* แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้มีแฟนฟิคชั่น BL..ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *
Chapter 4
บัคกี้ บาร์นส์ต้องขยับให้แผ่นติดล้อเลื่อนที่ตัวเองใช้เป็นที่สำหรับนอนหงายในการซ่อมเครื่องยนต์เคลื่อนออกมาจากใต้ท้องรถเป็นครั้งที่สามของเที่ยงวันนี้…เขาค่อยๆ ขยับลงมานั่งแปะบนพื้นเมื่อเคลื่อนตัวออกมาพ้นเรียบร้อย พิงหลังเข้าหาโครงใหญ่ยักษ์ของรถบรรทุกที่ซ่อมค้างอยู่ ถึงบริเวณที่จอดรถของตัวอู่ตรงนี้จะเปิดประตูเหล็กม้วนไว้จนสูงสุด แต่วันไร้ลมแบบนี้ก็ทำให้ตรงนี้ไม่ต่างอะไรจากหม้ออบไอน้ำที่เก็บความร้อนไว้ได้ทุกองศาจนน่าหงุดหงิดชะมัด
ชายหนุ่มวางขวดน้ำที่ดื่มอึกๆ ลงในที่สุด ก่อนจะเช็ดหน้าเช็ดตาด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก…ความสบายตัวที่ได้รับและกลิ่นสะอาดของผ้าทำให้บัคกี้ยังไม่ยอมเลิกฝังหน้าลงในสัมผัสนุ่มๆ หอมๆ สีขาวนี่อยู่ดีต่อให้ไม่เหลือเหงื่อบนวงหน้าแล้ว
ร้อนแบบนี้นี่มันแย่ชะมัด…ซ่อมไม่ได้ถึงไหนเลย…
ความคิดงุ่นง่านฮึ่มฮั่มของเขาถูกหยุดลงได้ด้วยเสียงที่ดังขึ้นเหนือศีรษะ…และเหตุผลเดียวที่ชายหนุ่มยอมเงยหน้าขึ้นมาก็คือข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นเสียงอันคุ้นเคยและกำลังเรียกชื่อตัวเขาเองอยู่
สายตาและรอยยิ้มของสตีฟ โรเจอร์สที่กำลังยืนก้มลงมามองนั้นให้ความรู้สึกที่เหมือนแสงแดดอย่างประหลาด…บัคกี้พบว่าตัวเองกำลังคิดแบบนี้อยู่จนเกือบไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่ายว่าเขาโอเคดีรึเปล่า
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ร้อนเฉยๆ” บัคกี้ส่ายหน้า ก่อนจะบอกก่อนที่สตีฟจะถามถึงเพราะพอจะเดาได้ว่าเจ้าตัวมาทำไม “วันนี้ยางรถนายยังไม่มาส่งเลย เลยยังซ่อมไม่ได้นะ”
“อ๋อ…โอเค” สตีฟพยักหน้า ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ออกมา “อันที่จริงฉันไม่ได้จะมาทวงอะไรหรอก…นี่ฉันกะจะไปชีลด์สแควร์เฉยๆ น่ะ แต่ไหนๆ ก็ผ่านแล้วเลยคิดว่าแวะเข้ามาถามหน่อยก็ดี”
ชีลด์สแควร์คือจัตุรัสที่มักจะไว้ใช้เป็นที่จัดกิจกรรมต่างๆ ของย่านไปจนถึงเป็นที่ตั้งของตลาดนัดประจำสัปดาห์ แถมพื้นที่ข้างๆ ก็ถูกยึดครองด้วยเหล่าร้านรวงกับคาเฟ่มากมายไปจนถึงห้างสรรพสินค้า จึงไม่น่าแปลกใจที่ชีลด์สแควร์จะเป็นที่หมายในการนัดพบหรือออกมาข้างนอกแบบนี้
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ…
“นายยังจะออกไปตรงนั้นอีกเหรอ?” บัคกี้ถามแบบไม่อยากเชื่อ ขนาดแถบนี้ที่มีต้นไม้เป็นทิวยังร้อนขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาณาบริเวณที่มีแต่ตึกอย่างชีลด์สแควร์จะร้อนขนาดไหน “ร้อนขนาดนี้เนี่ยนะ??”
