้างอ่างล้างจานเพื่อทำหน้าที่เป็นคนล้างถ้วยซ้ำด้วยน้ำสะอาดแล้ววางพวกมันลงบนตะแกรงผึ่งอยู่ดี การกระทำที่ชาร์ลส์หัวเราะเยาะไม่จริงจังใส่พร้อมกล่าวหาว่าเขาทำไปแค่เพื่อคอยจับผิดมากกว่าว่าเจ้าตัวล้างถ้วยสะอาดไหม
แน่นอนว่าอีริคไม่ได้แก้ไขให้ชาร์ลส์เข้าใจถูกต้องว่าตนยืนตรงนั้นก็แค่เพราะห้องครัวแคบๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายเป็นบรรยากาศที่ทำให้สบายใจขึ้นได้อย่างน่าประหลาด
tbc.
*******************************
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะทุกคนนนน
เมื่อวานเราเพิ่งได้ไปดู split มาค่ะ ดูไปแล้วก็คิดในใจว่า ฮือ ทำไมชั้นถึงรักเจมส์ แมคอาวอยมากขนาดนี้ ไม่รู้ค่ะ มันคิดถึงไปหมดเลย ขนาดพี่แกมาแบบโกนผมแถมมีปัญหาทางจิต เรายังสติแตกเหมือนเดิมเลยค่ะ เลยมาลองนึกๆดู…เราชอบพี่เขามาตั้งแต่ penelope จนถึงตอนนี้ มันนานแบบโฮรววววว ไม่อยากเชื่อเลย
แล้วก็คงเพราะได้เห็นหน้าเขาชัดๆจนจอใหญ่ๆด้วยล่ะมั้งคะ เลยแบบ ฮือ คิดถึงนะ คิดถึงมาก
//กลับบ้านเปิดหนังพี่เจมส์ต่อ
และเนื่องจากฉลองวันวาเลนไทน์ เราได้ทำ mix album ให้ฟิคเรื่องนี้ค่ะ เป็นเพลงที่เราคิดว่าชาร์ลส์จะเปิดตอนทำงานค่ะ ตอนเขียนฟิคเรื่องนี้เราก็เปิดเพลงพวกนี้สลับกับเพลงคลาสสิคที่ให้อีริคคอนดักต์ค่ะ ฮี่ๆ ใครสนใจฟังก็ตามนี้เลยนะคะ-> Charles’s Jazz
แล้วก็ เราเข้าใจว่าหลายๆคนชอบอ่านฟิคแบบรวดเดียวนะคะ(เราเองก็ชอบ) แต่สำหรับเรื่องนี้ ถ้าถามเรา เราคิดว่าควรอ่านตามการอัพมากกว่าค่ะ เพราะเราอยากเน้นเรื่องวันเวลาที่เขาห่างกันแต่ก็ยังคิดถึงกัน เลยคิดว่าการเว้นช่วงอ่านมันจะทำให้ได้ความรู้สึกนั้นมากที่สุดค่ะ หุหิ
ขอขอบคุณสำหรับการซัพพอร์ตที่มีให้เรามาตลอดนะคะ ❤
ทิพย์เอง
อีริค กล้าหาญไปแล้ว 5555555555 เป็นเราคงไม่กล้าทำแบบนี้แน่ จริงอย่างที่ว่านะคะ นานๆอัพพออ่านแล้วมันก็กระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมา(จากความแห้งเหือดในชีวิตประจำวันในวันที่ผ่านๆมา เห้อออ T v T) ตั้งตอรอตอนต่อไปค่ะ ! สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะ X)
ปล.ที่โรงหนังแถวบ้านฉาย split รอบค่ำ หาโอกาสไปดูไม่ได้สักทีเลย อยากไปดูจังเลยค่ะ
LikeLike
เรารู้สึกว่า… การจี้ตรงจุดของชาร์ลส์โดยที่เอริคไม่ได้บอกมันช่วยกะเทาะหลายๆ อย่างในใจของเจ้าตัวมากเลยค่ะ และนั่นทำให้ชาร์ลส์เริ่มกลายเป็นคนเอริคที่สบายใจที่จะอยู่ใกล้ๆ ดูอย่างตอนล้างจานนั่นสิ งื่อ /// – ///
อมยิ้มเลยตอนต่างคนต่างปกป้องอาหารของตัวเอง และขำมากตอนชาร์ลส์ยั๊วะแทนอาหารกล่องสุดที่รัก 555 อะไรเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มันน่ารักมาก เป็นรายละเอียดในการอยู่ร่วมกันที่เรารู้สึกว่าน่าสนใจ และชอบอีกอย่างตรงมันเพิ่งมาเริ่มเป็นปัญหาตอนต้องอยู่ด้วยกันระยะยาว ค่อยๆ ซิกแซ็ก ขยับจิ๊กซอให้ลงล็อกกันนะหนุ่มๆ ❤
