[XMFC Fic][ErikCharles] Adagio Sostenuto (10)

 
 
 
Adagio Sostenuto
X-Men: First Class Fanfiction by Tippuri~ii* 
 

 

    
 

 
 
Pairing:  Erik Lehnsherr x Charles Xavier
Fandom: X-Men First Class
 
 
 
 
 
 
 
 

Type: AU fanfiction

 
 
 
 
 

 * แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

 

 

 **********************************
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
************************************
 
 

 

 

— X —

 

affettuoso

tenderly

  

 

              

 

 

ไม่มีความจำเป็นที่ชาร์ลส์จะต้องซื้ออุปกรณ์ตกแต่งต้นคริสต์มาสใหม่ในเมื่อเขาสามารถใช้ของเดิมที่มีได้ทั้งชุด ยกเว้นก็แต่บางชิ้นที่สีซีดหรือแตกหัก…แต่เพราะรวมๆ แล้วไม่มีชิ้นใดที่เขาคิดว่าควรเปลี่ยน ชายหนุ่มจึงลงมือเริ่มต้นประดับต้นคริสต์มาสในช่วงหนึ่งอาทิตย์ก่อนวันเทศกาลอย่างไม่รีบร้อนอะไร

 

 

 

 

ผิดคาด…คนที่มีความสามารถในการทำงานที่ต้องใช้ความอดทนกลับเป็นคุณคอนดักเตอร์หน้าดุแทนศาสตราจารย์ผู้ใจดีอย่างเขา สายรุ้งหรือริบบิ้นหลายม้วนที่ชาร์ลส์คิดจะโยนทิ้งเพราะพันกันจนแก้แล้วปวดหัวกลับได้รับการช่วยชีวิตจากอีริคไว้แทบทุกเส้น…ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อคอเต่าตัวเก่งนั่งขัดสมาธิบนพื้นข้างๆ โคนต้นคริสต์มาส มีสีหน้าหงุดหงิดคร่ำเคร่งก็จริง แต่ก็แก้ปมจนสำเร็จได้เกือบทั้งหมด และยังช่วยใช้ส่วนสูงของตัวเองให้เป็นประโยชน์ในการติดดาวตรงยอดต้นไม้ด้วย

 

 

 

 

“แล้ว…” ชาร์ลส์เว้นช่วงไปเล็กน้อยเพราะกำลังมองหาจุดที่ยังมีรอยนิ้วมือติดบนตุ๊กตานางฟ้าสำหรับแขวนประดับ “…บัตรคอนเสิร์ตขายดีมั้ย?”

 

 

 

 

“ก็เรื่อยๆ” เสียงทุ้มตอบสั้นๆ และไม่ค่อยจะตรงกับความจริงเท่าไหร่…เพราะตามประสาวงดนตรีคลาสสิคระดับหัวแถวของนิวยอร์กแถมเป็นคอนเสิร์ตช่วงงานเทศกาล บัตรเข้าชมการแสดงในทุกระดับราคาต่างก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สิ่งที่ก็แอบสร้างแรงกดดันไม่น้อยให้อีริคอยู่เหมือนกัน…แต่เขาก็บอกให้ตัวเองมั่นใจเสมอว่าการซ้อมที่ผ่านๆ มาควรทำให้วางใจได้แล้ว

 

 

 

 

ซึ่งชาร์ลส์เองก็คงพอรู้ว่าสถานะการขายบัตรจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร ชายหนุ่มผมดำจึงหัวเราะอย่างอ่อนใจปนเอ็นดูพร้อมส่ายหน้า พูดเย้าๆ “ที่นั่งคงเต็มไปถึงวันสุดท้ายแล้วสิท่า?”