บัคกี้ไม่รู้ตัวว่าในสายตาของอีกฝ่ายนั้น…ตนคือคุณช่างเครื่องที่กำลังนั่งแหมะอยู่บนพื้นพร้อมกับผมยุ่งๆ และหน้ามุ่ยๆ แบบไม่เข้าใจติดจะยี้ๆ ชอบกล เขาจึงเห็นแค่เพียงว่าสตีฟกำลังกลั้นขำอยู่อย่างสุภาพที่สุดตอนเอ่ยตอบตนเท่านั้น
“มีธุระนิดหน่อยน่ะ” ซึ่งธุระนี่ก็คงเร่งพอตัว เพราะชายหนุ่มผมทองไม่ได้ชวนคุยอะไรต่อ…สตีฟแค่บอกขอบคุณตามมารยาทเรื่องยางรถแล้วก็กล่าวลา
บัคกี้บอกตัวเองว่าความรู้สึกเล็กๆ ในใจว่าอู่วินเทอร์เมคานิคช่างเงียบจนชวนให้เหงาอย่างน่าประหลาดขึ้นมาทันทีหลังจากหลังสตีฟเดินลับไปนั้นไม่ใช่เรื่องจริง
**
การทุ่มเทสมาธิในการโกหกตัวเองนั้นก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน เพราะในเวลาอีกเกือบสองชั่วโมงถัดมา…บัคกี้ก็ไถลแผ่นล้อเลื่อนออกมาจากใต้ท้องรถได้แบบถาวรเพราะงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
คุณช่างเครื่องขยับมานั่งท่าเดิมแบบทีแรกเป๊ะ ก่อนจะถอนหายใจเฮ้อใหญ่ออกมาเมื่อควานมือไปแล้วพบแค่ขวดน้ำที่ดื่มหมดไปนานแล้ว แถมผ้าขนหนูผืนเดิมตอนนี้ก็เปียกเหงื่อจนไม่นุ่มไม่หอมอีกแล้วด้วย
บัคกี้ถอนหายใจอีกที แต่ก็ไม่อยากลุกไปไหนเลย…ชายหนุ่มจึงนั่งมองภาพถนนและทิวไม้กับสนามหญ้าตรงด้านนอกแทน ขอบคุณสายลมยามบ่ายที่เริ่มพัดโชยเข้ามาในตัวอู่บ้างแล้ว
และก็เพราะได้นั่งเฉยๆ นี่เอง…ที่ความพยายามในการโกหกตัวเองพร้อมๆ กับไม่สนใจความเป็นจริงก็ได้จังหวะที่จะเริ่มสั่นคลอน
บัคกี้รู้ว่าตนไม่ควรแม้แต่จะสงสัยถึงความเป็นไปได้นี้ด้วยซ้ำ…เพราะถึงสตีฟจะยิ้มให้ ชวนคุย หรือชวนเขาไปเที่ยวด้วย ยังไงมันก็ยังอยู่ในขอบเขตของคนแปลกหน้าที่เผอิญรู้จักกันด้วยสถานการณ์จำเป็น แม้จะมีบางทีที่ชวนให้สงสัยได้…แต่โดยรวมแล้ว ชายหนุ่มผมทองก็ไม่ได้ดูจะพยายามขยับให้จังหวะความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นอะไรที่มากกว่านั้น เจ้าตัวยังคงทิ้งให้มีช่องว่างระหว่างกัน…ช่องว่างที่เพียงพอให้พวกเขาสามารถถอยกลับไปเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันอีกแล้วได้เมื่อสถานการณ์จำเป็นนี้จบลง