ละมุนมาก เรียบเรื่อย สบายใจ ยังยืนยันคำเดิม และ คิดถึงจังค่ะ ขอบคุณสำหรับตอนนี้นะคะ
LikeLike
ปล. ไปดู split มาแล้วเหมือนกัน ชอบมากเลยค่ะ เรื่องนี้เจมส์แสดงดีมากจริงๆ นะคะเราว่า TvT ประทับใจ
LikeLike
การใช้ชีวิตร่วมกันมักมีปัญหาเล็กน้อยจุกจิกแบบนี้ล่ะค่ะ แต่ยังคงความละมุนละไมไว้เหมือนเดิม คืออ่านแล้วฮีลลิ่งมากเลยค่ะ ฮืออออออ
ชอบที่ทั้งสองคนเริ่มดูจะสนิทกันมากขึ้น วางใจกันมากขึ้นนะคะ ดูทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยิ่งแบบตอนที่ชาร์ลส์ถามด้วยความเป็นห่วงนั่นแบบเหมือนค่อยๆ ทำให้อีริคเปิดใจขึ้นเรื่อยๆ คือ แบบ โอ้ยย อ่านแล้วยิ้ม มีความสุขมากๆ เลยค่ะ > <
แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะคะ 🙂
ปล. สุขสันต์วันวาเลนไทน์ย้อนหลังนะคะ
LikeLike
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ย้อนหลังนะคะ ❤
ชอบรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของการอยู่ร่วมกันแบบนี้จังเลย
มีทะเลาะกันบ้าง ปรับความเข้าใจ ปรับตัวเข้าหากัน
แถมยังได้รู้จักอีกฝ่ายมากขึ้น วางใจกันมากขึ้นอีก #ฮืออ
มันทำให้รู้สึกอินยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ เพราะมันดูเรียลมากๆๆ
เป็นฟิคที่อ่านแล้วลื่นไหล ค่อยเป็นค่อยไปที่ชอบมากๆเลย
เป็นกำลังใจให้เช่นเคยนะคะ <33
ปล. ดู split แล้วเหมือนกันค่ะ เจมส์แสดงเก่งมากเลยโฮรวว
LikeLike
แงงงง ชอบตอนนี้มากค่ะ บรรยากาศแบบจิกกัดกันเล็กๆแต่ก็รักและเป็นห่วงกันแบบนี้มันอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก
เราชอบที่ชาร์ลส์ใจเย็นแบบนี้น่ะค่ะ เหมือนเขามองออกว่าอีริคคงวุ่นวายอะไรสักอย่างข้างในอยู่ คือมันเข้ากันพอดีกับอีริค
งงไหมคะ แบบ อีริคเขาหงุดหงิดงุ่นง่าน แต่ชาร์ลส์ก็ดูออก เป็นคนเดียวในโลกที่รู้ใจอีริค ฮือออออ He knows everything.
อยากเกิดเป็นถ้วยชามากค่าาา T__T
ขอบคุณที่เขียนฟิคน่ารักๆมาให้อ่านอีกเช่นเคยนะคะทิพย์
LikeLike
พี่ทิพย์อุ่นอีกแล้ว ฮรืออออออออ ดีงามมากๆค่ะ ที่เว้นช่วงอัพก้ตอบโจทย์มากเลย มันได้ฟิลเดียวกับทั้งคู่ในเรื่องจิงๆด้วย เปนเรื่องที่อ่านกี่ตอนก้มีความสุขมากค่ะ ชอบความslow buildนี้มากๆ เปนกลจให้ค่า ♥️
ปล. ยังไม่ได้ดูSplitเลยค่ะ ติดสอบอยุ ไม่รุจะออกโรงก่อนป่าว T T
LikeLike
>< ผ่านไปนานเพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ 555 //ชั้นไปอยู่ไหนมา …คุณอีริคตอนนี้จัดได้ว่าร้ายกาจ แต่ก็แอบเหวอนิดๆกับปฏิกิริยาตอบกลับจากชาร์ลส์ กรั่กๆ คุณเจ้าของห้องน่ารักใช่มั้ยล่าาาา ฮรี้~ รอตอนต่อนะคะ ที่เว้นช่วงไปนี่ทำเอาคิดถึงเรื่องนี้มากๆ
LikeLike