 

 

 

 

“ยังหรอก” อีริคตอบ “แต่วันแรกน่าจะเต็มแล้วล่ะ ฉันก็ไม่ได้ตามข่าวพวกนี้เลยไม่รู้หมือนกัน”

 

 

 

 

“เหรอ…เสียดายแฮะ…” ชาร์ลส์มีสีหน้าครุ่นคิดแบบจริงจังแล้ว “ทีแรกฉันว่าจะซื้ออยู่นะ แต่มีนั่นมีนี่เข้ามาจนลืมไปเลย”

 

 

 

 

อีริคมองอีกฝ่ายที่ยักไหล่กับตัวเองเป็นเชิงบอกว่าช่วยไม่ได้นี่นะ แล้วก็แค่ส่งเสียงฮึมฮัมตอบรับไปเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

**

 

 

 

ถึงจะแชร์อพาร์ตเมนต์และช่วยกันตกแต่งต้นคริสต์มาส…แต่อีริคกับชาร์ลส์ต่างก็มีนัดของตัวเองในการเฉลิมฉลองเทศกาล

 

 

 

 

เป็นเรื่องที่คาดหวังได้จากวงออเคสตร้าอันดับต้นๆ ของเมืองนี้…ร้านที่เหล่าผู้บริหารและคนใหญ่คนโตของนิวยอร์กฟิลฮาโมนิกเลือกให้เป็นสถานที่สำหรับดินเนอร์ในวันคริสต์มาสอีฟคือเลอ เบอร์นาแด็ง ภัตตาคารอาหารฝรั่งเศส ณ ย่านถนนซิกธ์ อเวนิว แถมยังเป็นการจองซาลอนส่วนตัวด้านบนเขตรับรองปกติเสียด้วย อีริคจึงรู้สึกขอบคุณสวรรค์เป็นอย่างยิ่งที่ตนเสิร์ชชื่อร้านในกูเกิ้ลเพื่อหาที่ตั้งของมันเสียก่อน เพราะนั่นทำให้เขาได้เห็นหน้าตาและความหรูหราของร้านจนรู้ชัดเจนว่านี่จะต้องเป็นมื้ออาหารที่ตนต้องใส่สูทเพื่อรับประทานอย่างแน่นอน

 

 

 

 

ตัวภัตตาคารจริงๆ ที่ชายหนุ่มได้ก้าวเข้าไปนั้นดูโอ่อ่ายิ่งกว่าในรูปบนเว็บไซต์เสียอีก ผนังร้านถูกกรุไว้ด้วยชิ้นไม้สีทองแดงที่จัดวางอย่างมีศิลปะ แจกันทรงสูงที่ถูกวางไว้เพื่อประดับห้องทำมาจากแก้วใสกระจ่างเช่นเดียวกับเหล่าแก้วไวน์บนโต๊ะอาหาร กิ่งกล้วยไม้ถูกจัดแซมกับใบไม้เขตร้อน…น้ำหนักของดอกไม้ขนาดใหญ่สีขาวสะอาดนั้นมากพอที่จะให้ทำให้ทั้งก้านโค้งงอลงมา บ่งบอกถึงความสดและราคาของมันเป็นอย่างดี

 

 

 

 

ถ้าเทียบกันแล้ว บทสนทนาบนโต๊ะนั้นให้รสชาติจืดชืดกว่าอาหารที่มาเสิร์ฟมากมายนัก…อีริคดีใจที่ทุกคนไม่ได้ชวนตนคุยมากมายเกินกว่าที่จำเป็น เขาใช้เวลาตลอดมื้ออาหารในการฟังถึงเรื่องเงินบริจาค รายชื่อผู้อุปถัมภ์รายใหม่ ยอดขายบัตรคอนเสิร์ต ไปจนถึงการแสดงที่คาดหวังว่าจะได้จัดในปีหน้า…ไม่ได้ออกความเห็นอะไรนอกจากตอนที่ถูกถามเท่านั้น

 

 

 

 

คริสต์มาสอีฟของชาร์ลส์ถูกใช้ไปกับเหล่าเพื่อนร่วมแผนกที่ฟลอร์ เดอ มาโย ร้านอาหารฟิวชั่นระหว่างเปรู คิวบา และจีน…ตัวร้านที่ไม่ได้ใหญ่นักทำให้ทุกคนต้องนั่งเบียดกันในคืนเทศกาลแบบนี้ หากคุณเจ้าของร้านก็ชดเชยความไม่สะดวกนี้ด้วยปริมาณอาหารที่มากมายจุใจกว่าปกติและเบียร์ฟรีเป็นระยะ ชาร์ลส์ดื่มเบียร์ที่ได้รับและสั่งเครื่องดื่มที่ชื่อจูเลียนมาเองด้วย…รสชาติหวานปนขมของเบอร์เบินกับส้มทำให้ชายหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจนเพื่อนแซว

 

 

 