แค่เพียงปัญหาเดียวก็คือ…ความไม่เร่งเร้านี้นี่เองที่ทำให้บัคกี้กลับยิ่งรู้สึกดี
สิ่งที่น่าจะได้เป็นความสัมพันธ์ทุกครั้งในชีวิตของเขาไม่เคยได้กลายเป็นความสัมพันธ์จริงๆ สักทีก็เพราะบัคกี้จะรู้สึกขึ้นมาก่อนเสมอ…ความรู้สึกลำบากใจปนอึดอัดเพราะไม่อาจตอบสิ่งที่คนอื่นต้องการฟังได้ ความรู้สึกของเขาเป็นอะไรที่เติบโตได้เชื่องช้า…ชายหนุ่มไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเขาไม่เชื่อใจใครง่ายๆ หรือเพราะเขาไม่เชื่อใจตัวเอง หรืออาจจะเป็นเพราะทั้งสองเหตุผลรวมกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเสมอก็คือตัวเขาที่รู้สึกได้ว่าเวลาของการต้องให้คำตอบอันชัดเจนนั้นกำลังจะมาถึง หากตนกลับไม่มีแม้แต่คำพูดแรกเริ่มใดๆ…แล้วความรู้สึกผิดกับความอึดอัดใจนี้ก็จะผสมรวมกัน ได้เป็นจุดจบของสิ่งที่ยังไม่ได้แม้แต่จะเริ่มต้นด้วยซ้ำ
แต่กับสตีฟกลับไม่ใช่แบบนั้น…
บัคกี้มีชีวิตอยู่กับสัญชาตญาณของตัวเองมานานพอที่จะรู้แล้วว่าตนเชื่อมันได้ต่อให้จะไม่มีเหตุผลมาอธิบายก็ตาม เขารู้สึกได้ว่าความรู้สึกตอนนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านๆ มา…มันเรียบเรื่อยและอ่อนโยน ให้ความรู้สึกเหมือนการเดินทางที่จุดหมายไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะอย่างไรภาพทิวทัศน์ที่ได้เห็นระหว่างทางก็สวยงามเพียงพอแล้วที่จะทำให้เริ่มต้นก้าวเดิน
เขารู้สึกอย่างไม่มีเหตุผลว่าไม่ว่าจะในฐานะอะไร…ตนก็จะดีใจอยู่ดีที่ได้เป็นคนไม่แปลกหน้าของสตีฟไปนานๆ
บัคกี้ถอนหายใจก่อนก้มหน้าลง สิ่งที่กำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้คือรสชาติของความไม่เข้าใจแบบที่แย่ที่สุด…ความไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าอะไรคือสิ่งที่ตนกำลังไม่เข้าใจอยู่
“บัคกี้?”