Pingback: [XMFC Fic][ErikCharles] Adagio Sostenuto (8) | (Note: I was possessed when I wrote this)·
ตอนใหม่มาน้องเพิ่งได้ใานั่งอ่านตอนเก่าจริงๆจังๆค่ะ แง่งงงอ
ชาร์ลส์ของพี่ทิพย์มักจะละมุนเสมอ ความคุณแม่ ความอบอุ่น ความสบายนี้ ฮื่ออ หนูอยากกอดเขา //////TvT
อ่านตอนที่เถียงกันแล้วรู้สึกว่าชาร์ลส์เป็นเหมือนชานมอุ่นๆเลยค่ะ มีความอุ่นๆนิดแต่พอจิบแล้วทำให้รู้สึกเย็นสบาย /เปรียบเทียบอะไรวะเนี่ย วกเข้าของกิน555555
LikeLike
เหมือนคู่รักแต่งงานหยอกล้อกันเลยค่ะ โอ๊ยฟฟฟฟฟฟฟฟ
LikeLike
โอยยยยยยยยยยยยยยยย
มันเป็น married couple มากเลยค่ะะะ
นี่มันคู่แต่งงานใหม่เพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกันชัดชัดดดดดด//วิ่งไปตะโกนกรีดร้องบนหน้าผาาาา
ฮรอลลลล หยอกกันน่ารักมากเลยค่ะ
ฉากที่ชาร์ลทักจึ๊กแทงใจอีริคนี่แบบบ โอวววว พลังแห่งโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์ปะล่าาาา
ฮรอลลล ชอบที่ชาร์ลทำให้อีริคผ่อนคลายได้
น่ารักมากๆเลยค่ะะะ
LikeLike
Pingback: [XMFC Fic][ErikCharles] Adagio Sostenuto (9) | (Note: I was possessed when I wrote this)·
แงว ชอบความใจเย็น ละมุน และใส่ใจของชาร์ลส์จังค่ะฮืออ ;////;
เป็นใครจะไปนึกว่าชาร์ลส์ไม่ชวนทะเลาะแต่ดันจับจุดได้ซะงั้น ชอบความยอมลงและไกล่เกลี่ยอย่างอ่อนโยนของชาร์ลส์จังค่ะ ให้ฟีลโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์ของทุกคนมากๆ ดูเป็นผู้ใหญ่อบอุ่นใจดี ซึ่งพออยู่กับอีริคก็จะมีหลุดมุมเด็กๆออกมา เช่นหัวเสียบ้าง ซึ่งชาร์ลส์ไม่ค่อยเปิดเผยมุมนี้กับคนอื่นหรอกฟฟฟ
ฮาความมั่นหน้าของอีริคมาก ราวิโอลีของฉันมันไม่ดียังไง เหมือนเห็นความหมายแฝงว่ามันไม่มีทางไม่ดีเพราะฉันเป็นคนทำ เข้าใจนะ? เลยค่ะ555555
LikeLike
โอ๊ยยยนึกว่าชาร์ลส์จะสวนกลับด้วยอารมณ์ร้อนเหมือนกัน แต่ตรงกันข้ามเลยค่ะฮือออ พูดไปแบบนั้นทำให้คนหงุดหงิดเย็นลงและสุขใจเมื่อได้ปลดปล่อยเรื่องราวเครียดๆออกมา แถมยังสุขใจกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะน่ารักๆอีกด้วย♡
ว่าแต่อีริคนี่ก็พ่อบ้านใจกล้าจังเลยนะคะ อิอิ
LikeLike
น่อววววตอนนีแอบมีความกุกกิ้กนะคะ
LikeLike
Pingback: [XMFC Fic][ErikCharles] Adagio Sostenuto (11) | (Note: I was possessed when I wrote this)·
ปัญหาเล็กในชีวิตของคนสองคนที่อยู่ร่วมกัน ทำให้บรรยากาศของทั้งคู่ดูใกล้ชิดกันมากขึ้นเลยค่ะ
ตอนนี้แฝงความหวานนิดๆนะคะ ในความคิดเรา การที่ชาร์ลยืนล้างถ้วยและอีริคเลือกมายืนข้างๆเพราะเสียงหัวเราะชาร์ลเราว่ามันหวานและอบอุ่นมากๆเลยค่ะ
เราชอบจัง การที่สองคนคุยกันแม้จะมีอารมณ์เสียบ้าง แต่จัดการได้เร็วมาก ชอบตรงที่ชาร์ลตีถูกจุดได้ สมเป็น ศจ. จริงๆ แสดงว่าจัดการกับ นร.มาเยอะ 555
LikeLike