 

เพราะเพื่อนร่วมแผนกของเขาหลายๆ คนมีครอบครัวให้ต้องดูแลแล้ว มื้ออาหารจึงจบลงตอนราวๆ สี่ทุ่ม…ชาร์ลส์กล่าวลาทุกคนพร้อมบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงตนเมื่อมีบางคนท้วงว่าเขาไม่ควรกลับคนเดียว ชายหนุ่มผมดำแอบขำในใจ…เพราะถึงจะหัวเราะร่วนแถมพยายามเล่นมุกวิทยาศาสตร์สไตล์เนิร์ดสุดขีดไม่หยุด แต่ลิมิตแอลกอฮอล์ของเขาก็ยังห่างไกลจากสภาพปัจจุบันมากมายนัก…และสายลมยามดึกของนิวยอร์กก็ช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะทางการเดิน

 

 

 

 

อากาศเย็นๆ ทำให้ระยะทางสามสิบสามนาทีไม่ได้เหนื่อยอย่างที่เป็นในฤดูร้อน แต่มันก็ทำให้มือของชาร์ลส์ชาเสียจนจับลูกบิดประตูห้องให้ถนัดๆ ไม่ได้สักทีจนกระทั่งคนในห้องต้องมาเปิดให้เสียเอง

 

 

 

 

“โอ…” เขากระพริบตา ไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ในหัวที่จะพูดออกไป “หวัดดี…”

 

 

 

 

อีริคอยู่ในสูทชุดเดิมกับคืนเปิดนิทรรศการของชตาทส์กัลเลอรี เพียงแต่ไทหูกระต่ายถูกแทนที่ด้วยเนคไท…ปมผ้าคลายออกเล็กน้อย สภาพไม่เรียบร้อยแบบเดียวกับเสื้อเชิ้ตที่ยับย่นกับเรือนผมที่เริ่มยุ่งนิดๆ แล้ว

 

 

 

 

“ให้ตายเถอะชาร์ลส์” เสียงทุ้มพูดอย่างเหลือจะเชื่อ กวาดตามองเขาทั้งตัว “นี่นายเดินกลับมาเหรอ??”

 

 

 

 

“ประมาณนั้น…” ชายหนุ่มผมดำก้าวเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ ถอนหายใจกับอากาศอุ่นสบาย ถามพลางถอดโค้ทของตนขึ้นแขวน “นายกลับมาเมื่อไหร่น่ะ?”

 

 

 

 

“ก่อนหน้านายสักยี่สิบนาทีได้” อีริคยักไหล่ เดาได้ว่าเจ้าตัวกำลังเล่นหมากรุกคนเดียวอยู่ตอนที่เขามาถึง…ตัดสินจากชุดหมากรุกกับตัวหมากที่ค้างอยู่กลางเกมส์บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา

 

 

 

 

ชาร์ลส์เดินไปนั่งตรงเก้าอี้นวมตัวประจำของตน พูดง่ายๆ “มาเล่นกันสักเกมส์เถอะ”

 

 

 

 

หนึ่งเกมส์ที่ตั้งใจไว้ในทีแรกแปรเปลี่ยนเป็นสองและสามและสี่…เว้นช่วงพักในบางทีตอนที่ชาร์ลส์ลุกขึ้นไปเทวิสกี้กลับมานั่งจิบ เรียกเสียงหัวเราะเหยียดๆ หากไม่จริงจังจากอีริคพร้อมคำแซะว่าที่ดื่มมาจากดินเนอร์ยังไม่พอหรือไง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อชายหนุ่มผมดำยื่นแก้วใสบรรจุเครื่องดื่มชนิดเดียวกันไปให้อยู่ดี

 

 

 

 

“เช็คเมต”

 

 

 

 

ชาร์ลส์ถอนหายใจเมื่ออีริคยื่นปลายนิ้วมาผลักควีนของตนให้ล้ม พึมพำอย่างหงุดหงิดเล็กๆ “ทำไมนายถึงชนะอีกแล้วหา?”

 

 

 

 

“อืม…” อีริคแกล้งทำท่าครุ่นคิด “เพราะฉันสนใจกับเกมส์แล้วไม่ได้ลุกไปเทวิสกี้บ่อยๆ ล่ะมั้ง???”