เหมือนความทรงจำเล่นซ้ำใหม่…ภาพสตีฟ โรเจอร์สที่ยืนก้มตัวมานิดๆ นี้เป็นอะไรที่ทาบกับภาพเมื่อก่อนบ่ายได้สนิท จะต่างกันก็คงแค่ตรงที่สตีฟในตอนนี้กำลังถือถ้วยพลาสติกใสบรรจุเครื่องดื่มสีเหลืองอมส้มอยู่
เจ้าตัวยิ้มกว้างเมื่อได้สบตากับเขา รอยยิ้มที่ก็ยังให้รสชาติเหมือนแสงแดดในความรู้สึกเสมอทุกครั้งที่ได้เห็น ก่อนที่จะพูดง่ายๆ ออกมา
“ซื้อมาฝาก”
บัคกี้เพิ่งได้สังเกตว่าตรงหน้าตนนั้นคือถ้วยแบบเดียวกันที่ถูกยื่นมาให้ สีสดใสกับน้ำแข็งในถ้วยและไอเย็นที่เกาะพราวทำให้เขาไม่ปฏิเสธตามมารยาทอย่างที่ควรเลย…ชายหนุ่มผมสีเข้มรับถ้วยมา พูดขอบคุณก่อนจะดูดน้ำผลไม้ผ่านหลอดที่ถูกเสียบมาให้แล้ว รสหวานอมเปรี้ยวชื่นใจของน้ำเกรปฟรุตทำให้รู้สึกเย็นลงไปหลายองศา
“อร่อยเนอะ” สตีฟที่นั่งลงข้างๆ เขาพูดขึ้นในที่สุดหลังความเงียบทิ้งตัวลงชั่วครู่ “เป็นร้านเปิดใหม่น่ะ ฉันชิมแล้วอร่อยดีเลยซื้อมาฝาก…เห็นนายบ่นว่าร้อน”
คนข้างตัวพูดต่อว่าตนไม่แน่ใจไหมว่าน้ำแข็งละลายไปเยอะแค่ไหน…ซึ่งบัคกี้ก็ยืนยันสั้นๆ แต่ชัดเจนว่าน้ำเกรปฟรุตนี่อร่อยมาก ก่อนที่บทสนทนาจะค่อยๆ มอบพื้นที่คืนให้กับความเงียบ…บรรยากาศที่ก็ยังทำให้รู้สึกสบายใจอยู่ดีระหว่างกัน
บัคกี้รู้สึกได้ว่าสตีฟแอบลอบมองเขาทางหางตาเป็นครั้งคราว และถ้าเขาทันสบตาด้วย…เจ้าตัวก็จะยิ้มบางๆ มาให้ก่อนจะเบนสายตาจากไปเท่านั้นเอง
เขาก้มลงมองถ้วยพลาสติกใส่น้ำผลไม้ของตัวเอง…แล้วจู่ๆ ในนาทีนั้น บัคกี้ก็หวนคิดถึงคำพูดที่เคยได้ฟังขึ้นมา
“ราคาเท่ากาแฟถ้วยนึงเลยนะ…เปลี่ยนเป็นจ่ายด้วยกาแฟแทนได้มั้ย?”
มันเป็นคำพูดที่ไม่เคยมีใครพูดด้วย…และต่อให้ถ้าจะเคยมี บัคกี้ก็ค่อนข้างมั่นใจได้เกินร้อยว่าตนคงมีแค่คำปฏิเสธให้กับทุกคนที่เข้ามาถามอย่างแน่นอน
แต่ถ้าเป็นตอนนี้…
ความพยายามที่สะสมมาสั่นระริกมากขึ้นอีกนิด…เพียงพอที่จะทำให้บัคกี้รู้สึกสงสัยขึ้นมาแล้วว่าถ้าเป็นในตอนนี้ ตนจะยังปฏิเสธเหมือนเดิมไหม
ซึ่งแน่นอนว่าข้อสงสัยนี้ถูกสมองสั่งให้เลิกคิดทันที…แต่เมื่อจิบเครื่องดื่มจากถ้วยในมืออีกครั้ง บัคกี้ก็ยังรู้สึกได้อยู่ดีว่ามีรสชาติหวานซ่านมากกว่าแค่รสของน้ำผลไม้หลงเหลือไว้อยู่ในความรู้สึก
tbc.
*********************************
อาาาาา กลับมาพบกันอีกครั้งในฟิคที่หนังออก1ภาคถึงอัพ1บทนะคะ ฟฟฟฟฟฟ
ตอนแรกเราคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ยาวค่ะ แต่เพิ่งตัดสินใจวางพล็อตเพิ่มเติมเข้าไปค่ะ เพราะอยากเขียนให้เรื่องมันยาวขึ้น ให้เวลากับความ slow burn เข้ามาอีกนิดอะไรงี้ และจะพยายามไม่ดองแล้วค่ะ #อาจจะยาก
น้ำเกรปฟรุตเย็นๆนี่กินแล้วชื่นใจมากค่ะ เหมือนน้ำส้มแต่จะหวานๆหอมๆกว่า ผสมวอดก้าก็ได้– #อุ๊ย
ช่วงนี้มีแต่สตัคกี้รัวๆค่ะ //โป้งชี้ก้อย
เจอกันเอนทรีหน้านะคะ
ทิพย์เอง
ปูลู สำรวจยอดค่ะ~ ใครสนใจฟิคเราเล่มรีปริ้นรบกวนทำแบบสอบถามด้วยนะคะ(ทั้งซื้อในงาน&ไปร) แบบสำรวจความสนใจเพื่อการรีปริ้นท์แฟนฟิค #moviescnv4
ชอบความรู้สึกของคนดีย์จังค่ะ u///////u
/ชอบ คสพ แบบนี้มากค่ะ อบอุุ่นเล็กๆน่ารักๆค่อยเป็นค่อยไป เป็นอะไรที่ฮือออ น่ารักมาก ;//////;
LikeLike
Hail Stucky ค่ะพี่ทิพย์ กรี๊ซซซซซซซซซซ
LikeLike
บัคกี้เริ่มหวั่นไหวแล้วววววววว ^0^
สู้ต่อไปนะสตีฟ เราเชื่อว่านายทำได้
LikeLike
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ได้เห็นมุมมองของบัคกี้บ้างแล้วววว ดีใจสุดๆไปเลยข่าาาาา ;//////;
ชอบคสพแบบนี้จังง จุดหมายปลายทางไม่ใช่เรื่องสำคัญ แค่ทิวทัศน์ระหว่างเดินทางสวยงามก็มีค่าแล้ว โอ๊ยยยย อบอุ่นวาบๆกับค.slow burn นี้จัง U v U//
ขอบคุณที่แต่งฟิคนี้นะคะะะะะ ฮืออ ชอบมากก ชอบฟิคพี่เรื่องนี้และเรื่องหน้าๆจริงๆค่ะ–*บีบนวดพี่ทิพย์*
LikeLike
คนดีย์เริ่มรู้ใจตัวเองขึ้นมาบ้างแล้ว มันมีบ้างที่สับสนนะ ดีใจที่คนดีทำตามใจตัวเอง ฮือออ ;w; น่ารักมากๆ ค่ะ ดูเป็นความสัมพันธ์เรื่อยๆแต่อบอุ่น ฟฟฟฟฟ //หวีดร้องไม่เป็นภาษา
เอาใจช่วยสตีฟจีบนะคะ 55555 คิดว่าคงติดได้ไม่ยากเท่าไหร่ อ่านในมุมของบัคกี้คนดีย์แล้ว ดูจะชอบสตีฟอยู่ เคลิ้มเลยตอนเขายิ้มให้แบบนี้ อิ___อิ
น้ำเกรปฟรุตที่ว่าหวาน คงเทียบไม่ได้กับรอยยิ้มของสตีฟให้มั้ยคนดี ;/////;
LikeLike
นานๆมาที แต่ก็ดีกับใจเหลือเกินค่ะ
ฟิคเรื่องนี้ก็ยังให้ความรู้สึกที่อบอุ่น น่ารักเหมือนเดิม
ไม่หวือหวาแต่ความเรื่อยๆแบบนี่แหละค่ะที่ทำให้ชอบ