 

 

 

 

“ขอร้องเถอะน่า…” ชาร์ลส์กลอกตา ก่อนจะหัวเราะอย่างเหลืออด “นี่มันแก้วที่สองตั้งแต่เราเริ่มเล่นมาเองเถอะ”

 

 

 

 

อีริคส่งเสียงตอบเป็นแค่ลมหายใจฮึมฮัมเท่านั้น…ดวงตาสีเทาทอดมองไปนอกหน้าต่าง ทุกอย่างถูกโอบล้อมไว้ใต้ท้องฟ้าสีดำสนิทกับแสงไฟจากเสาริมทาง หากก็เห็นได้ชัดเจน…เกล็ดหิมะขาวสะอาดกำลังโปรยปราย

 

 

 

 

ไม่ต้องอาศัยนาฬิกาก็บอกได้ว่านี่เป็นเวลาดึกมากแล้ว

 

 

 

 

ความเงียบทิ้งตัวระหว่างกัน…ดวงตาสีเทามองแค่เพียงทิวทัศน์นอกหน้าต่างเท่านั้น ถ้อยกระซิบทุ้มนุ่มเป็นแค่เสียงแผ่วเบาในอากาศอันไม่ไหวติง

 

 

 

 

“เมอร์รีคริสต์มาส…ชาร์ลส์”

 

 

 

 

เจ้าของชื่อเบนสายตามาเพื่อมองอีกฝ่ายเล็กน้อย…เสี้ยวหน้าคมสันนั้นดูเหมือนรูปวาดมากกว่าบุคคลผู้มีเลือดเนื้อภายใต้แสงสลัวของยามเที่ยงคืนเช่นนี้ และแปลกนัก…ในวินาทีนั้น หัวใจของเขารู้สึกถึงความรู้สึกอันอธิบายไม่ได้ รสชาติอ่อนหวานที่ผสมผสานกับความเหงาอันบางเบาราวสัมผัสของปลายนิ้ว

 

 

 

 

อีริคคิดจะหันไปเมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายตอบอะไร หากชาร์ลส์ก็ขยับกลับไปจับจ้องภาพนอกหน้าต่างใหม่แล้ว

 

 

 

 

“เมอร์รีคริสต์มาส…อีริค”

 

 

 

 

ถ้อยคำสงบนิ่งอ่อนโยน ง่ายดายดั่งลมหายใจ

 

 

 

 

 

**

 

 

 

“ฉันจะพูดตรงๆ เลยก็แล้วกัน…เพราะฉันรู้ว่านายคงไม่ถือเรื่องนี้” ชาร์ลส์ประกาศตรงโต๊ะอาหารตอนเที่ยงของวันคริสต์มาส “ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่ได้มีของขวัญให้นายนะ”

 

 

 

 

อีริคมองอีกฝ่ายนิ่งๆ…ยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนตอบ ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรจากตน “โอเค?”

 

 

 

 

“นาย…นายไม่โกรธอะไรใช่ไหม…” ดวงตาสีฟ้าเข้มสุกใสนั่นมองมาอย่างกังวล ยังคงไม่ยอมแตะต้องแพนเค้กมันฝรั่งที่อีริคทอดให้ในจาน “ปกติฉันอยู่คนเดียวตลอด เลยไม่ได้ต้องเตรียมของขวัญเลย…แล้วปีนี้ฉันก็ลืมคิดไป—”

 

 

 

 

“ใจเย็นชาร์ลส์” อีริคขัดขึ้นเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายสติแตกมากไปกว่านี้ “ฉันไม่จำเป็นต้องฉลองคริสต์มาสด้วยซ้ำ…จำได้รึเปล่า?”

 

 

 

 

“อะ โอ…จริงสินะ…”

 

 

 

 

ชาร์ลส์ดูเหมือนจะเพิ่งนึกได้ แต่ก็ยังคงนั่งไตร่ตรองอะไรต่ออีกชั่วครู่โดยไม่แตะต้องอาหารของตัวเอง…ก่อนที่ดวงตาจะเป็นประกายตอนเห็นอีริคยกถ้วยชาขึ้นดื่ม

 

 

 

 