จะรอตอนต่อไป(ถ้ามี)นะคะ555
ติดตามเสมอค่ะ
LikeLike
อ๋อยยย คนดีน่ารักน่าเอ็นดูจังเลยค่ะฮืออ พี่ฉะตี้ฟสู้ๆนะคะ เอาชนะใจคนดีให้ได้ ฟฟฟ /พี่ทิพย์ก็สู้ๆนะคะ จะคอยตอนต่อๆไปค่าา \\-\\
LikeLike
หนูบัคกี้คนดีย์ โอยยยยยยยยยยยยยย น่าเอ็นดูเหลือเกินลูก น่าร้อค อ่านไปแล้วเริ่มรู้สึกว่า นี่มันฟ้านี่นา 55555555 เป็นคนอึนๆซึนๆเหมือนกันเลยอ้ะ อิอิ
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นะคะพี่ทิพพย์ รอ รอ รอ รอ รอ นะคะ /ส่งสายตาปิ๊งๆๆๆ
LikeLike
กรี๊ดดดดดดคนดียยยยยยยยยยยย์
ตายกับช็อตซุกหน้ากะผ้าขนหนูมากค่ะ หนูชอบนุ่มๆหอมๆใช่มั้ยลูก5555555
บัคกี้ต้องเริ่มรู้สึกอะไรบ้างแล้วแน่ๆ งั้นสตีฟสู้นะอย่าเพิ่งท้อออออ
โอ้ยการที่ได้เห็นคนใจแข็งยอมเปิดใจนี่มันดีกับใจมากเลยค่ะพี่ทิพย์ ฮรือออออออ
รักฟิคนี้มากค่ะแงงงงงง อยากจะบอกว่าต่อไปอีกกี่ปีก็ยอมอ่านค่ะไม่ต้องห่วง5555555555
LikeLike
โอยยยย นี่มาเป็นฝั่งบัคกี้บ้าง หลังจากให้คุณสตีฟโชว์กากเป็นแรมปี 😂😂😂😂😂😂 น่ารักมากเลยค่ะะะ ที่ให้บัคกี้แอบมีคิดบ้างว่าเอ้ะอีนี่มันเข้ามาวนเวียนทำไม แต่มุกซ่อมยางนี่ใช้ได้ผลนะคะะะะ เขามีหวั่นไหว หรือเป็นเพราะแค่สตีฟยิ้มหวานก็ไม่รู้เนอะ กิ๊วๆ #โดนประแจกระแทกหน้า ยีงไงขอให้สตีฟขยันขายขนมจีบต่อไปค่ะ สักวันจะต้องสำเร็จจจจ ❤️ ขอบคุณมากนะคะะะ อุตส่าห์เอามาหย่อนให้ด้วย แงงงง
LikeLike
ใกล้แล้วๆๆ อีกนิดนึง บัคกี้ใกล้จะใจอ่อนแล้ว ฮือน่ารักมากมาย ขอบคุณค่า ^^
LikeLike
ขอยังไม่ตามอ่านนะ กลัวค้างคา รอให้จบก่อนเดี๋ยวตามอ่าน (ไม่รู้จะทำได้มั้ย)
แถมยิ่งรู้ว่าตอนต่อไป จะเป็นภาคหน้าของตัวหนังยิ่งต้องห้ามใจอ่าน
เป็นคนสมาธิสั้น รออะไรนานๆ ไม่ได้
เข้ามาให้กำลังใจ เพื่อต่อตอนต่อไปนะ
LikeLike
ต้องบอกว่าดีใจที่มาต่อนะคะ คิดถึงเรื่องนี้ม้ากกกก 5555 สตีฟรู้ตัวมั้ยว่าบัคกี้เริ่มมีความรู้สึกดีๆแล้วน้าาา 5555 ติดตามรอตอนต่อไปค่า หวังว่าสตีฟจะสมหวังได้แล้ว ก่อนที่จะต้องถอดน๊อตตัวไหนออกจากมอไซค์อีก
LikeLike
แงงงงงงงงงงง ;/////;
ชอบมากกกกกก ชอบความรู้สึกช้าๆแบบนี้
ถึงจะช้าแต่มั่นใจ ค่อยๆซึม
ฮือออออออออออ คือดีย์ /เสียสติ