“นายเอาถ้วยนั่นไปก็ได้” ชายหนุ่มผมดำพยักเพยิดมาที่ถ้วยในมือเขา ยิ้มลังเลหากก็จริงใจ “ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ของใหม่…แต่ฉันก็เห็นนะว่านายชอบใช้มัน เพราะงั้นนายเอาไปเถอะ”

 

 

 

 

อีริคอยากจะหัวเราะกับการแก้ปัญหาอันไม่ค่อยจะสวยเลยนี้ของคนตรงหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาชอบถ้วยใบนี้…ขนาดและน้ำหนักของมันกำลังเหมาะมือพอดี จนในช่วงหลังๆ…อีริคจะเลือกหยิบถ้วยใบนี้ออกมาใช้เสมอเวลาคิดจะชงอะไรดื่ม

 

 

 

 

นั่นเลยทำให้ชายหนุ่มยักไหล่ ไม่คิดจะขัดอะไรในเมื่อเห็นได้ชัดว่าการรับของขวัญชิ้นนี้จะเป็นการช่วยเหลือสุขภาพจิตของผู้ให้ “โอเค…ขอบใจ”

 

 

 

 

ของขวัญที่ชาร์ลส์ได้รับจากเขาเป็นผ้าพันคอผืนเดิมที่อีริคสละมันให้อีกฝ่ายในวันที่หิมะตกเป็นครั้งแรกของปีนี้…เขาบอกชายหนุ่มผมดำอย่างง่ายๆ ว่ายกให้ตอนที่เจ้าตัวสวมโค้ทเพื่อจะออกไปซื้ออะไรสักอย่างในบ่ายวันนั้น

 

 

 

 

“แล้วก็นี่ด้วย”

 

 

 

 

เขาพูดอย่างง่ายๆ อีกครั้งเมื่อชาร์ลส์กลับมา…แผ่นกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกยื่นให้โดยไร้ซองบรรจุใด

 

 

 

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้ชาร์ลส์เห็นได้ไวขึ้น มันคือตั๋วเข้าชมการแสดงซิมโฟนีหมายเลขเก้าในบันไดเสียงดีไมเนอร์ของบีโธเฟนโดยวงนิวยอร์กฟิลฮาโมนิกออเคสตร้า การแสดงเริ่มต้น ณ เวลาสี่ทุ่มครึ่งของวันที่ 31 ธันวาคมและสิ้นสุดตอนเที่ยงคืนของวันที่ 1 มกราคมพอดี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

tbc.

 

********************************

note:

 

ร้าน Le Bernardin https://www.le-bernardin.com/ 

 
ร้าน Flor de Mayo http://www.flordemayo.com/ 
 
 
******************************
 
 
สวัสดีค่ะ หนีงานมาแอบอัพฟิคค่ะ ก้ากกกกก
 
 
 
ในเรื่อง ในที่สุดก็คริสต์มาสซะทีค่ะ ถึงเราจะเป็นติ่งแทรชที่รักคริสต์มาสแค่ไหน แต่ด้วยเนื้อเรื่อง เราก็รู้ค่ะว่าสองคนนี้ไม่ฉลองด้วยกันเป็นหลักแน่นอน ต่างคนต่างก็มีสังคมของตัวเอง จะมาคุยกันตอนเสร็จธุระหลักแล้วมากกว่า เพราะเหมือนเวลาคนโลกส่วนตัวสูงต้องการเวลาส่วนตัวน่ะค่ะ เพียงแต่สองคนนี้ไม่ได้อึดอัดอะไรกับกันและกัน การชาร์จแบตชีวิตนี้เลยไม่เป็นไรที่จะต้องคุยกับอีกฝ่าย
 
 
(งงมั้ยคะ……..)(บั่บ อยู่ด้วยกันก็สบายใจเหมือนตอนอยู่คนเดียวน่ะค่ะ)(นั่นแหละ ประมาณนั้นแหละ)
 
 
 
และในที่สุด ตารางเพลงที่อีริคจะแสดงก็ออกมาแบบเต็มๆซะทีค่ะ ก้ากกกก เราจะเขียนถึงรายละเอียด+ลงลิ้งค์เพลงตอนที่ฉากแสดงจริงมาถึงแล้วกันนะคะ แต่เป็นซิมโฟนีที่เพราะมากค่ะ ///// เท่มากๆ
 
 
 
ขอขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ ดีใจมากเลยที่ยังไม่ลืมชิปนี้กัน เป็นกำลังใจให้เรามากๆเลย และฟีดแบ็กเรื่องการรวมเล่มก็ช่วยเราได้มากๆเลยค่ะ 
 
 
 
 
ด้วยรักและเมอร์รี่คริสต์มาส(ตามท้องเรื่อง)นะคะ ❤
 
 
 
 
ทิพย์เอง

13 responses to “[XMFC Fic][ErikCharles] Adagio Sostenuto (10)

  1. กี๊สสสสตอนนี้ก็น่ารักเหมือนเดิมค่ะ ถึงจะออกแนวใช้ชีวิตกันไปเรื่อยๆ แต่ก็รู้สึกอุ่นๆ มากจริงๆ
    ไม่อยากให้สองคนนี้แยกจากกันเลยค่ะ พอเห็นชาร์ลส์ยกถ้วยให้แล้วใจหายแว้บเลยค่ะ
    รอติดตามนะคะว่าจะเป็นยังไงต่อไป ต่างคนต่างแยกย้ายหรือยังไงต่อ ถ้ามีรวมเล่มก็จะติดตามแน่นอนค่ะ
    ปล. วันนี้เพิ่งอ่านwhere our hearts belong อีกรอบไป รู้สึกอยากจะสครีมเชริคอีกแล้วค่ะ55555555

    Like

  2. โอ้ยยยยยยย~อ่านแล้วชื่นใจจจจ อบอุ่นนชอบต่างคนต่างมีสังคมของตัวเอง แต่reactเขาก้ค่อยเพิ่มทีละนิดๆ อ่านจบใจสงบขึ้นมากเลย55555

    ติดตามตอนต่อๆไปค่ะ ฮือออออออ เราชอบมากกก

    Like

  3. น่ารักมากเลยค่ะ ตอนที่บอกเมอร์รี่คริสมาสต์กันนี่มันน่าเอ็นดูเสียจริง5555

    Like

  4. กรี๊สสสสส พี่อัพตอนใหม่แล้ววว *ตื่นเต้ลๆ*
    โอ๊ย แงง น่ารักกันจังค่ะ ////// ถึงที่ยืนของตัวเองจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่สุดท้ายที่พักพิงทางใจก็กลับมาอยู่ด้วยกันอยู่ดี
    ชาร์ลส์ นายจะแก้ปัญหาง่ายๆอย่างงี้ไม่ได้นะ 5555 แต่ตอนนี้เขามีของของกันและกันแล้ว รู้สึกฟลัฟอย่างบอกไม่ถูก ❤

    Like

    • มีความพระเอกนิยายที่เราตามหามากค่ะ ตอนฟังเขาพูดถึงก็ตอบรับแบบอืมๆไปงั้นแต่จริงๆก็ใส่ใจ .//. คู่นี้เป็นความเรื่อยๆที่เราว่ามันสมจริงสำหรับการรู้จักใครสักคนแบบไปเรื้อยๆ อยู่ด้วยแล้วสบายใจแม้จะอยู่ในความเงียบแต่มันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด ของขวัญที่เขาให้กันอีก อุ่ยยยน่ารัก >__\\< 55555555

      Like

  5. ตอนนี้ก็น่ารักอีกแล้วค่าาา เป็นความเรื่อยๆ ที่อบอุ่นมากเลยค่ะ ตอนบอกเมอร์นี่คริสมาสต์นี่แบบ เขินบอกไม่ถูกเลยค่ะ ฮืออออ
    ยังไงก็จะรอติดตามต่อไปนะค่าา (รอรวมเล่มด้วยค่ะ) > <

    Like

  6. โฮ้ยยยย น่ารักมากกกกๆๆๆๆ ค่ะ ชอบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตรงนี้แหล่ะ ฮืออออออออออออ //ปาดน้ำตา

    ชอบบรรยากาศคริสมาสต์แบบนี้มากค่ะ คือมันทั้งโรแมนติกและอบอุ่น ทั้งๆที่มันหนาว 555555 ตอนแต่งต้นคริสมาสต์มันกุ๊กกิ๊กมากค่ะ เหมือนคุณพ่อกะคุณแม่ และยิ่งมาเล่นหมากรุกกันอีก มันคือเวลาที่ทั้งคู่ได้มาชาร์ตแบตร่วมกันจริงๆค่ะ แบบเกิดมาเพื่อกันและกัน การที่ชาร์ลส์ไม่มีของขวัญให้และให้เป็นถ้วยชานั่นแทนมันน่ารักมากๆเลยนะคะ คือทั้งสองคนมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มาก ไม่มีมางอแงไม่ให้ของขวัญ อย่างที่ทิพย์บอกไว้เลยแหล่ะค่ะ แค่ได้อยู่ด้วยกันข้างๆก็พอแล้ว //ร้องไห้

    ขอบคุณที่เขียนฟิคน่ารักแบบนี้มาให้อ่านนะคะ ติดตามตอนต่อเช่นเคยค่าาา สารภาพว่าอยากเห็นตอนชาร์ลส์เห็นอีริคคอนดัควง ต้องใจเต้นตึกตักชัวร์และคนอ่านก็จะตายไปด้วย ฮืออออออ

    ปล. ร้านอาหารน่าอร่อยมากค่ะะะะะ ดีนะที่อิมแล้ว 555555

    Like

  7. แอร๊ยยยยยยย //กรี๊ดยาวๆ มีความอบอุ่นละมุนละไม ดีต่อใจมากมาย อีริคน่ารักมาก นั่งแกะสายรุ้งให้ด้วย 555 มุ้งมิ้งหน้านิ่งไปอีก โมเม้นเมอร์รี่คริสมาสต์เป็นอะไรที่ดีมากกกก ชอบฟีลแบบนี้เนาะ เวลางานก็ส่วนนึง เวลาส่วนตัวก็ส่วนนึง อยู่ด้วยกันไม่ต้องอะไรมากก็เหมือนรู้ใจกันดี ชอบบบบบ ดีใจกับชาร์ลด้วย ได้บัตรคอนเสิร์ตแล้วว จากมือคุณคอนดักเตอร์ด้วยยย อิจจริงๆ 55

    Like

  8. ไม่รู้ทำไม แต่รู้สึกว่าของขวัญแบบนี้ดูอบอุ่นกว่าของขวัญที่ไปหาซื้อตามร้านเพื่อมามอบให้โดยเฉพาะอีกนะคะ เป็นของใช้ในชีวิตประจำวันธรรมดาๆ ใหม่รึก็ไม่ แถมมือสองอีกต่างหาก แต่ให้เพราะต่างฝ่ายต่างใส่ใจกันและกัน และใส่ใจในรายละเอียดของกันและกันด้วย (อย่างถ้วยชาก็ให้เพราะเห็นอีริคชอบใช้ใบนั้น ส่วนผ้าพันคอก็เพราะชาร์ลส์ในตอนนั้นควรใช้)

    และแล้วอีริคก็เริ่มซึบซาบตัวตนเข้าไปในความรู้สึกชาร์ลส์ทีละน้อยๆ… ด้วยคำว่าเมอร์รี่คริสมาสตร์ ฮา ใกล้จะปีใหม่ (ในฟิค) แล้ว มีความสุขมากๆ นะคะทั้งคู่

    ปล. รอตารางเพลงอีริคอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ เห็นแววมาไกลๆ ว่าอาจได้ลิสต์เพลงเพิ่มอีกแล้ว XD

    Like

  9. Pingback: [XMFC Fic][ErikCharles] Adagio Sostenuto (11) | (Note: I was possessed when I wrote this)·

  10. เห็นตอนที่ 12 อัพแล้วเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองห่างหายจากการอ่านฟิคไปนานขนาดไหน แงงง (จริงๆก็ไม่นานมากด้วยซ้ำ แต่ปกติน่าจะอ่านบ่อยเกินไปค่ะ..) ชอบฟิคเรื่องนี้มากๆเลย เป็นกำลังในให้นะคะ!

    Like

  11. ฮื่อออ น่ารักกก เราว่าแล้วว่าอีริคต้องซื้อตั๋วให้ชาร์ลแน่ๆ พ่อศจ.ต้องไม่มีเวลาไปหาซื้อตั๋วแน่
    ฮื่อออ ชอบบ ตอนนี้เรียบๆแต่อบอุ่นมาก
    ฉากตอนเล่นหมากรุกนี้คิดถึง XMFC มากๆจริงๆ งืมมม ชอบบบบ

    Like

Leave a comment