ขอบคุณที่อัพนะคะ /ตายไปแล้ว
LikeLike
เรื่องนี้น่ารักยังไงก็ยังงั้นเลยค่ะ
บัคเกกกกกกกกกก้ น่ารักจังเลยฮืออ
คุณสตีฟก็ช่างน่ารักเหลือเกิน เอาน้ำมาให้แก้ร้อนด้วย นี่มีความรู้สึกว่าฟิคพี่ทิพย์เข้ากับสภาพอากาศตอนนี้มากค่ะถถถถถ
LikeLike
น่ารักขึ้นเรื่อยๆเลยค่ะ ฟิคเรื่องนี้
บัคกี้เองก็แอบมีใจให้เขา แต่ยังวางมาดอยู่สินะ แหม น่ารักจริงๆ ^^
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ ขอให้สมหวังกันเร็วๆนะคะ อิอิ
ปล.อ่านฟิคนี้แล้วหิวน้ำหวานเลย อากาศร้อนมาก55
ปล2. ฟิคน้องทิพย์สนุกมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับฟิคน่ารักๆ นะคะ
LikeLike
ฟิคเรื่องนี้นานมาก ตั้งแต่เรายังไม่ได้สมัคร wordpress เลยค่ะ ตอนนี้สมัครแล้วเลยเข้ามาเม้นเป็นกำลังใจให้ นึกว่าจะไม่มาต่อแล้ว ตอนนี้ดีใจมากค่ะ T^T เรื่องนี้สนุกมากค่ะ ชอบบุคกี้ลุคแบบนี้ ดูน่ารักน่าเอ็ดดู สตีฟก็แลดูอบอุ่นด้วย เขียนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
LikeLike
พี่ทิพย์ง่าาา นี่ตั้งตารอเลยว่าฟิคนี้จะอัพวันไหน ดูหนังเสร็จก็มาจ้องเวิร์ดเพรสรัวๆ ในที่สุดก็มาาาา 55 สตัคกี้คือที่สุด ณ จุดนี้คือฟินมากกก แอร๊ยยยย เกรงใจแต่อยากจะขอว่า อย่าให้กับหนึ่งภาคหนึ่งบทเลยนะคะ เดี๋ยวจะนานไปนี๊ดดด อิอิ ซุ่มอ่านอยู่นะค้าาา เป็นกำลังให้ใจเสมอค่าา ><
LikeLike
คนดีย์น่ารักน่าเอ็นดูจังเลยค่ะพี่ทิพย์
อ่านแล้วรู้สึกอุ่น (ไม่ใช่เพราะอุณหภูมิบ้านเรานะคะ555) แบบอุ่นๆในใจ
สู้ๆนะคะพี่ทิพย์ ><
LikeLike
ชอบชื่อ บั๊คกี้ จัง น่ารักดีแต่รู้สึกว่าไม่เข้ากับหน้าตาเท่าไหร่นะ 555
LikeLike
เพิ่งได้มาอ่านค่ะ ฟิคอ่านแล้วเขิน ปนอบอุ่นจังเลยค่ะ
LikeLike
คิดตรงกันกับบัคกี้เลยค่ะ ชอบคงามค่อยเป็นค่อยไป ไม่รุกจนเกินหรือแสดงออกชัดเกินว่ามาเพื่อจุดประสงค์อะไร เพราะถ้าปฏิเสธไปมันก็อึดอัดแถมกลับไปเป็นฐานะเดิมที่ดีต่อกันยากอีก… บัคกี้น่าถะนุถนอมเกลือเกิน ฉะตี๊ฟดูแลดี๊ย์ดีย์ฮอลลลลลลลลลลลล ชอลความอบอุ่นของสองคนนี้เหลือเกิน น่ารักแรวงงงง ;////;
LikeLike
พึ่งมาเจอ สนุกมากๆเลย บัคกี้น่าเอ็งดูมากเลย งืออออออออ รอไรท์มาต่ออยู่นะคะ รอตะเหมอ 😁
LikeLike